กระดานสุขภาพ

สอบถามเรื่องการทานน้ำมันปลา
Kale*****e

28 เมษายน 2560 11:47:19 #1

ปัจจุบันใช้รักษาอาการซึมเศร้าอยู่ 3 ชนิด คือ Amitriptyline 10 mg, Dipotassium Clorazepate 5 mg , Lorazepam 1 mg. ซึ่งทั้งหมดนี้จะรับประทานแค่วันละครั้งก่อนนอน อย่างละ 1 เม็ด จึงอยากทราบว่าถ้าทานอาหารเสริมเป็นน้ำมันปลาจะมีผลต่อยาเหล่านี้ไหมคะ และโดยส่วนตัวแล้วอยากทานวิตามินเสริมหลายอย่างมากค่ะ เนื่องจากน้ำหนักตัวน้อย จึงต้องการเพิ่มน้ำหนัก แต่ก็จะมีความรู้สึกไม่อยากอาหารร่วมด้วย เพราะบางทีเวลาทานอาหารเข้าไปสักประมาณหนึ่งจะมีอาการคลื่นไส้และเหมือนจะอาเจียนออกมา แต่ก็พยายามฝืนที่จะทานให้ได้มากๆ เพราะอยากตัวอวบ ตรงนี้จึงอยากขอคำแนะนำในเรื่องของโภชนาการด้วยค่ะ ขอบคุณมากนะคะ
อายุ: 31 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 160ซม. ดัชนีมวลกาย : 16.80 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9)
อาจารย์พีระพรรณ โพธิ์ทอง

นักวิชาการโภชนาการ

18 พฤษภาคม 2560 06:29:27 #2

ยารักษาอาการซึมเศร้ากินก่อนนอน จำเป็นต้องกิน

ส่วนน้ำมันปลาน่าจะกินเองซึ่งถ้าโดยปกติกินเป็นปลาร่างกายก็จะได้น้ำมันปลาเช่นกันซึ่งก็หมายถึงไม่มีข้อ

ห้ามผู้ที่กินยาเพื่อช่วยเรื่องซึมเศร้าจะกินน้ำมันปลาไม่ได้

และหากจะกินเป็นอาหารเสริมหรือวิตามินอีกหลายหลายอย่างมากก็ขอทำความเข้าใจของการต้องกินอาหาร

เสริมหรือวิตามินเสริมสักเล็กน้อย " อาหารเสริมหรือวิตามินเสริม " ที่แท้จริง

หมายถึงอาหารหรือวิตามินที่แพทย์เสริมให้ทารก เสริมให้กับสตรีขณะตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร

หรือเสริมให้ผู้ป่วย ผู้สูงอายุในกรณีที่ไม่สามารถรับประทานอาหารได้ตามปกติ ทั้งหมดนั่นก็เพื่อ

"ให้ร่างกายได้รับพลังงาน หรือสารอาหารครบถ้วนตามต้องการ" ในแต่ละวัน การใช้ชีวิตในปัจจุบัน

การกิน ชีวิตต้องทำงานทำให้ไม่ค่อยมีเวลานึกถึงการกินอาหารที่เหมาะสม ถูกต้องและเพียงพอ

การทำความเข้าใจและหัดสังเกตการกินอาหารในแต่ละมื้อว่ามีความหลากหลายได้รับสารอาหารครบถ้วนจ

ริงหรือไม่ มีความจำเป็นมาก

ถ้าแต่ละมื้อกินข้าวหรือก๋วยเตี๋ยว มีเนื้อสัตว์ มีผักอย่างน้อย 1-2 กำมือ มีผลไม้อย่างน้อย 6-8 คำ

อิ่มพอดีร่างกายก็จะได้รับสารอาหารคาร์โบโฮเดรท โปรตีน ไขมัน วิตามิน เกลือแร่ เส้นใยอาหาร

หลากหลายและเพียงพอแน่นอน อาหารเสริมหรือวิตามินก็แทบไม่มีความจำเป็นเลย

แต่ถ้าคิดว่ากินเผื่อไว้ก็ต้องศึกษาเพิ่มเติมว่าถ้าได้รับสารอาหารบางชนิดมากเกินต้องการจะเกิดผลเสียกับร่าง

กายในอนาคตอย่างไร

กรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีชื่อว่า EPA และ DHA

เป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายไม่สามารถสร้างเองได้แต่มีความสำคัญต่ออวัยวะและการทำงานในร่างกาย

ปลาเป็นอาหารที่มีทั้ง EPA และ DHA สาหร่ายทะเลจะมี DHA ส่วนกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่มีชื่อว่า ALA

เป็นกรดไขมันจำเป็นเช่นกันพบในพืชบางชนิด ได้แก่ ถั่ววอลนัต เมล็ดแฟลกซ์ น้ำมันถัวเหลือง

น้ำมันคาโนลา ซึ่ง 35 % ของALA จะเปลี่ยนเป็น EPA และ DHA ปลาจึงเป็นแหล่งสำคัญของ EPA และ

DHA ที่ดีที่สุด ความต้องการของร่างกายเพื่อฟื้นฟูสุขภาพมีผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้ได้รับกรดไขมันโอเมก้า 3

วันละ 1 กรัม ( 1,000 มิลลิกรัม)

น้ำมันปลาก็คือกรดไขมันชนิดโอเมก้า 3 ซึ่งน้ำมันปลาที่ดีควรมีสัดส่วนของ EPA ต่อ DHA = 3: 2

ดังนั้น 1 แคปซุล ขนาด 1,000 มิลลิกรัม ส่วนมากมี EPA 180 มิลลิกรัม มี DHA 120 มิลลิกรัม

ในขณะที่ปริมาณแนะนำให้ได้รับในแต่ละวัน EPA รวม DHA ไม่เกิน 1,000 มิลลิกรัม

ต้องกินน้ำมันปลาอย่างน้อย 3 แคปซูลต่อวันเพื่อให้ได้โอเมก้า 3

เพียงพอในขณะที่ถ้ากินปลาต่อไปนี้ก็ได้รับโอเมก้า 3 เช่นเดียวกัน

ตารางแสดงปริมาณกรดไขมันโอเมก้า 3 ( EPA,DHA ) ในปลาชนิดต่างๆ

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Kale-36184.jpg

ที่มา; คลอเรสเตอรอลและกรดไขมันในอาหารไทย,กองโภชนาการ กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข 2547.

เพื่อให้ได้รับโอเมก้า 3 ในรูป EPA และ DHA อย่างเพียงพอ

ควรรับประทานปลาทะเลน้ำลึกที่เป็นแหล่งของ EPA และ DHA 2 – 3 ครั้งต่อสัปดาห์

(คิดเป็นน้ำหนักประมาณ 200 – 300 กรัมต่อสัปดาห์)

ในกรณีนี้กินอาหารแล้วมีอาการคลื่นไส้ ขอให้ลองสังเกตอาหารในแต่ละวันที่กิน

มีไขมันสูงเกินไปหรือไม่ เพราะอาหารไขมันสูงอาจทำให้คลื่นไส้ได้

อีกอย่างมีคำถามถึงน้ำมันปลาถ้ากินอยู่ก็อาจมีผลก่อให้เกิดมีอาการคลื่นไส้

ท้องอืดได้เช่นกันในขณะเดียวกันยาที่กินอยู่ก็มีบางชนิดทำให้มีคลื่นไส้อาเจียนได้ซึ่งส่วนใหญ่จะดีขึ้นเมื่อกิ

นยาไปได้ระยะหนึ่ง เมื่อทำความเข้าใจถึงการใช้ชีวิต การกินยาและผลที่อาจเกิดขึ้นได้

ทีนี้มาพิจารณาเรื่องอาหารที่ควรกินในแต่ละวันเพื่อให้ได้รับพลังงาน สารอาหารเพียงพอต่อร่างกายกัน

น้ำหนัก: 43 กก. ส่วนสูง: 160 ซม. ดัชนีมวลกาย: 16.8 ค่อนข้างผอม

แนะนำให้กินอาหารให้ร่างกายได้รับพลังงาน = 35 - 40 แคลอรี่ต่อกิโลกรัมต่อวัน เพื่อเพิ่มน้ำหนักตัว

= 1,500 – 1,700 แคลอรี่ต่อวัน

ตัวอย่างการกินอาหารใน 1 วัน

http://haamor.com/media/images/webboardpics/Kale-36184-2.jpg

ควรกินอาหารให้ได้ทุก 4-6 ชั่วโมง จะได้ มื้อหลัก 3 มื้อ และระหว่างมื้อ 1-2 มื้อต่อวัน

อย่าลืมแบ่งเวลาขยับร่างกายหรือออกกำลังกายให้ได้อย่างน้อย 30 นาที 3-5 วัน / สัปดาห์

และก่อนกินอาหารเสริมหรือวิตามินควรแจ้งให้แพทย์ทราบเพื่อพิจารณาผลที่อาจมีกับยาที่แพทย์จะสั่งให้กิ

นทุกครั้ง