ตามที่บรรยายเป็นลักษณะของสิวที่ใบหน้าค่ะ (Acne Vulgaris) สิวมีหลายประเภท คล้ายผดเล็กๆ บีบออกมาได้ เป็นแบบหัวปิด (closed comedone) แบบที่เห็นเป็นจุดดำๆ กดออกมาได้เป็นลักษณะหัวเปิด (opened comedone) ค่ะ ทั้ง 2 แบบเป็นสิวไม่อักเสบ แต่หากกดบีบมากๆจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ เป็นตุ่มกดเจ็บ และเป็นสิวอักเสบตามมาได้ค่ะ ตามช่วงอายุประมาณ 18 ปี เป็นช่วงที่มีโอกาสเป็นสิวได้มากขึ้นกว่าช่วงอื่นอยู่แล้ว เพราะมีผลจากฮอร์โมน androgen ในร่างกายที่เพิ่มขึ้นในช่วงวัยรุ่น หากเป็นสิวในช่วงวัยอื่นอาจต้องหาสาเหตุเพิ่มเติมเพื่อการรักษาที่เหมาะสมต่อไปค่ะ

การรักษาสิว ปัจจุบันมีหลากหลายวิธีมากค่ะ ก่อนอื่นต้องประเมินจากความรุนแรง ว่ามีสิวมากหรือน้อยแค่ไหน หากมีลักษณะสิวอักเสบมาก และมีความรุนแรงมากอาจจำเป็นต้องเริ่มรักษาด้วยยาชนิดรับประทานจะให้ผลเร็วและดีกว่ามากๆ ตามที่กล่าว ดูเหมือนปริมาณสิวอักเสบไม่มาก จึงสามารถเริ่มด้วยยาทาก่อนได้

สำหรับยาที่ใช้ทารักษาสิว กรณีที่เป็น comedongenic acne ตามคำถามในกระทู้

การรักษามาตรฐานเบื้องต้นคือการทายากลุ่ม retinoids (vitaminA) ซึ่งมีฤทธิ์หลักในการผลัดเซลล์ผิวออก ทำให้ลดการก่อตัวของ comedone ที่เป็นสาเหตุของการเกิดสิวค่ะ อย่างไรก็ตามยากลุ่มนี้ค่อนข้างไวต่อแดด แต่มีผลข้างเคียงทำให้หน้าแห้ง จึงควรระมัดระวังและใช้ความแรงของยาตามคำแนะนำของแพทย์ค่ะ สิ่งที่พบตามมาได้เสมอของการทายานี้คือ ผิวหน้าอาจแห้งและแดงได้มากในช่วงแรก บางรายแพ้มีอาการแสบและผิวลอก 1 สัปดาห์หลังจากใช้อาจมีสิวเห่อขึ้นได้มากๆ มีเม็ดเล็กของ closed และ open comedone เพิ่มขึ้นมากๆ แต่หลังจากนั้นทั้งหมดจะค่อยๆหลุดออก และดีขึ้นค่ะ

การกดสิว (comdone extraction) เป็นการรักษาวิธีหนึ่ง แต่หากทำไม่ถูกวิธี และรุนแรง จะทำให้เกิดสิวอักเสบมากขึ้นได้ โดยมากไม่แนะนำค่ะ แต่คนส่วนใหญ่จะชอบเนื่องจากรู้สึกว่าเห็นผลเร็ว แต่ไม่ได้ทำให้สิวใหม่ลดลง เป็นการกด comedone ที่อยู่ออกเท่านั้น ดังนั้น หากใช้ยากลุ่ม retinoids สม่ำเสมอ ต่อเนื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องกดสิว ลดการบอบช้ำของใบหน้าได้ค่ะ อีกอย่าง เวลากดสิวจะกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ เป็นผลทำให้เกิดรอยดำจากสิวตามมาได้มาก จึงไม่แนะนำ แตหากจำเป็น สามารถทำได้แต่ควรให้แพทย์ผู้เชี่ยวชาญทำจะดีกว่าค่ะ

กาiรักษาอื่นๆ จริงๆมีอีกมากค่ะ แต่การรักษาเบื้องต้นคือแบบที่แนะนำไป ปัจจุบันมีคลินิกรักษาสิวจำนวนมาก แต่ละที่มียาและวิธีการรักษาแตกต่างกัน ขอให้พิจารณาดูดีๆก่อนรักษานะคะ ถ้ามีโอกาส สามารถไปพบแพย์ ได้รับคำแนะนำที่ถูกต้อง อาจไม่จำเป็นต้องเสียเงินในการรักษานานอย่างที่คิดค่ะ

พญ. ลีลาวดี