กระดานสุขภาพ

การติดต่อของวัณโรค
Bank*****g

24 ธันวาคม 2561 12:31:21 #1

ตาผมเป็นโรคปอด หอบ เพราะสูบบุหรี่ ไปหาหมอครั้งล่าสุดหมอบอกว่าไม่มีเชื้อวัณโรค แต่หลังจากที่กลับมาบ้านแกก็ไอๆเปนเดือน วันก่อนแกบ่นปวดหน้าอก ก็เลยไปหาหมออีกครั้ง รอบนี้หมอบอกว่าเปนวัณโรคครับ. กลุ้มใจมากครับ เพราะก่อนหน้านั้นที่อยู่ร่วมกันก็มีพูดคุย ใช้ไปซื้อของ นั่งห่างๆประมาน 4-5 เมตรแล้วแกไอๆ แล้วคลายเสมหะลงพื้นแต่ก็ไม่ได้ปิดผ้าปิดจมูกเพราะตอนแรกหมอบอกไม่เปนวัณโรค. ตอนนี้แกนอน รพ ได้ 2 วันหมอบอกต้องฆ่าเชื้อ 2 อาทิต แบบนี้ที่ผ่านๆมา ผมกลุ้มใจครับว่าจะได้รับเชื้อหรือป่าวต้องทำยังไงบ้างครับ ถึงจะรู้ว่าปลอดภัย. แต่ก่อนหน้านี้ผมคิดจะไปบริจาคเลือดอยู่แล้วเพราะเปนวันเกิด การยริจาคเลือดเขาตรวจหาร่งรอยการตืดเชื้อไหมครับ แบ้วควจไปไหมครัย
อายุ: 75 ปี เพศ: M น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 165ซม. ดัชนีมวลกาย : 14.69 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
Haamor Admin

(Admin)

24 ธันวาคม 2561 16:25:23 #2

เรียนคุณ banking

ก่อนอื่นทางทีมงานต้องขอความร่วมมือในการตั้งคำถาม จึงขอความร่วมมือให้ใส่อายุ ส่วนสูง และน้ำหนักของผู้ป่วยท่านนั้นๆ นะคะ ซึ่งในที่นี้คือตาของคุณค่ะ

รบกวนขอ อายุ เพศ ส่วนสูง และน้ำหนัก ของตาของคุณด้วยค่ะ

กดตอบกลับข้างล่างก็ได้นะคะ เดี๋ยวทีมงานเปลี่ยนให้เองค่ะ

"แบ้วควจไปไหมครัย" คืออะไรหรอคะ

Bank*****g

25 ธันวาคม 2561 02:58:51 #3

คุณตา เพศชาย อายุ 75 น้ำหนัก 40 สูง 165 ครับ
Bank*****g

25 ธันวาคม 2561 02:59:41 #4

"แบ้วควจไปไหมครัย" คืออะไรหรอคะ คือ แล้วควรไปไหมครับ
Haamor Admin

(Admin)

25 ธันวาคม 2561 05:51:25 #5

ขออภัยนะคะ แอดมินนึกว่าถามอาการป่วยของคุณตา

พญ.กิติพร กวียานนท์

แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป

25 ธันวาคม 2561 07:42:31 #6

ขอตอบคำถามในเรื่องของความเสี่ยงในการติดวัณโรคนะคะ บุคคลใกล้ชิดเช่น คนในบ้านพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและเอกซเรย์ปอด ซึ่งในผู้ใหญ่ ถ้าผลเอ็กซเรย์ไม่พบความผิดปกติจะถือว่าไม่เป็นวัณโรคไม่จำเป็นต้องมีการรักษา

ในส่วนของการบริจาคเลือด แนะนำให้ไปตรวจเรื่องวัณโรคก่อน หากไม่ได้ติดเชื้อ ก็สามารถบริจาคได้ค่ะ

วัณโรค (Tuberculosis) หรือทั่วไปมักเรียกย่อว่า โรคทีบี (TB) เป็นโรคติดเชื้อเรื้อรังที่ เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อ Mycobacterium Tuberculosis บางครั้งเรียกว่า เอเอฟบี (AFB, acid fast bacilli) ถึงแม้ว่าส่วนใหญ่การอักเสบจากเชื้อวัณโรคจะเกิดในปอดที่เรียกว่า วัณโรคปอด แต่ก็สามารถเกิดโรคที่อวัยวะอื่นได้เกือบทุกอวัยวะในร่างกายเช่น ต่อมน้ำเหลือง สมอง และลำ ไส้

วัณโรคเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คนทางการหายใจ โดยเชื้อวัณโรคจะแพร่จากผู้ป่วยวัณโรค ปอดไปสู่ผู้อื่นทางละอองเสมหะขนาดเล็กๆซึ่งออกมาจากการไอ จาม หรือพูด ละอองเสมหะเหล่านี้จะสามารถลอยอยู่ในอากาศได้หลายชั่วโมง และเมื่อสูดเข้าไปจะเข้าไปจนถึงถุงลมปอด แล้วเกิดการอักเสบได้ ในการไอ 1 ครั้งอาจพบมีละอองเสมหะออกมาถึง 3,000 ละอองเสมหะ

โอกาสของการแพร่เชื้อวัณโรคขึ้นอยู่กับหลายปัจจัยคือ

ลักษณะของวัณโรคปอดคือ ถ้าเป็นวัณโรคปอดชนิดที่มีโพรง (เนื้อปอดเกิดเป็นโพรงซึ่งติดต่อกับหลอดลมได้ดี จึงทำให้ตรวจพบเชื้อในเสมหะได้สูง) ซึ่งมักจะตรวจพบเชื้อในเสมหะ จะมีการแพร่เชื้อวัณโรคออกทางเสมหะมาก แต่ในผู้ป่วยที่เป็นวัณโรคปอดชนิดไม่มีโพรง (โอกาส ตรวจพบเชื้อในเสมหะลดลง) หรือผู้ป่วยที่ย้อมเสมหะไม่พบเชื้อจะมีการแพร่เชื้อน้อยกว่า และในผู้ ป่วยวัณโรคนอกปอดเช่น วัณโรคในต่อมน้ำเหลืองและวัณโรคในเยื่อหุ้มปอด จะไม่มีการแพร่เชื้อ

การอยู่ใกล้ชิดผู้ป่วยวัณโรคปอดในสภาพแวดล้อมที่ปิดทึบ การระบายอากาศไม่ดี ไม่ โดนแสงแดด โอกาสจะติดเชื้อวัณโรคจะสูงขึ้น เพราะเชื้อวัณโรคที่อยู่ในละอองเสมหะจะถูกทำ ลายได้เมื่อโดนแสงแดดและความร้อน

วัณโรคจะไม่ติดต่อทางการรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือสัมผัส และในผู้ป่วยวัณโรค ปอดที่ได้รับยาวัณโรค ส่วนใหญ่จะไม่แพร่เชื้อเมื่อทานยาเกิน 2 อาทิตย์ไปแล้ว

การตรวจทางห้องปฏิบัติการที่ช่วยวินิจฉัยวัณโรคได้แก่

เอ็กซเรย์ปอด ลักษณะผิดปกติที่เข้าได้กับวัณโรคปอดเช่น พบการอักเสบของปอดที่ ปอดกลีบบน

การย้อมเชื้อวัณโรคจากเสมหะ ควรทำในผู้ป่วยทุกรายที่สงสัยว่าเป็นวัณโรคเพื่อช่วย ยืนยันการวินิจฉัย โดยจะเก็บเสมหะตอนเช้าหลังตื่นนอน 3 วันติดต่อกัน จะรู้ผลภายในประมาณ 30 นาที แต่มีข้อเสียคือ วิธีนี้มีโอกาสตรวจพบเชื้อวัณโรคได้เพียงประมาณครึ่งหนึ่งของผู้ป่วย เท่านั้น ดังนั้นผู้ป่วยที่ตรวจไม่พบเชื้อวัณโรคในเสมหะก็ยังอาจเป็นโรควัณโรคปอดได้

การเพาะเชื้อวัณโรคจากเสมหะ ข้อดีคือ วิธีนี้สามารถตรวจพบเชื้อได้สูงถึง 80 - 90% ของผู้ป่วย แต่ต้องใช้เวลาประมาณสองเดือนจึงทราบผล

อนึ่ง เมื่อมีผู้ป่วยที่มีอาการเข้าได้กับวัณโรคเช่น ไอเรื้อรัง มีไข้โดยไม่ทราบสาเหตุ น้ำหนักลด แพทย์จะส่งทำเอ็กซเรย์ปอด ซึ่งถ้าพบลักษณะผิดปกติที่เข้าได้กับวัณโรคปอด แพทย์จะให้ผู้ ป่วยเก็บเสมหะตรวจย้อมเชื้อวัณโรค ซึ่งถ้าพบเชื้อวัณโรคก็จะวินิจฉัยได้แน่นอน แต่บางครั้งผู้ ป่วยมีอาการและเอ็กซเรย์ปอดเข้าได้กับวัณโรคแต่ย้อมไม่พบเชื้อวัณโรคในเสมหะ แพทย์อาจ ให้การวินิจฉัยและให้การรักษาแบบวัณโรคปอดได้ แต่ต้องติดตามอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด

ผู้ป่วยวัณโรคควรดูแลตนเองหรือควรปฏิบัติดังนี้

1.รับประทานยาวัณโรคตามที่แพทย์แนะนำจนครบตามกำหนด เพื่อป้องกันการเกิดวัณโรคดื้อยา ถ้ามีอาการผิดปกติหลังเริ่มรับประทานยาวัณโรคเช่น มีผื่น อาเจียน ปวดข้อ ต้องรีบพบแพทย์ เพื่อทำการปรับยาและพบแพทย์ตามนัดสม่ำเสมอ

2.ในช่วงแรกของการรักษาโดยเฉพาะสองอาทิตย์แรกถือเป็นระยะแพร่เชื้อ ผู้ป่วยควรอยู่แต่ใน บ้าน โดยแยกห้องนอน นอนในห้องที่อากาศถ่ายเทสะดวกและแสงแดดส่องถึง ไม่ออกไปในที่ ที่มีผู้คนแออัด และต้องใส่หน้ากากอนามัยเวลาอยู่ในที่ชุมชน

3.ปิดปาก จมูก เวลาไอหรือจามทุกครั้ง

4.งดสิ่งเสพติดเช่น เหล้า บุหรี่ พักผ่อนให้เพียงพอ ทานอาหารที่มีประโยชน์ (อาหารมีประ โยชน์ห้าหมู่) เช่น เนื้อสัตว์ ไข่ ธัญพืช ผัก และผลไม้

5.ให้บุคคลใกล้ชิดเช่น คนในบ้านพบแพทย์เพื่อตรวจร่างกายและเอกซเรย์ปอด ซึ่งในผู้ใหญ่ ถ้าผลเอ็กซเรย์ไม่พบความผิดปกติจะถือว่าไม่เป็นวัณโรคไม่จำเป็นต้องมีการรักษา แต่ในเด็ก เล็ก ถึงแม้จะไม่มีอาการและเอ็กซเรย์ปอดปกติ จะต้องตรวจทูเบอร์คูลิน (tuberculin skin test หรือ TST) ซึ่งถ้าผลเป็นบวก แพทย์จึงจะให้การรักษาวัณโรค

Bank*****g

25 ธันวาคม 2561 07:53:18 #7

เอกซเรย์ปอด. ต้องหลังจากวันนี้ไปอีกกี่สัปดาห์ถึงจะได้ผลที่แน่นอน ว่าไม่ติด 100% ครับ ขอบคุณครับผม