กระดานสุขภาพ
ไข้ธรรมดาหรือไข้เพราะได้รับเชื้อhiv | |
---|---|
5 เมษายน 2561 01:48:29 #1 สวัสดีค่ะคุณหมอ คือล่าสุดมีเพศสัมพันวันที่22 มีนาคม แล้ววันที่1 เมษาได้ตากฝนมากลับบ้านไม่ได้อาบน้ำสระผม หลังจากนั้นประมาณวันที่3 มีอาการไข้ ปวดหัวตัวร้อนแต่ไม่มาก เจ็บคอ และไอเล็กน้อย แบบนี้เป็นอาการไข้หวัดธรรมดากรือไข้ หลังได้รับเชื้อhiv ค่ะ แล้วไข้จากการได้รับเชื้อจะมีไข้อ่อนๆหรือไข้สูงค่ะ กี่วันถึงจะมีอาการหลังได้รับเชื้อ |
|
อายุ: 21 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 80 กก. ส่วนสูง: 173ซม. ดัชนีมวลกาย : 26.73 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พญ.กิติพร กวียานนท์แพทย์เวชศาสตร์ครอบครัว/เวชศาสตร์ทั่วไป |
6 เมษายน 2561 05:53:18 #2 เมื่อผู้ป่วยติดเชื้อไวรัสเอชไอวี จะมีอาการ และความผิดปกติแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ได้แก่ 1.ระยะตั้งต้นเมื่อติดเชื้อไวรัสใหม่ๆ หรือ ระยะติดเชื้อปฐมภูมิ
2.ระยะติดเชื้อเรื้อรังการติดเชื้อฉวยโอกาส อย่างรุนแรง ผู้ติดเชื้ออาจจะมีเชื้อราขึ้นที่ลิ้น หรือมี วัณโรค ปอดกำเริบ โรคเริม หรือโรคงูสวัด เกิดขึ้นได้ แต่อาการมักไม่รุนแรงมาก และมักจะรักษาโรคเหล่านี้ได้ผล ระยะนี้ของโรคก็ยังไม่เรียกโรคเอดส์ เช่นกัน (Chronic infection) หรือระยะสงบทางคลินิก (Clinical latency) ระยะนี้ เชื้อไวรัสจะเข้าไปอยู่ในต่อมน้ำเหลือง และในม้าม และจะแบ่งตัวเพิ่มปริมาณในอวัยวะทั้งสองนี้เป็นส่วนใหญ่ ปริมาณของ CD 4 positive T-cell ในเลือด จะค่อยๆลดจำนวนลงอย่างช้าๆ ระบบภูมิคุ้ม กันต้านทานโรคของร่างกาย จะไม่สามารถกำจัดเชื้อไวรัสได้ เพราะ CD 4 positive T-cell จะลดจำนวนลงเรื่อยๆ ระยะนี้ส่วนใหญ่จะกินเวลานาน 7-10 ปี โดยที่ผู้ติดเชื้อไม่มีอาการผิดปกติชัดเจน นอกจากนั้นการได้รับยาต้านไวรัสอย่างสม่ำเสมอจะเป็นการทำให้ผู้ติดเชื้อมีชีวิตอยู่ในระยะนี้ได้ยาวนานยิ่งขึ้นกว่าแต่ก่อนสมัยที่ยังไม่มีการค้นพบยาต้านเชื้อไวรัส ซึ่งในระยะนี้ เซลล์CD 4 positive T-cell ยังไม่ต่ำมากจนเป็นสาเหตุ 3.ระยะที่เป็นโรคเอดส์ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลวเป็นประจำ ปริมาณของ CD 4 positive T-cell จะต่ำมาก ส่วนใหญ่ต่ำกว่า 200 เซลล์ต่อไมโครลิตร และจะมีการติดเชื้อฉวยโอกาส ในอวัยวะสำคัญอย่างรุนแรง เช่น ปอด มีอาการทางสมอง และมีมะเร็งชนิดต่างๆเกิดขึ้นได้ ที่พบบ่อย คือ โรคมะเร็งคาโปซิซาร์โคมา (Kaposi sarcoma) และโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง ระยะนี้เป็นระยะที่ระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกายถูกทำลายเกือบทั้งหมดโดยเชื้อไวรัสนี้ ปริมาณเชื้อไวรัสในเลือดจะสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ผู้ป่วยจะมีไข้เรื้อรังนานเป็นเดือนๆ อ่อนเพลียมาก น้ำหนักตัวลดลงอย่างรวดเร็ว สรุป ก็คือระยะที่ 1 และ 2 ของการติดเชื้อไวรัสเอชไอวี ยังไม่เรียกว่าเป็นโรคเอดส์ เราจะเรียกระยะที่ 3 ของโรคว่าเป็นโรคเอดส์เท่านั้น เมื่อใดก็ตามที่มีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัย ไม่ใช้ถุงยางอนามัยกับคู่นอนที่ไม่รู้จัก ไม่ใช่สามี ภรรยา การเที่ยวสถานบริการทางเพศโดยไม่ใช้ถุง ยางอนามัย ถุงยางฉีกขาดขณะร่วมเพศ ให้สงสัยไว้ก่อนว่ามีโอกาสติดเชื้อไวรัสเอชไอวีได้ ควรไปพบแพทย์เพื่อปรึกษาและรับการตรวจได้เลย ซึ่งแพทย์อาจจะนัดตรวจมากกว่าหนึ่งครั้ง เพราะในระยะ 3-7 สัปดาห์หลังได้ รับเชื้อ อาจยังตรวจไม่พบแอนติบอดี เพราะร่างกายยังสร้างไม่ทัน อาจต้องตรวจเลือดซ้ำหลังจากนั้น
จากข้อมูลที่ให้มาโดยเบื้องต้น อาจจะเป็นเพียงอาการเจ็บป่วยไข้หวัดหลังจากที่สัมผัสฝนหรืออากาศเย็นชื้น แต่ไม่ได้หมายความว่าคุณไม่เสี่ยงต่อการติดเชื้อ HIV ต้องประเมินว่า การมีเพศสัมพันธ์ของคุณมีความเสี่ยงหรือเป็นการมีเพสสัมพันธ์ที่ไม่ปลอดภัยหรือไม่ค่ะ |
Kara*****2