เนื่องจากโรคกระเพาะอาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ เช่น พฤติกรรมการกินอาหารที่ผิดเวลาการกินอาหารที่ระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารและลำไส้ เช่น อาหารรสจัด (เผ็ด) เหล้า เบียร์ ยาบางชนิด การดื่มเครื่องดื่มมีคาเฟอีนเช่น เครื่องดื่มชูกำลัง ชา กาแฟ ฯลฯ การติดเชื้อแบคทีเรีย เอชไพโลไร เกิดจากความเครียด วิตกกังวล คิดมาก เคร่งเครียดกับงาน การเรียน เป็นต้น

การรักษาจะเน้นรักษาตามอาการที่เป็นผู้ที่เป็นโรคกระเพาะต้องเอาใจใส่และสังเกตด้วยตัวเองเพื่อให้เข้าใจถึงสาเหตุที่ก่อให้ตัวเองเจ็บป่วยและหาทางแก้ไขที่ต้นเหตุอย่างแท้จริง การดูแลสุขภาพของตนเองโดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินอาหารและปฏิบัติดังต่อไปนี้จะมีช่วยบรรเทาอาการและช่วยให้ผู้ที่เจ็บป่วยไม่ขาดสารอาหารในระยะยาว

1. กินอาหารให้ตรงเวลา ไม่ปล่อยให้หิวและไม่กินจนอิ่มเกินไป

2. กินอาหารมื้อหลัก 3 มื้อระยะเวลาห่างกัน 3-4 ชั่วโมง

- ถ้าปวดมากในระยะแรกควรกินอาหารที่ย่อยง่าย เช่น ข้าวต้ม โจ๊ก ซุปข้น(ถ้าชอบเป็นอาหารตะวันตก)

-งดกินอาหารรสเผ็ดจัด (ทั้งจากพริก พริกไทย ) เปรี้ยวจัด คนที่เป็นโรคกระเพาะบางครั้งอาจรู้สึกหิวง่ายเนื่องจากปวดท้อง แน่นท้องทำให้กินได้น้อยก็ควรกินอาหารระหว่างมื้อเสริมด้วย

3. เคี้ยวอาหารแต่ละคำให้ละเอียดมากที่สุดก่อนกลืน หรือนับการเคี้ยวอาหารให้ได้อย่างน้อย 20-30 ครั้งก่อนที่จะกลืน

4. งดเหล้า เบียร์ ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง น้ำอัดลม และบุหรี่เพราะจะทำให้โรคกำเริบได้

แนวทางการเพิ่มน้ำหนัก ต้องคำนึงพลังงานที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน พลังงานที่ร่างกายควรได้รับเพื่อให้เพิ่มน้ำหนักตัวให้ = 42 x 40 = 1,600 แคลอรี่ต่อวัน

ตัวอย่างการกินอาหารใน 1 วัน

เช้า โจ๊กหมูใส่ไข่ กล้วยน้ำว้า 1 ผล จะได้รับพลังงาน 445 แคลอรี่

เที่ยง ราดหน้าใส่ผักกาดขาวหมู มะละกอ จะได้รับพลังงาน 425 แคลอรี่

บ่าย ฟักทองนึ่ง หรือ กล้วยตาก 2 ผล หรือข้าวโพดต้ม หรือ Greek yogurt จะได้รับพลังงาน 120 แคลอรี่ 

เย็น ข้าวกล้อง(ข้าวต้ม) แกงจืดตำลึงเต้าหู้หมูสับ ปลาทูต้มเค็ม จะได้รับพลังงาน 535 แคลอรี่ 

ก่อนนอน กล้วยน้ำว้าต้ม 1 ผลจะได้รับพลังงาน 60 แคลอรี่

รวมจะได้พลังงาน = 1,585 แคลอรี่ต่อวัน

ต้องจัดสรรเวลากินอาหารให้ได้อย่างน้อยตามที่ยกตัวอย่างเพื่อให้ร่างกายได้รับพลังงานเพียงพอในแต่ละวันและในขณะเดียวกันต้องหาทางออกกำลังกายบ้างอย่างน้อย 3 วันต่อสัปดาห์เพื่อมีส่วนช่วยลดความเครียดซึ่งอาจเป็นส่วนหนึ่งของการเจ็บป่วยเป็นโรคกระเพาะและช่วยเรื่องภูมิแพ้ได้ด้วย

ที่มา; วันทนีย์ เกรียงสินยศ,(2548). กินอย่างไรเมื่อเป็นโรคกระเพาะ.หมอชาวบ้าน.(ปีที่ 26 ฉบับที่ 311,หน้า 52-54).

วินัย ดะห์ลัน “ กล้วยกับกระเพาะ” โภชนาการเพื่อชีวิตที่ดีกว่าฉบับผู้บริโภค, กรุงเทพฯ:วิทยพัฒน์, 2544. www.cheewajit.com “ ภูมิปัญญารักษาโรคกระเพาะ”