กระดานสุขภาพ
มีติ่งเนื้อที่หัวตา | |
---|---|
8 ธันวาคม 2560 04:13:48 #1 สวัสดีค่ะ http://haamor.com/media/images/webboardpics/Giorgina-40368.jpg ตามภาพนี้เลยค่ะ คือตาข้างขวา หัวตาข้างขวา ที่มันเรียกว่า Lacrimal Caruncle มันบวมค่ะ เหมือนเป็นก้อนเนื้อใสๆ เพิ่งสังเกตเห็นเมื่ออาทิตย์ที่แล้วค่ะ ตอนกำลังแต่งหน้า ... ไม่มีผลกระทบต่อการมองเห็นค่ะ ไม่ปวด ไม่รู้สึกอะไรเลย แค่เห็นว่ามันโตไม่เท่ากัน ไปหาหมอ หมอไม่ได้บอกว่าเป็นอะไร แต่ให้ยาหยอดตา Prednisolone Acetate, Opthalmic suspension, USP 1% มาลองใช้ก่อน ถ้าไม่ยุบก็ให้กลับไปหาใหม่ ... ตอนนี้ใช้ยาหยอดตาผ่านมา 5 วันแล้ว ไม่มีทีท่าว่าจะยุบลงเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้โตขึ้น อยากทราบว่าอาการนี้เป็นอะไรคะ แล้วถ้าไม่ยุบจริงๆ นี่ขั้นตอนต่อไปถึงขนาดต้องผ่าตัดหรือเปล่า ขอบคุณค่ะ |
|
อายุ: 26 ปี เพศ: F น้ำหนัก: 58 กก. ส่วนสูง: 158ซม. ดัชนีมวลกาย : 23.23 (ค่ามาตรฐานคนเอเชีย=18.5-22.9) | |
พญ.มณฑากร อภิญญาณกุลจักษุแพทย์ |
19 ธันวาคม 2560 18:32:27 #2 สวัสดีค่ะ ที่หัวตานั้น มีองค์ประกอบ 2 อย่าง คือ plica semilunaris และ lacrimal caruncle ค่ะ โดยแต่ละอย่างมีหน้าที่ดังนี้ค่ะ - plica semilunaris คือส่วนหนึ่งของเยื่อบุตาค่ะ มีหน้าที่ช่วยในการกลอกตา ช่วยการถ่ายเทน้ำตา ซึ่งหากตาเราไม่มีส่วนนี้ จะทำให้กลอกตายากค่ะ - lacrimal caruncle เป็นส่วนที่เป็นสีชมพู เล็กๆ บริเวณด้านในของหัวตา ในส่วนนี้เป็นส่วนประกอบของผิวหนังที่มีต่อมเหงื่อ ต่อมไขมัน ขน และเนื้อเยื่อของต่อมน้ำตาร่วมด้วย หากบริเวณนี้มีการบวม แดง มีขนาดใหญ่กว่าปกติ อาจเกิดจากสาเหตุต่าง ๆ เช่น - เกิดจากภูมิแพ้ ทำให้มีอาการคันร่วมด้วย โดยโรคภูมิแพ้ที่ตานั้น มีหลายปัจจัย อย่างแรกต้องหาสาเหตุของภูมิแพ้ที่ตาว่าเกิดจากการแพ้สิ่งใด เช่น แพ้ยาบางชนิด แพ้สารกันเสียที่อยู่ในยาหยอดตา แพ้เกสรดอกไม้ แพ้เครื่องสำอางหรือสารเคมีบางชนิด แพ้ไรฝุ่นหรือรังแคสัตว์ เป็นต้น หากสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ อาการภูมิแพ้ก็จะหายค่ะ แต่หากสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้อีกก็จะทำให้มีอาการภูมิแพ้เกิดขึ้นมาใหม่ค่ะ ดังนั้นโดยส่วนมากโรคภูมิแพ้ที่ตาจึงมักเป็นโรคเรื้อรัง หากมีการสัมผัสกับสิ่งที่แพ้อีกก็จะมีอาการขึ้นมาใหม่ ในบางครั้งโรคภูมิแพ้ที่ตาบางรายยังมีอาการมากในบางฤดูกาล เช่น มีอาการมากขึ้นในช่วงฤดูฝนหรือฤดูใบไม้ผลิ อาการดีขึ้นในฤดูหนาว บางรายมีอาการตลอดปีค่ะ การรักษาโรคภูมิแพ้ที่ตานั้นดีที่สุด คือ การหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ เช่น หากแพ้ไรฝุ่นหรือรังแคสัตว์ อาจทำความสะอาดพรม หรือที่นอน และการให้แว่นอาจช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้มาสัมผัสกับตาได้ค่ะ ส่วนการใช้ยานั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคค่ะ หากมีอาการไม่มาก การใช้น้ำตาเทียมร่วมกับการประคบเย็นก็จะทำให้อาการดีขึ้น หากมีอาการมากขึ้นอาจใช้ยาหยอดตาต้านการอักเสบ หรือยาหยอดตาที่ทำให้มีการหดตัวของเส้นเลือดร่วมด้วยก็จะทำให้อาการตาแดงลดลง แต่หากมีอาการมากใช้ยาหยอดตาแล้วไม่ดีขึ้นอาจใช้การกินเพื่อต้านการอักเสบร่วมด้วยค่ะ แต่ยากินมักมีอาการข้างเคียง คือ ทำให้เกิดตาแห้งค่ะ - การอักเสบอาจเกิดจากการติดเชื้อ เป็นไวรัส แบคทีเรีย เป็นต้น บางรายมีลักษณะเป็นถุงน้ำที่บริเวณนี้ด้วย โดยคนที่มีการติดเชื้อบริเวณนี้อาจมีปัจจัยกระตุ้น เช่น การใช้ยากดภูมิคุ้มกัน การหยอดตาที่มีสารสเตียรอยด์ เป็นต้น -เนื้องอกที่เนื้อเยื่อบริเวณนี้ ซึ่งการวินิจฉัยว่าเป็นเนื้องอกชนิดใดนั้น จำเป็นต้องมีการตัดเนื้อเยื่อ แล้วส่งชิ้นเนื้อตรวจค่ะ -โรคทางร่างกายที่มีอาการแสดงที่ตาร่วมด้วย เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ (hyperthyroidism), เนื้องอกของเนื้อเยื่อน้ำเหลือง (lymphoma), เนื้องอกชนิด neurofibroma เป็นต้น ซึ่งโดยทั่วไปลักษณะผิดปกติที่บริเวณนี้มักไม่มีผลต่อการมองเห็นค่ะ และมักไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่ส่วนน้อยก็เป็นโรคที่ร้ายแรงได้ เช่น เนื้องอก โรคการอักเสบ เช่น Wegener’s granulomatosis ได้ค่ะ ดังนั้นหากใช้ยาแล้วอาการไม่ดีควรตรวจเพิ่มเติมโดยจักษุแพทย์นะคะ หากสาเหตุที่เป็น เป็นจากอาการภูมิแพ้ หรือการอักเสบ การใช้ยา prednisolone ซึ่งเป็นยาต้านการอักเสบชนิดสเตียรอยด์ อาการน่าจะดีขึ้นค่ะ หากเป็นจากสาเหตุอื่นๆ อาจต้องทำการตรวจเพิ่มเติม เช่น การตรวจโรคอื่นๆ ทางร่างกายร่วมด้วย หรือหากเป็นการติดเชื้อ ก็ให้ยาฆ่าเชื้อ ตามเชื้อที่เป็นค่ะ หากไม่ดีขึ้น หาสาเหตุที่แน่ชัดไม่ได้ ก็อาจต้องทำการตัดชิ้นเนื้อไปตรวจเพิ่มเติมค่ะ ขอบคุณค่ะ พญ.มณฑากร อภิญญาณกุล จักษุแพทย์ |
Gior*****a