อุจจาระเป็นเลือด เลือดออกทางทวารหนัก ถ่ายเป็นเลือด (Bleeding per rectum)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 1 กันยายน 2555
- Tweet
- ริดสีดวงทวาร(Hemorrhoids or piles)
- มะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colon cancer)
- ติ่งเนื้อเมือกลำไส้ใหญ่ (Colorectal polyp)
- ลำไส้อักเสบ(Enterocolitis)
- ลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง(Ulcerative colitis)
- แผลปริขอบทวารหนัก(Anal fissure)
- ท้องผูก(Constipation)
- โรคเลือด(Blood Diseases)
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด(Anticoagulants)
- โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่(Diverticulosis and Diverticulitis)
- ยาแก้อักเสบ(Anti inflammatory drug)
อุจจาระเป็นเลือด เลือดออกทางทวารหนัก หรือถ่ายเป็นเลือด หรืออุจจาระมีเลือดปน(Bleeding per rectum) เป็นอาการที่เกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ
โรคที่พบเป็นสาเหตุได้บ่อยคือ
- โรคริดสีดวงทวาร (พบได้บ่อยที่สุด)
- โรคแผลรอยแยกขอบทวารหนัก
- โรคฝีคัณฑสูตร
- โรคติ่งเนื้อเมือกลำไส้ใหญ่ (Colorectal polyp)
- และโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ (พบได้น้อยในคนอายุต่ำกว่า 35 ปี)
โรคอื่นๆที่พบเป็นสาเหตุได้น้อยกว่าเช่น
- โรคถุงผนังลำไส้ใหญ่
- โรคแผลในกระเพาะอาหาร
- โรคลำไส้อักเสบ
- โรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง
- โรคเลือดบางชนิดที่ส่งผลให้มีเกล็ดเลือดต่ำ (เกล็ดเลือดช่วยป้องกันภาวะเลือดออกง่าย)
- มีแผลในทวารหนักหรือในลำไส้ใหญ่จากสาเหตุต่างๆเช่น ผลข้างเคียงจากการฉายรังสีรักษาโรคมะเร็งในอุ้งเชิงกราน (ผลข้างเคียงและวิธีดูแลตนเองเมื่อฉายรังสีรักษาบริเวณช่องท้อง และ/หรืออุ้งเชิงกราน)
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิดเช่น ยาต้านการแข็งตัวของเลือด หรือยาแก้ปวดในกลุ่มเอ็นเสดส์ (NSAIDs)
- หรือโรคเลือดบางชนิดที่ส่งผลให้มีเกล็ดเลือดต่ำ (ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ)
ทั้งนี้เมื่อมีอาการถ่ายอุจจาระเป็นเลือด ควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลเสมอ เพื่อวินิจ ฉัยแยกจากโรคมะเร็งลำไส้ใหญ่ซึ่งเป็นโรคที่รุนแรง แต่สามารถรักษาให้หายได้เมื่อตรวจพบโรคตั้งแต่ในระยะเริ่มเป็นโรค
Updated 2015, May 2