ไข้ละอองฟาง (Hay fever)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 17 เมษายน 2562
- Tweet
- บทนำ
- ไข้ละอองฟางเกิดจากอะไร? ใครมีปัจจัยเสี่ยง?อะไรเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการรุนแรง?
- ไข้ละอองฟางมีอาการอย่างไร?
- ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
- แพทย์วินิจฉัยไข้ละอองฟางได้อย่างไร?
- รักษาไข้ละอองฟางอย่างไร?
- ไข้ละอองฟางมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ไข้ละอองฟางมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองและป้องกันไข้ละอองฟางอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- บรรณานุกรม
- โรคหูคอจมูก โรคทางหูคอจมูก โรคระบบหูคอจมูก (ENT disease)
- โรคภูมิแพ้ (Allergy)
- โรคภูมิแพ้หูคอจมูก (ENT and Allergy)
- โรคหืด (Asthma)
- โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนังในเด็ก (Atopic dermatitis)
- ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแอนติฮิสตามีน (Antihistamine drug)
- ยาขับเสมหะ (Expectorants) และยาละลายเสมหะ (Mucolytics)
บทนำ
ไข้ละอองฟาง (Hay fever หรือ Allergic rhinitis) เป็นโรคเกิดจากเยื่อเมือกบุภายในโพรงจมูกเกิดการแพ้ (การอักเสบชนิดไม่มีการติดเชื้อ)ต่อสารก่อภูมิแพ้ ซึ่งส่วนใหญ่คือ ละออง จากฟาง หญ้าแห้ง ดอกหญ้า หรือละอองจากต้นหญ้า จึงทำให้ได้ชื่อว่า “ไข้ละอองฟาง” แต่เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้ที่ทำให้เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบลักษณะนี้มีหลากหลายชนิด ไม่จำกัดเฉพาะจากละอองหญ้าดัง กล่าว โรคนี้จึงมีชื่อเรียกอีกชื่อตามพยาธิสภาพที่เกิดขึ้นคือ “โรคจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ หรือโรคเยื่อบุโพรงจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic rhinitis)”
โรคไข้ละอองฟาง เป็นโรคพบบ่อยทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทย พบทุกอายุ ทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย แต่มักพบในอายุต่ำกว่า 20 ปี และพบได้น้อยลงเมื่ออายุมากขึ้น ในประเทศไทยพบได้ประมาณ 10-25% ของประชากรทั่วไป ส่วนทั่วโลกพบได้ประมาณ 10-30% ของประชากรผู้ใหญ่ และประมาณ 40%ในประชากรเด็ก
ไข้ละอองฟางเกิดจากอะไร? ใครมีปัจจัยเสี่ยง? อะไรเป็นปัจจัยกระตุ้นให้อาการรุนแรง?
สาเหตุของไข้ละอองฟางเกิดจาก เยื่อเมือกบุโพรงจมูกเกิดการแพ้ (การอักเสบชนิดไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ)เมื่อสัมผัสกับสารก่อภูมิแพ้ (จากการหายใจเข้าไป) ส่งผลให้เยื่อเมือกเกิดการ บวม แดง และหลั่งน้ำมูกมากขึ้น นอกจากนี้ อวัยวะอื่นที่สัมผ้สสารก่อภูมิแพ้นี้อาจเกิดการแพ้ ไปด้วยเช่น เยื่อบุตา (ตาบวม แดง น้ำตาไหล)
สารก่อภูมิแพ้นี้ อาจมีอยู่ตามสถานที่ต่างๆ เช่น
- นอกบ้าน เช่น ละอองหญ้า ละอองดอกไม้ ดอกหญ้า ละอองจากพืชต่างๆ ฝุ่นละอองในอากาศ หรือ
- ที่มีอยู่ในบ้าน เช่น ฝุ่นละอองจากเครื่องใช้ในบ้าน หรือตัวสัตว์ หรือแมลงที่อาศัยในบ้าน หรือปฏิกูลของมันเช่น ไรฝุ่น แมลงสาป ยุง แมลงวัน
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไข้ละอองฝาง:
ทั้งนี้ปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคไข้ละอองฝาง เช่น
- พันธุกรรม เพราะจะพบโรคนี้ได้บ่อยขึ้นในคนที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคนี้หรือเป็นโรคภูมิแพ้
- ผู้ที่เป็นโรคหืดหรือโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง
- อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีสารก่อภูมิแพ้ ทั้งนี้รวมทั้งสารก่อภูมิแพ้ในบ้านและ/หรือนอกบ้าน
- มีความผิดปกติทางกายวิภาคของจมูกที่ส่งผลถึงการหายใจ เช่น มีผนังกั้นโพรงจมูกคด
ปัจจัยกระตุ้นให้อาการแพ้รุนแรง:
ปัจจัยที่จะกระตุ้นให้เกิดอาการแพ้ หรือให้อาการแพ้รุนแรง เช่น
- กลิ่นต่างๆ
- ควัน ต่างๆ
- การออกกำลังกายโดยเฉพาะเมื่อหักโหม
- อุณหภูมิที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งหนาวหรือ ร้อน
- ความเครียด
- ความวิตกกังวล
ไข้ละอองฟางมีอาการอย่างไร?
อาการที่พบได้ในโรคไข้ละอองฟางมีหลายอาการร่วมกัน และไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการ เช่น
- อาการทางจมูก: เช่น
- จาม คัน คัดจมูก/แน่นจมูก
- มีน้ำมูกใสๆ
- จมูกอาจได้กลิ่นน้อยลง หรือ ไม่ได้กลิ่น
- อาการทางตา: เช่น
- คันตา
- ตาแดง บวม
- น้ำตาไหล
- อาการทางคอ: เช่น
- มีน้ำมูกไหลลงคอ
- คันคอ
- อาการทางหู: เช่น
- หูอื้อ ปวดหู จากมีน้ำมูกไหลลงคอ จึงส่งผลให้ท่อ Eustachian tube ที่เป็นท่อระบายอากาศจากหูสู่คอเกิดการบวม จึงเกิดอาการทางหูได้
- อาการทั่วไป: เช่น
- มีไข้
- ปวดศีรษะ
- อ่อนเพลีย
- ง่วงซึม
- เหงื่อออกมาก
- ถ้าอาการรุนแรง: อาจมีอาการคล้าย
- โรคหืด
- หายใจลำบาก และ
- อาจช็อกได้ (แต่พบได้น้อย)
- นอกจากนั้น ไข้ละอองฟางยังทำให้อาการ โรคหืด และโรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง รุนแรงขึ้น
ควรไปพบแพทย์เมื่อไหร่?
เมื่อมีอาการดังกล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ และอาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเอง หรืออาการเกิดบ่อย ควรพบแพทยฺ/ไปโรงพยาบาลเสมอ
แพทย์วินิจฉัยไข้ละอองฟางได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคไข้ละอองฟางได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการ โรคประจำตัว ประวัติโรคในครอบครัว ถิ่นที่อยู่อาศัย
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจทางหูคอจมูก และ
- อาจมีการตรวจสืบค้นด้วยวิธีเฉพาะอื่นๆตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- การตรวจทดสอบทางผิวหนังหาชนิดสารก่อภูมิแพ้ (Skin test)
- การตรวจเลือดดูเม็ดเลือดขาวชนิดที่ตอบสนองต่อการแพ้ (ชนิดที่เรียกว่า Eosinophil)
- การตรวจเลือดดูค่าสารภูมิต้านทาน ต่อสารก่อภูมิแพ้ต่างๆที่เรียกว่า IgE (Immunoglobulin E)
- การเอกซเรย์เมื่อแพทย์สงสัยมีความผิดปกติของอวัยวะทางหูคอจมูก เช่น เอกซเรย์ภาพจมูก หรือ
- อาจมีการส่องกล้องตรวจในโพรงจมูก รวมถึง
- อาจมีการตัดชิ้นเนื้อที่ตำแหน่งรอยโรคเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา เพื่อการวินิจฉัยแยกโรคนี้จากโรคโพรงจมูกอักเสบจากสาเหตุอื่นๆ (เช่น จากการติดเชื้อวัณโรค)
รักษาไข้ละอองฟางอย่างไร?
แนวทางการรักษาไข้ละอองฟางมี 4 วิธีการหลัก ซึ่งมักต้องใช้หลายวิธีการร่วมกัน ได้แก่
ก. การหลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้ทั้งในบ้านและนอกบ้าน: ซึ่ง
- ในบ้าน :เช่น การรักษาความสะอาดเครื่องใช้ต่างๆ การกำจัดฝุ่นละอองและสัตว์/แมลงต่างๆ
- ส่วนนอกบ้าน: เช่น การหลีกเลี่ยงสถานที่ที่มีสารก่อภูมิแพ้ สถานที่แออัด มีฝุ่น มีควัน การหลีก เลี่ยงดอกไม้ และรู้จักการใช้หน้ากากอนามัย เป็นต้น
- นอกจากนั้นคือ หลีกเลี่ยงตัวกระตุ้นอื่น เช่น
- ความเครียด
- การออกกำลังกายที่หักโหม
- การเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิอย่างรวดเร็ว
ข. การใช้ยาช่วยควบคุมและป้องกันการเกิดอาการ: ซึ่งมีทั้ง ยากิน ยาพ่น และยาฉีด ที่แพทย์จะเลือกเลือกใช้ตามความรุนแรงของอาการ เช่น
- ยาในกลุ่ม Antihistamine
- ยาในกลุ่ม Corticosteroids เป็นต้น
ค. การฉีดสารที่เตรียมจากสารก่ออาการแพ้/สารก่อภูมิแพ้ที่มักเรียกว่าวัคซีน (Allergen Immunotherapy): ซึ่งมักใช้กรณีมีอาการรุนแรง หรืออาการดื้อต่อยาต่างๆ โดยวัคชีนจะเฉพาะแต่ละบุคคลซึ่งแพทย์ผลิตเฉพาะกรณีจากสารก่อภูมิแพ้ของแต่ละบุคคล
จ. การผ่าตัดที่รวมถึงการใช้เลเซอร์: ใช้เฉพาะเมื่อพบว่า มีความผิดปกติทาง กายวิภาคของจมูก เช่น
- กรณีผนังกั้นจมูกคด หรือ
- การใช้เลเซอร์เพื่อลดการบวมหนาของเยื่อเมือกในโพรงจมูก กรณีที่เป็นมากเรื้อรัง จนเยื่อเมือกบวมหนาจนปิดกั้นทางเดินหายใจ
*อนึ่ง ทุกวิธีการรักษาต้องใช้ร่วมกับวิธีการ ‘ข้อ ก.’ เสมอ ส่วนการจะเลือกใช้ยาตัวใดหรือวิธีอื่นๆเพิ่มเติมจะขึ้นกับ
- อาการผู้ป่วย
- การดื้อยา
- พยาธิสภาพของโพรงจมูก
- ความประสงค์ของผู้ป่วย และ
- ดุลพินิจของแพทย์
ไข้ละอองฟางมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงที่พบได้จากไข้ละอองฟาง เช่น
- ไซนัสอักเสบเรื้อรัง
- หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง
- การหายใจทางปาก ส่งผลให้ปากแห้ง
- โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ จากการอุดกั้นทางเดินหายใจจากการบวมของเยื่อเมือกบุโพรงจมูก และจากน้ำมูกแห้งอุดตัน หรือจากมีความผิดปกติทางกายวิภาคของจมูก
ไข้ละอองฟางมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
โดยทั่วไป ไข้ละอองฟางมีการพยากรณ์โรคที่ดี รักษาควบคุมโรคได้ดีเสมอ เมื่อปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ และพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ ยกเว้น ส่วนน้อยมากในบางคนที่มีอาการรุนแรง ที่อาจถึงขั้นช็อกและเสียชีวิตได้
ดูแลตนเองและป้องกันไข้ละอองฟางอย่างไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคไข้ละอองฟาง จะเช่นเดียวกับการป้องกันการเกิดอาการจากไข้ละอองฟาง ซึ่งที่สำคัญคือ
- หลีกเลี่ยงสารก่อภูมิแพ้
- รักษาความสะอาด บ้านเรือน เสื้อผ้า เครื่องใช้
- อยู่ในสิ่งแวดล้อมที่ถูกสุขอนามัย
- การเดินทางไปต่างถิ่น ควรต้องศึกษาก่อนล่วงหน้าถึงโอกาสมีสารก่อภูมิแพ้ เพื่อเตรียมป้องกันหรือหลีกเลี่ยงไม่ไป
- หลีกเลี่ยงปัจจัยกระตุ้นดังได้กล่าวแล้วใน ‘หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’
- ปฏิบัติตาม แพทย์/พยาบาล แนะนำ
- กินยา ใช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตรงตามแพทย์นัดเสมอ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
- อาการเลวลง เป็นบ่อยขึ้น ใช้ยาไม่ได้ผล
- มีอาการผิดไปจากเดิม/มีอาการใหม่ๆเกิดขึ้น
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่น ง่วงนอน หรือ นอนไม่หลับ ต่อเนื่อง
- กังวลในอาการ
บรรณานุกรม
- ปารยะ อาศนะเสน.http://www.si.mahidol.ac.th/sidoctor/e-pl/admin/article_files/471_1.pdf [2019,March30]
- Quillen, D., and Feller,D. (2006). Am Fam Physician. 75, 1583-1590
- Sur, D., and Scandale, S. (2010). Am fam Physician. 81, 1440-1446
- https://emedicine.medscape.com/article/134825-overview#showall [2019,March30]
- https://acaai.org/news/facts-statistics/allergies [2019,March30]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Allergic_rhinitis [2019,March30]