ในโรคภูมิแพ้ที่ตานั้นมีหลายชนิดค่ะ โดยแบ่งแยกตามส่วนของตาที่เป็นภูมิแพ้

ดังนี้ เปลือกตาหรือหนังตา เยื่อบุตา กระจกตา ตาขาว เป็นต้น โดยอาการของภูมิแพ้ที่ตาขึ้นอยู่กับส่วนของตาที่เกิดภูมิแพ้ ในบางรายมีหลายส่วนของตาเกิดภูมิแพ้ร่วมกัน เช่น กระจกตาร่วมกับเยื่อบุตา เป็นต้น

การหายของโรคภูมิแพ้ที่ตานั้น มีหลายปัจจัยอย่างแรกต้องหาสาเหตุของภูมิแพ้ที่ตาว่าเกิดจากการแพ้สิ่งใด เช่น แพ้ยาบางชนิด แพ้สารกันเสียที่อยู่ในยาหยอดตา แพ้เกสรดอกไม้ แพ้เครื่องสำอางหรือสารเคมีบางชนิด แพ้ไรฝุ่นหรือรังแคสัตว์ เป็นต้น หากสามารถหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ อาการภูมิแพ้ก็จะหายค่ะแต่หากสัมผัสกับสิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้อีกก็จะทำให้มีอาการภูมิแพ้เกิดขึ้นมาใหม่ค่ะ ดังนั้นโดยส่วนมากโรคภูมิแพ้ที่ตาจึงมักเป็นโรคเรื้อรังหากมีการสัมผัสกับสิ่งที่แพ้อีกก็จะมีอาการขึ้นมาใหม่ในบางครั้งโรคภูมิแพ้ที่ตาบางรายยังมีอาการมากในบางฤดูกาล เช่น มีอาการมากขึ้นในช่วงฤดูฝนหรือฤดูใบไม้ผลิ อาการดีขึ้นในฤดูหนาวบางรายมีอาการตลอดปีค่ะ การรักษาโรคภูมิแพ้ที่ตานั้นดีที่สุดคือการหลีกเลี่ยงสิ่งที่ทำให้แพ้ เช่น หากแพ้ไรฝุ่นหรือรังแคสัตว์ อาจทำความสะอาดพรม หรือที่นอน และการให้แว่นอาจช่วยป้องกันไม่ให้สิ่งที่ทำให้เกิดอาการแพ้มาสัมผัสกับตาได้ค่ะส่วนการใช้ยานั้นขึ้นอยู่กับความรุนแรงของโรคค่ะ หากมีอาการไม่มากการใช้น้ำตาเทียมร่วมกับการประคบเย็นก็จะทำให้อาการดีขึ้น หากมีอาการมากขึ้นอาจใช้ยาหยอดตาต้านการอักเสบ หรือยาหยอดตาที่ทำให้มีการหดตัวของเส้นเลือดร่วมด้วยก็จะทำให้อาการตาแดงลดลง แต่หากมีอาการมากใช้ยาหยอดตาแล้วไม่ดีขึ้นอาจใช้การกินเพื่อต้านการอักเสบร่วมด้วยค่ะ แต่ยากินมักมีอาการข้างเคียง คือ ทำให้เกิดตาแห้งค่ะ การใช้คอมพิวเตอร์นั้นจะทำให้เกิดตาแห้งมากขึ้น จึงเกิดการเคืองตามากขึ้นค่ะ โดยพบว่าผู้ที่ใช้คอมพิวเตอร์นั้นจะมีการกระพริบตาลดลง จึงแนะนำให้มีการพักสายตาระหว่างการใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะ เช่น ใช้คอมพิวเตอร์ประมาณ 20 นาทีแล้วพักสายตาค่ะแต่หากมีอาการเคืองตาและตาแห้งมากจะใช้น้ำตาเทียมร่วมด้วยก็จะทำให้อาการเคืองตาดีขึ้นได้

Reference

Robert W. Weisenthal. Basic and clinical science course section 8

external disease and cornea. American Academic of

Ophthalmology;2015-2016