กระดานสุขภาพ
รบกวนหมอ ช่วยอธิบายให้ผลตรวจแม่ผมให้หน่อยครับ | |
---|---|
18 ธันวาคม 2561 08:04:16 #1 ผมไม่ทราบว่าแม่ผมเป็นโรคอะไร แม่มีอาการปวดจุกท้องบริเวณช่อง ท้องด้านขวาบนและลิ้นปี่ ปวดตลอดเวลา ร้าวถึงหลัง เบื่ออาหารและคลื่นไส้ไม่พบตัวเหลืองและตาเหลือง แต่น้ำหนักลด 7 kg. ภายใน 5 เดือน The left hepatic lobe is enlarged size with infiltrative lesion in entire left lobe and extending to medial pat of right lobe. IMPRESSION: Inp RIO HCC -CT upper abdormen - work up cft hepahhs profrice , AFP
|
|
อายุ: 54 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 40 กก. ส่วนสูง: 145ซม. ดัชนีมวลกาย : 19.02 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
23 ธันวาคม 2561 15:57:44 #2 The left hepatic lobe is enlarged size with infiltrative lesion in entire left lobe and extending to medial pat of right lobe. Hepatoma should be considered. -Several small target-like lesions scattering in right lobe are also seen; likely metastatic nodules. -The left portal vein is decreased size with irregular thickening wall but vascular flow is still observed. Imp RIO HCC แปลผลเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ช่องท้องส่วนบนที่ปรึกษานะคะ ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ สาเหตุที่แน่อนของโรคมะเร็งตับ ยังไม่ทราบชัดเจน แต่พบปัจจัยเสี่ยง คือ ก. ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งเอชซีซี/มะเร็งเซลล์ตับ ได้แก่ ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ บี ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ซี เป็นโรคตับแข็ง กินเชื้อราชนิดอะฟลาทอกซิน (Aflatoxin) ที่ปนเปื้อนในอาหารเป็นประจำ เช่น จาก ธัญพืชที่เปียกชื้น ข. ปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งซีซีเอ/มะเร็งท่อน้ำดีตับ ได้แก่ ติดเชื้อพยาธิใบไม้ตับ จากกินปลาน้ำจืดดิบ หรือ ดิบๆสุกๆ เช่น ปลาร้า ปลาเจ่า ท่อน้ำดีในตับอักเสบเรื้อรัง อาจจากพันธุกรรมผิดปกติ โดยมักพบร่วมกับโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเรื้อรัง อาการของโรคมะเร็งตับทุกชนิด ที่พบบ่อย ได้แก่ ไม่มีอาการเมื่อเริ่มเป็นโรค อย่างไรก็ตาม เมื่อโรคลุกลาม อาการที่พบบ่อย คือ แน่นอึดอัดท้อง ปวดท้องด้านขวาตอนบน(ตำแหน่งของตับ) ปวด/เจ็บที่ตับ อาจคลำตับได้จากตับโต (ปกติคลำไม่ได้) เบื่ออาหาร กินไม่ได้ (จากน้ำในท้องกด/เบียดทับกระเพาะอาหาร) ผอมลง -มีน้ำในท้อง/ท้องมาน หายใจเหนื่อยหอบจากน้ำในท้องดัน/กด/เบียดทับปอด และ มีตัวเหลือง ตาเหลือง และคันตามตัวมาก(จากการระคายเคืองผิวหนังจากสารสีเหลือง/น้ำดี ในเลือดที่เป็นสาเหตุให้ตัว/ตาเหลือง) ซึ่งมักเป็นอาการจากโรคมะเร็งท่อน้ำดีตับ แพทย์วินิจฉัยโรคมะเร็งตับทุกชนิดได้จาก อาการ ประวัติการเจ็บป่วยในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติดื่มสุรา ถิ่นที่พักอาศัย ตรวจร่างกาย ตรวจภาพตับด้วยอัลตราซาวด์ และ/หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ อาจตรวจเลือดดูค่าสารมะเร็ง (สารทูเมอร์มากเกอร์/Tumor marker)ชนิดที่เซลล์มะเร็งตับสร้าง ซึ่งสารมะเร็งสำคัญคือ AFP (Alfa feto protein) และจากตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อในตับเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา และอาจมีการตรวจสืบค้นอื่นเพิ่มเติม ทั้งนี้ตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจภาพก้อนเนื้อในตับด้วยการฉีดสี /สารทึบแสงเข้าหลอดเลือดแดงตับ(Angiography) ปัจจุบันมีการแบ่งระยะโรคมะเร็งเอชซีซี/มะเร็งเซลล์ตับได้หลากหลายระบบขึ้นกับแต่ละโรงพยาบาล แต่ในภาพรวม แบ่งออกเป็น 4 ระยะ เช่นเดียวกับโรคมะเร็งชนิดอื่นๆ ได้แก่ ระยะที่ 1: ก้อนเนื้อมะเร็งมีขนาดเล็ก ยังไม่ลุกลามเข้าหลอดเลือดในตับ และมีเพียงก้อนเนื้อเดียว ระยะที่ 2: มีการลุกลามของก้อนเนื้อเข้าหลอดเลือดในตับ และ/หรือ มีก้อนเนื้อหลายก้อน แต่ยังเป็นก้อนเล็กๆขนาดไม่เกิน5ซม. ระยะที่ 3: ก้อนเนื้อมะเร็งโตมาก มีหลายก้อน แต่ละก้อนโตมากกว่า 5 ซม. จัดเป็น’ระยะ3A’, และ/หรือ ลุกลามเข้าเนื้อเยื่อข้างเคียงตับ และ/หรือ เข้าหลอดเลือดดำใหญ่ในท้อง จัดเป็น ‘ระยะ3B’, และ/หรือ ลุกลามเข้าเยื่อบุช่องท้อง จัดเป็น ’ระยะ3C’ ระยะที่ 4: โรคมะเร็งลุกลามเข้าต่อมน้ำเหลืองที่ติดกับตับ จัดเป็น ‘ระยะ4A’, ถ้าแพร่กระจายทางกระแสโลหิตเข้าสู่ ตับส่วนอื่นๆ และ/หรือ เข้าสู่อวัยวะอื่นๆ เช่น สมอง กระดูก หรือ แพร่กระจายเข้าต่อมน้ำเหลืองที่อยู่ไกลออกไปจากตับ เช่น ในช่องท้อง หรือ บริเวณไหปลาร้า จัดเป็น ‘ระยะ4B’ แนวทางการรักษาโรคมะเร็งตับที่สำคัญ คือ ผ่าตัด และ รังสีร่วมรักษา การปลูกถ่ายตับ ส่วน รังสีรักษา ยาเคมีบำบัด ยารักษาตรงเป้า |
Denc*****n