กระดานสุขภาพ
ไม่สบาย | |
---|---|
12 มกราคม 2562 05:08:41 #1 สามีเวลาไม่สบายมักจะถ่ายท้อง เกิดจากอะไรคะ แล้วตัองทำยังไง |
|
อายุ: 36 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 95 กก. ส่วนสูง: 170ซม. ดัชนีมวลกาย : 32.87 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
13 มกราคม 2562 03:13:59 #2 ท้องเสีย (Diarrhea) หมายถึง การถ่ายอุจจาระเหลว หรือเป็นน้ำตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไปต่อวัน โดยอาจถ่ายเป็นน้ำหรือเป็นมูกเลือด ซึ่งเรียกได้อีกชื่อว่า โรคบิดหรือเป็นบิด และเมื่อท้องเสียหายได้ภายใน 2 สัปดาห์เรียกว่า ท้องเสียเฉียบพลัน เมื่อท้องเสียนาน 2 - 4 สัปดาห์เรียกว่า ท้องเสียต่อเนื่อง (Persistent diarrhea) และเมื่อท้องเสียนานมากกว่า 4 สัปดาห์ขึ้นไปเรียกว่า ท้องเสียเรื้อรัง ท้องเสียโดยทั่วไปมักเกิดจากการกินอาหารและดื่มน้ำปนเปื้อนเชื้อโรคหรือจากรักษามือไม่สะอาด อุจจาระที่ปนเปื้อนจากมือจึงก่อให้เกิดการติดเชื้อได้จากมือสู่ปากโดยตรง หรือในการปรุงอาหารในการสัมผัสอาหาร/น้ำดื่มในขั้นตอนต่างๆ และรวมทั้งในขั้นตอนของการเลี้ยงดูเด็ก ซึ่งโดยทั่วไปท้องเสียจากการติดเชื้อมักเป็นท้องเสียเฉียบพลัน อาการสำคัญจากท้องเสียคือ การถ่ายอุจจาระตั้งแต่วันละ 3 ครั้ง ส่วนอาการอื่นๆที่อาจพบร่วมด้วยเช่น ปวดท้อง ปวดมวนท้อง ปวดเบ่ง อ่อนเพลีย นอกจากนั้นขึ้นกับสาเหตุเช่น มีไข้ ปวดเมื่อยตัว เมื่อเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย หรือเชื้อไวรัส หรือถ่ายเป็นมูกเลือด เมื่อเกิดจากติดเชื้อบิด ทั้งนี้อาการสำคัญที่สุดและอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้รวดเร็วคือ อาการจากร่างกายขาดน้ำ (ภาวะขาดน้ำ) และสูญเสียเกลือแร่ที่ออกร่วมมาในอุจจาระ อาการสำคัญของการขาดน้ำในผู้ใหญ่ที่สำคัญคือ • กระหายน้ำมาก • ปัสสาวะน้อย ปัสสาวะมีสีเหลืองเข็มจัด • ปากแห้ง ลิ้นแห้ง ผิวแห้ง เมื่อเป็นมากตาจะลึกโหล เพราะเนื้อเยื่อรอบๆตาขาดน้ำไปด้วย • เมื่อขาดน้ำมากรุนแรงจะวิงเวียน มึนงง กระสับกระส่าย และช็อกในที่สุด อนึ่ง อาการขาดน้ำในเด็กส่วนใหญ่คล้ายคลึงกับในผู้ใหญ่ ยกเว้นในเด็กอ่อนซึ่งมักไม่มีปัสสาวะเลย กระหม่อมจะบุ๋มลึก และไม่มีน้ำตาเมื่อร้องโยเยหรือร้องไห้ แนวทาางการรักษาท้องเสียคือ การรักษาและป้องกันภาวะขาดน้ำ ซึ่งเมื่อผู้ป่วยดื่มไม่ได้ หรือท้องเสียรุนแรง อาจเป็นการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ แต่ถ้ายังกิน/ดื่มได้ การรักษา คือ การดื่มน้ำหรือดื่มน้ำเกลือแร่ซึ่งเป็นยาผงละลายน้ำที่ทั่วไปเรียกว่า ยาโออาร์เอส (ORS, Oral rehydration salts) นอกจากนั้นคือ การรักษาตามสาเหตุเช่น อาจให้ยาปฏิชีวนะเมื่อเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย และการรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น ยาบรรเทาปวดท้อง หรือยาลดไข้ โดยทั่วไป แพทย์มักไม่แนะนำการกินยาหยุดท้องเสีย เพราะการถ่ายอุจจาระเป็นวิธีหนึ่งที่ร่างกายใช้กำจัดเชื้อโรคและ/หรือสารพิษจากเชื้อโรคออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม กรณีนี้ขึ้นกับอาการผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ การดูแลตนเอง/การพบแพทย์เมื่อท้องเสียคือ • พักผ่อน หยุดงาน หรือหยุดเรียน • ดื่มน้ำมากๆ ดื่มน้ำผงเกลือแร่ เมื่อถ่ายเป็นน้ำหรือรู้สึกปากแห้ง • กินอาหารอ่อน อาหารเหลว หรืออาหารรสจืด • ยังไม่ควรกินยาหยุดท้องเสียด้วยเหตุผลดังกล่าวแล้ว อาจกินยาลดไข้ บรรเทาอาการปวดท้อง • รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น • ควรรีบพบแพทย์เมื่อ • มีอาการร่างกายขาดน้ำดังกล่าว • อาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 1 - 2 วัน (ในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ หรือคนมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ ควรพบแพทย์เมื่ออาการท้องเสียไม่ดีขึ้นภายใน 1 วัน) • ปวดท้องมาก และ/หรือ คลื่นไส้ อาเจียน และ/หรือ ตัว/ตาเหลือง • มีไข้สูง • อุจจาระเป็นมูก หรือมูกเลือด หรือมีสีดำและเหนียวเหมือนยางมะตอย (อาการของการมีเลือดออกในกระเพาะอาหาร) |
Kong*****w