คุณ lala เป็นผื่นแดง บวมเล็กน้อย ตอนหายผื่นลอกด้วย น่าจะเป็นผิวหนังเปลือกตาอักเสบเหตุแพ้สัมผัสจากสารก่อภูมิแพ้ครับ เนื่องจากผิวหนังเปลือกตาเป็นส่วนที่บางที่สุดในร่างกาย ความหนาเมื่อเปรียบเทียบกับใบหน้าส่วนอื่นแล้วหนาเพียง 1 ใน 4 ของผิวหนังใบหน้า จึงมีโอกาสแพ้สัมผัส และสารก่อภูมิแพ้สามารถดูดซึมเข้าผิวหนังได้ง่าย จากการใช้มือและนิ้วมือ เช็ด ถู เกา

การรักษา คือ การหลีกเลี่ยงสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ ส่วนยาที่ใช้ทาโรคผิวหนัง seborrheic dermatitis กับผิวหนังเปลือกตาอักเสบเหตุแพ้สัมผัสจากสารก่อภูมิแพ้ เป็นยาต้านการอักเสบเหมือนกัน แต่ต้องเลือกใช้ชนิดความแรงต่ำถึงปานกลาง ใช้เพียงระยะเวลาสั้นๆ และทาในพื้นที่จำกัดเล็กๆ เนื่องจากมีผลข้างเคียงได้เร็ว เช่น การระคายเคือง แสบร้อน มีการติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน ผิวหนังฝ่อ เกิดสิว สีผิวบริเวณนั้นซีดขาว ขนยาว เกิดริ้วลาย หรือแม้แต่ต้อหิน และต้อกระจกครับ

ใช่ค่ะ เวลาทาจะรู้สึก แสบ ร้อน ขอถามอีกนะค่ะ1.แพ้สัมผัสจากสารก่อภูมิแพ้ นี่คืออะไรค่ะ ไม่เข้าใจค่ะ 2.ไม่ได้เป็นโรคเดียวกันหรอค่ะ เพราะว่ามันเกิดที่เดียวกันซ้ำๆอ่ะค่ะ 3.แล้วจะป้องกันยังไงค่ะ  4. อีกคำถามนึงค่ะ ถ้าไม่ทายา มันจะหายเองมั้ยค่ะ เพราะกลัวผลข้างเคียง หาหมอที่คลินิกผิวหนัง เค้าก็บอกว่าใช้ยาตัวเดียวกันได้อ่ะค่ะ  ขอบคุณคุณหมอมากค่ะที่กรุณาสละเวลามาตอบ กรุณาตอบอีกครั้งนะค่ะ

สารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้ผิวหนังเปลือกตาอักเสบ ได้แก่ สารกันเสีย คือ ฟอร์มอลดีไฮด์ หรือควอเทอร์เนียม-15 ซึ่งเป็นส่วนผสมอยู่ในเครื่องสำอางสำหรับตา เช่น สารทาเปลือกตาอายชาโดว์ สารเขียนอายไลเนอร์ และมาสคาร่าที่ทาเพิ่มความเข้ม ความหนา และความยาวให้แก่ขนตา

หรือโลหะนิเกิล และโคบอลท์ ซึ่งเป็นส่วนผสมของสารที่ทำให้เกิดสีในเครื่องสำอาง หรือน้ำยาดัดขนตา ก็เป็นสารก่อภูมิแพ้ที่สำคัญ

นอกจากนั้นผลิตภัณฑ์สำหรับผมทั้งหมด เช่น แชมพูสระผสม ครีมนวดผสม สารย้อมสีผม น้ำยาสเปรย์ฉีดผม หรือผลิตภัณฑ์สำหรับผมอย่างอื่น ก็ทำให้ผิวหนังเปลือกตาอักเสบได้มากกว่าหนังศีรษะอักเสบ

รวมทั้งสารเคมีที่มือของเราสัมผัส เช่น น้ำยาทาเล็บ น้ำยาทาให้เล็บแข็งแรง เมื่อมือสัมผัสใบหน้า ก็จะสัมผัสผิวหนังเปลือกตาไปด้วย ทำให้เกิดผิวหนังเปลือกตาอักเสบเช่นกัน

คุณ lala คิดว่าน่าจะเป็น seborrheic dermatitis ก็อาจเป็นได้ครับ อย่างนี้คงต้องให้แพทย์ตรวจดูชัดๆ

ส่วนการป้องกัน หากเป็นการอักเสบเหตุสัมผัสสารก่อภูมิแพ้ เราก็ต้องเลี่ยงการสัมผัสสารสงสัยทั้งหมดก่อน

และหากไม่มีสารภายนอกหรือเหตุรบกวนใดๆก่อการอักเสบแล้ว เรื่องผิวหนังอักเสบจะค่อยๆลดการอักเสบลงเอง อาจไม่ต้องทายาก็ได้

แต่หากมีการเกา การถู อาจทำให้สีผิวเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลเข้มกว่าเดิมครับ

หนูเคยได้ยินมาว่าอาหารเสริมน้ำมันอีฟนิ่ง พริมโรสจะช่วยบรรเทาได้  จึงหรือป่าวค่ะ

น้ำมันอีฟนิ่ง พริมโรสมีการนำมาใช้เป็นส่วนผสมในเครื่องสำอาง โลชั่นรักษาความชุ่มชื้นของผิวหนัง

ส่วนอาหารเสริมไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม หลักฐานทางวิทยาศาสตร์ยืนยันได้ว่าอาหารหลัก 5 หมู่มีประโยชน์มากกว่าแน่นอนครับ

คุณหมอค่ะขอถามอีกหน่อยค่ะ หนูเพิ่งสังเกตุเห็นว่าที่ขาหนูตรงหน้าขากับหลังต้นขาหนูมันมีรอยแดงๆ ไม่แดงมากเหมือนสีน้ำตาลๆค่ะย่นๆ ลอกๆ จุดวงกลมเล็กๆแต่ไม่คัน ไม่แสบ ไม่ร้อนนะค่ะ มันจะเป็นโรคสะเก็ดเงินรึป่าวค่ะ หนูกังวลมากค่ะ เครียดด้วย กรุณาตอบด้วยนะค่ะ หนูมีรูปด้วย แต่หนูเอาลงไม่เป็น

ถึง คุณ lala

สำหรับวิธีการลงรูปภาพในกระทู้ สามารถอ่านวิธีได้ตามลิ้งค์ด้านล่างนะคะ

http://haamor.com/webboard/ห้องปรึกษาปัญหาสุขภาพทั่วไป/4992/