ถ้าใช้ยาหยอดตาประมาณเดือนละ 8-10 วันถือว่าเยอะไปรึเปล่าคะ จะมีวิธีไหนที่จะทำให้อาการของน้องดีขึ้นบ้างรึเปล่าคะ พยายามถามคุณหมอที่รักษา คุณหมอบอกว่า เป็นเพราะภูมิคุ้มกันของร่างกายน้องเอง พอน้องโตขึ้นอาการก็จะดีขึ้น เคยเข้ามาสอบถามในหาหมอดอทคอมแล้ว แต่ก็ยังเป็นห่วงในอาการของน้องอยู่คะ รบกวนคุณหมออีกครั้งนะคะ

น่าจะเป็นperennial allergic conjunctivitis กลุ่มนี้มีอาการคันตาเป็นครั้งคราว เป็นๆหายไปอาการไม่ค่อยมาก ลองสอบถามหมอที่รักษาประจำดูนะคะ ปกติชนิดนี้มักไม่เข้าตาดำ คุณควรสอบถามหมออีกครั้ง

อาจใช้น้ำเย็นประคบ สังเกตว่าเด็กแพ้อะไร ควรหลีกเลี่ยงสิ่งนั้น

Lotemax เป็นยามีsteroidอ่อนๆ ไม่ควรหยอดมาก ควรใช้เฉพาะตามที่หมอสั่ง ห้ามซื้อหยอดเองค่ะ

พญ. สกาวรัตน์

ใช่คะ ส่วนใหญ่เวลามีแผล จะเป็นตรงบริเวณตาที่เป็นสีน้ำตาล ใช้น้ำเย็นประคบตอนไหนคะ

ปะคบเวลาเริ่มมีอาการ เช่น ตาแดง คันตา เคืองตา เด็กเริ่มขยี้ตา เพื่อเด็กจะได้ไม่ขยี้ตา เพื่ออาการลดลงค่ะ

แนะนำอ่านเรื่อง allergic conjunctivitis ใน web หาหมอนี้ ประกอบค่ะ

พญ. สกาวรัตน์

ขอบคุณมากคะคุณหมอ การเล่นคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์ มีส่วนเกี่ยวข้อง หรือเป็นสาเหตุของโรครึเปล่าคะ

คอมพิสเตอร์หรือโทรศัพท์และจะทำให้อาการของโรครุนแรงขึ้นรึเปล่าคะ

การเล่นคอมฯ มือถือ ไม่เป็นสาเหตุของโรคภูมิแพ้ที่ตา แต่คนที่เป็นโรคภูมิแพ้มักเกิดอาการตาแห้งได้ง่าย จึงมีอาการมากขึ้น จึงควรงดหรือใช้คอมฯ เล่นเกม น้อยลง จะได้มีอาการไม่สบายตาลดลงค่ะ

บางครั้งบางคนการเล่นเกมนานๆ เหมือนกระตุ้นให้เกิดอาการคัน ตาแดง ไม่สบายตามากขึ้นค่ะ

พญ. สกาวรัตน์

ขอคำแนะนำจากคุณหมออีกครั้งคะ เมืออาทิตย์ที่แล้ว ตาน้องอักเสบขึ้นมาอีกครั้ง มีแผลที่กระจกตาประมาณ2-3แผล หยอดยาไป4วันก็หายคะ แต่จะมีอยู่แผลเดียวซึ่งมันเป็นจุดเดียวกับรอยแผลเป็น(ครั้งแรกที่น้องมีอาการ เป็นแผลลึก จึงกลายเป็นแผลเป็น) อยากถามคุณหมอว่า 1.ถ้าเกิดการอักเสบเพิ่มที่แผลเป็น รอยแผลเป็นมััััััันจะเพิ่มขึ้นรึเปล่าคะ(คุณหมอที่รักษาเคยบอกว่ารอยแผลน้องจางมากแล้ว แต่ตอนนี้เหมือนแม่ใช้ไฟส่อง แล้วมองเห็นชัดขึ้น) 2.ต้องกลับไปหาหมอรึเปล่าคะ ถ้าตอนนี้น้องปกติดีทุกอย่าง คือไม่อักเสบ #หมอเคยมีถ่ายรูปจอตาไว้เพื่อดูรอยแผลเป็นคะ

การตอบคำถามในwebอาศัยคำบอกเล่าถึงอาการที่เป็น ผู้ตอบแม้จะเป็นแพทย์สาขานั้นๆแต่รับทราบแต่อาการ คำบอกเล่าต่างๆจากผู้ถามทั้งสิ่งตรวจพบที่ได้รับทราบจากหมอที่ตรวจซึ่งอาจจะคลาดเคลื่อน หรือไม่ครบตามความเป็นจริง รับทราบบางอย่าง บางอย่างไม่เข้าใจ ผู้ตอบอาจตอบคลาดเคลื่อนไป หรือแตกต่างจากหมอซึ่งเป็นหมอเฉพาะโรคเหมือนกันแต่ได้รับการตรวจจึงน่าจะถูกต้องมากกว่า. คำถามที่ถามมาใหม่ควรจะต้องตรวจถึงจะตอบได้ใกล้ความจริงมากกว่า
ขอแนะนำให้สอบถามหมอที่ตรวจจะดีกว่าค่ะ

การตอบในwebน่าจะเป็นการให้ความรู้ทั่วๆไป กว้างๆ ไม่อาจเข้าถึงรายละเอียด บางคนภาวะที่เป็นไม่ตรงไปตรงมา ทำให้คลาดเคลื่อนได้ค่ะ

พญ.สกาวรัตน์