ไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 31 มกราคม 2564
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด?
- ไวรัสตับอักเสบมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบได้อย่างไร?
- รักษาโรคไวรัสตับอักเสบได้อย่างไร?
- โรคไวรัสตับอักเสบรุนแรงไหม? รักษาหายไหม?
- ควรดูแลตนเองอย่างไร? เมื่อไรจึงควรพบแพทย์?
- ป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคตับ (Liver disease)
- ตับอักเสบ(Viral hepatitis)
- ไวรัสตับอักเสบเอ(Viral hepatitis A)
- ไวรัสตับอักเสบบี (Viral hepatitis B)
- ไวรัสตับอักเสบซี (Viral hepatitis C)
- ตัวเหลือง ตาเหลือง(Jaundice)
- โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (STD: Sexually transmitted disease)
- โรคตับแข็ง (Liver cirrhosis)
- มะเร็งตับ(Liver cancer)
- วัคซีนตับอักเสบบี (Hepatitis B vaccine)
- ไวรัสตับอักเสบ ดี (Viral hepatitis D or Hepatitis D)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ไวรัสตับอักเสบ (Viral hepatitis) คือ โรคเกิดจากการอักเสบของเซลล์ตับจากติดเชื้อไวรัสในกลุ่มไวรัสตับอักเสบ (เฮปาไตติสไวรัส/Hepatitis virus) โดยการติดเชื้อส่วนใหญ่เป็นการอัก เสบเฉียบพลัน ซึ่งเมื่อหายแล้วร่างกายมักฟื้นกลับเป็นปกติ แต่บางคน (เป็นส่วนน้อย) โรคไม่หาย กลายเป็นการอักเสบเรื้อรังซึ่งมักเกิดโรคตับแข็งตามมา แต่บางคนมีเชื้อไวรัสนี้อยู่ในตัวโดยไม่มีอา การ แต่สามารถแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้เรียกว่า เป็นพาหะโรค (Carrier)
ไวรัสตับอักเสบเป็นโรคติดเชื้อที่พบบ่อย แบ่งเป็นหลายชนิดย่อย เช่น โรคไวรัสตับอักเสบ เอ, โรคไวรัสตับอักเสบบี, โรคไวรัสตับอักเสบ ซี, แต่ไม่มีการรายงานสถิติเกิดในภาพรวมของไวรัสตับอักเสบทุกชนิดย่อย ทั่วไปมักรายงานสถิติเกิดแยกต่างหากในแต่ละชนิดย่อยๆ ไวรัสตับอักเสบพบทุกอายุทั้งใน เด็ก(นิยามคำว่าเด็ก) ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ โดยโอกาสเกิดโรคใกล้เคียงกันทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย
ไวรัสตับอักเสบจัดเป็นโรคติดต่อ:
- บางชนิดติดต่อผ่านทางระบบเดินอาหาร เช่น ไวรัสตับอักเสบ เอ
- บางชนิดติดต่อทางสารคัดหลั่งซึ่งรวมทั้ง เลือด น้ำเหลือง และทางเพศสัมพันธ์ (โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์) เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี
- บางชนิดติดต่อจากการได้รับเลือดในการรักษาโรคต่างๆ เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี และไวรัสตับอักเสบ ซี,
- บางชนิดติดต่อจากแม่สู่ลูกจากการคลอดบุตร เช่น ไวรัสตับอักเสบ บี
เพื่อให้ประชากรโลกตระหนักถึงภัยจากโรคตับอักเสบ องค์การอนามัยโลกจึงประกาศให้วัน ที่ 28 กรกฎาคมของทุกปีเป็น “วันโรคตับอักเสบโลก (World hepatitis day)” ซึ่งสาเหตุของตับอักเสบทุกสาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ ทั้งนี้รวมถึงในประเทศไทยด้วย
ไวรัสตับอักเสบมีกี่ชนิด?
ไวรัสตับอักเสบ มีหลายชนิดหรือหลายสายพันธุ์ย่อย กล่าวคือ มีตั้งแต่ไวรัสตับอักเสบชนิด เอ ไล่ไปจนถึงชนิด เอช , และยังมีอีกหลายชนิด แต่ที่พบบ่อยและเป็นปัญหาทางสาธารณสุขสำคัญ คือ ไวรัสตับอักเสบ เอ, ไวรัสตับอักเสบ บี, และไวรัสตับอักเสบ ซี, โดยไวรัสตับอักเสบทุกชนิดให้อาการคล้ายกัน แต่แยกจากกันโดยการตรวจเลือดดูสารภูมิต้านทานของเชื้อชนิดย่อยต่างๆ
ไวรัสตับอักเสบมีอาการอย่างไร?
อาการของไวรัสตับอักเสบทุกสายพันธุ์หรือทุกชนิดคล้ายกัน มีได้ตั้งแต่อาการน้อยไปจนถึงอาการมากขึ้นกับ ปริมาณไวรัสที่ร่างกายได้รับ, และสุขภาพดั่งเดิมของผู้ป่วย
อาการพบบ่อยของไวรัสตับอักเสบ ได้แก่
- มีไข้
- ปวดเมื่อยตัว คล้ายอาการจากโรคหวัด หรือ ไข้หวัดใหญ่ แต่อ่อนเพลียมากกว่าไข้หวัดมาก
- คลื่นไส้- อาเจียน
- อาจมีท้องเสีย
- อาจเจ็บบริเวณใต้ชายโครงขวา (ตำแหน่งของตับ)
- มักมีตาเหลือง- ตัวเหลือง (โรคดีซ่าน) ปัสสาวะสีเข้มจากสารสีเหลือง (บิลิรูบิน, Bilirubin) ในน้ำดีซึ่งมีสูงขึ้นในเลือดจากภาวะตับอักเสบ และสารนี้ถูกขับออกทางปัสสาวะ
- อาจมีตับโตคลำได้ (ปกติจะคลำตับไม่ได้)
แพทย์วินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคไวรัสตับอักเสบได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการของผู้ป่วย ประวัติการสัมผัสโรค (เช่น การกินอาหาร การได้รับเลือด การระบาดของโรคในที่ทำงาน ก ารมีเพศสัมพันธ์สำส่อน หรือ การใช้ยาเสพติด)
- การตรวจร่างกาย
- ตรวจเลือดดูการทำงานของตับ และ ตรวจเลือดดูสารภูมิต้านทานเพื่อแยกว่าเป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดใด
- อาจมีการตรวจอื่นๆเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ เช่น การตรวจภาพตับด้วย อัลตราซาวด์ และ/หรือ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน)
รักษาโรคไวรัสตับอักเสบได้อย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคไวรัสตับอักเสบทุกชนิดเป็นการรักษาประคับประคองตามอาการ (การรักษาตามอาการ) ไม่มีการรับประทานยาปฏิชีวนะ เพราะยาปฏิชีวนะฆ่าได้เฉพาะแบคทีเรีย แต่ฆ่าไวรัสไม่ได้
- ดื่มน้ำสะ อาดในปริมาณมากกว่าปกติอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้ว เมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม
- พักผ่อนให้มากๆ ร่างกายจะค่อยๆฟื้นตัวหายได้เอง
- อาจมีการใช้ยาเพิ่มภูมิคุ้มกันต้านทานโรค
- การใช้ยาอื่นๆ โดยเฉพาะในโรคชนิดเรื้อรัง เช่น ยาต้านไวรัสตับอักเสบซี ทั้งนี้ขึ้นกับข้อบ่งชี้ทางการแพทย์และดุลพินิจของแพทย์
โรคไวรัสตับอักเสบรุนแรงไหม? รักษาหายไหม?
ความรุนแรงของโรคไวรัสตับอักเสบขึ้นกับ ชนิดของเชื้อไวรัส , ปริมาณไวรัสที่ร่างกายได้รับ, และสุขภาพเดิมของผู้ป่วย
โดยทั่วไป ไวรัสตับอักเสบ เป็นโรคไม่รุนแรง รักษาหายได้ แต่ในรายที่รุนแรง เซลล์ตับจะมีการอักเสบถูกทำลายมาก จนเป็นผลให้เกิดภาวะตับวายและตายได้เฉียบพลัน, หรือกลาย เป็นไวรัสตับอักเสบเรื้อรัง หรือโรคตับแข็ง ซึ่งเป็นปัจจัยเสี่ยงสำคัญของโรคมะเร็งตับ
ควรดูแลตนเองอย่างไร? เมื่อไรจึงควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการต่างๆดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอเมื่อดูแลตนเองแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 1 - 2 วันโดยเฉพาะเมื่อมีไข้สูง, กินหรือดื่มน้ำได้น้อยจากคลื่นไส้มาก อาเจียนมาก, หรือเจ็บใต้ชายโครงขวามาก, หรือปวดท้องมาก, หรือมีตาเหลือง-ตัวเหลือง
ส่วนการดูแลตนเองหลังพบแพทย์แล้ว ที่สำคัญ คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ และ พยาบาล แนะนำ
- พักผ่อนเต็มที่ ควรหยุดงาน หยุดโรงเรียนตามแพทย์แนะนำ
- ดื่มน้ำสะอาดให้มากๆอย่างน้อยวันละ 8 - 10 แก้วเมื่อไม่มีโรคต้องจำกัดน้ำดื่ม
- กินยา/ใช้ยาต่างๆตามแพทย์แนะนำ
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ แต่ควรเป็นอาหารอ่อนย่อยง่าย (อ่านเพิ่มเติมในเกร็ดฯ เรื่อง ประเภทอาหารทางการแพทย์) เพิ่มผัก ผลไม้ให้มากๆ
- งดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิดเพราะจะเพิ่มการทำลายเซลล์ตับ
- ไม่ซื้อยากินเองเพราะอาจส่งผลให้ตับอักเสบเพิ่มขึ้น หรืออาจมีผลข้างเคียงจากยาเพิ่มขึ้น เพราะตับไม่สามารถกำจัดยาส่วนเกินออกจากร่างกายได้ตามปกติ
- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆโดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย
- แยกเครื่องใช้ ของใช้ส่วนตัว โดยเฉพาะแก้วน้ำและช้อน
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง ลดความรุนแรงของโรค และลดการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- มีอาการผิดปกติไปจากเดิม
- อาการต่างๆเลวลง
- เมื่อกังวลในอาการ
- ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเป็นการฉุกเฉินเมื่อ
- กิน/ดื่มไม่ได้ หรือได้น้อยมาก
- อาเจียนมาก
- เกิดอาการสับสน และ/หรือซึมลง เพราะอาจเป็นอาการของตับวาย
ป้องกันโรคไวรัสตับอักเสบได้อย่างไร?
การป้องกันไวรัสตับอักเสบ ที่สำคัญคือ
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ และเพื่อให้มีสุข ภาพแข็งแรง
- ล้างมือให้สะอาดเสมอโดยเฉพาะก่อนกินอาหารและหลังการขับถ่าย
- กินแต่อาหารที่ปรุงสุกอย่างทั่วถึง สะอาด ดื่มแต่น้ำสะอาด ระวังการกินน้ำแข็ง และอาหารสุกๆดิบๆ
- รักษาความสะอาดแก้วน้ำและช้อนเสมอ
- ระมัดระวังการสัมผัสเลือดและสารคัดหลั่งของบุคคลอื่น โดยเฉพาะการใช้เครื่องมือบาง อย่างร่วมกันเช่น เข็มฉีดยา เครื่องมือสักตามร่างกาย และกรรไกรตัดเล็บ
- ใช้ถุงยางอนามัยชายเสมอเมื่อมีเพศสัมพันธ์
- ฉีดวัคซีนตับอักเสบบี ตามคำแนะนำของแพทย์และกระทรวงสาธารณสุข
บรรณานุกรม
1. Dienstag,J., and Isselbacher, K. (2001). Acute viral hepatitis. In Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, D., Hausen, S., Longo, D., and Jamesson, J. Harrrison’s: Principles of internal medicine. (p1721-1737). New York. McGraw-Hill.
2. Viral hepatitishttp://www.cdc.gov/hepatitis/index.htm [2021,Jan23]
3. Viral hepatitishttp://en.wikipedia.org/wiki/Viral_hepatitis[2021,Jan23]