การคันโดยไม่มีผื่นชัดเจนคงบอกได้ยากว่าเกิดจากอะไร เพราะเป็นอาการแสดงที่ไม่ได้ เฉพาะกับโรคใด โรคหนึ่งเท่านั้น สาเหตุของการคันมีมากมาย แบ่งเป็น 2 ประเภท

1) เกิดจากความผิดปกติ ของผิวหนังบริเวณที่คันเอง การคันประเภทนี้ มักมีผื่นร่วมด้วย

2) เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย โรคในกลุ่มนี้อาจไม่มีลักษณะเฉพาะที่ผิวหนัง หากแต่มีแต่รอยการเกาเท่านั้น โรคภายในร่างกายที่สามารถทำให้เกิดอาการคันได้เช่น

• โรคพยาธิ
• โรคเรื้อรังต่างๆ หรือโรคประจำตัวเช่น โรคเบาหวาน โรคไตวาย โดยเฉพาะในคนที่คุมเบาหวานไม่ค่อยดี จะมีอาการคันตามตัวได้มาก
• โรคดีซ่านจากการอุดตันของทางเดินน้ำดี โดยคนไข้อาจมีอาการตัวเหลือง ตาเหลืองร่วมด้วย บางคนอาจสังเกตว่ามีอุจจาระที่สีซีดขาว ปัสสาวะสีเหลืองเข้ม
• โรคมะเร็ง โดยเฉพาะมะเร็งเม็ดเลือดขาว มะเร็งต่อมน้ำเหลือง จะพบอาการคันได้มากกว่ามะเร็งชนิดอื่น
• โรคจิต ก็ทำให้เกิดอาการคันได้

การหาสาเหตุในกลุ่มนี้ ต้องตรวจเลือด อุจจาระ ปัสสาวะ ส่วนใหญ่ถ้าทานยาแก้คันแล้วไม่หาย ประมาณ 2 สัปดาห์ควรไปตรวจค่ะ

ตอนนี้ก้คันบริเวณ  ขาหนีบ ค่ะ   ถ้าทายา คาลาไมลืก้อจะหาย ถ้ามีตุ่มคล้ายหนอง บางครั้งก้มีตุ่มใส่ๆ ที่ชอบคันคือ  ที่ต้นขา  ค่ะ

และช่วงนี้ก็คันช่วง ราวนม ค่ะ  และบางครั้ง ก้คันในร่มผ้า  ต้องใช้แลคทาซินล้างบริเวณษนั้น ถ้าจำเป็นจริง  แต่ก่อนเคยมีเม็ดตุ่มๆๆใสๆคล้ายหนอง บนเนิน.....( ของผู้หญิง  มันจะเป็นบางช่วง  แบบนี้เขาเรียกว่าต่อมน้ำเหลืองอักเสบไม่ค่ะเพราะหนูเป้นคนน้ำเหลืองไม่ค่อยดี  ตั้งแต่เด็ก ยุงกัด ชอบเป้นแผลเป้นค่ะ

ถ้ามีผื่นคัน บริเวณต่างๆที่กล่าวมา น่าจะตรวจดูว่าเป็นเชื้อราหรือเปล่า บางครั้งมีผื่นที่หนึ่ง อาจจะกระตุ้นให้คันทั้งตัวได้ เมื่อเรารักษาผื่นต้นเหตุไป อาการคันก็หายได้ คาลาไมด์ แก้อาการคันได้แต่ไม่แก้ที่สาเหตุ และบางครั้งถ้าทามากไปผิวจะแห้ง และยิ่งคันเพิ่ม

น้ำเหลืองของทุกคนเป็นสิ่งที่อยู่ในร่างกายดีทั้งนั้นค่ะ มีประโยชน์หลายอย่าง ทางการแพทย์แผนปัจจุบันไม่มีโรคน้ำเหลืองไม่ดีค่ะ