สิ่งแปลกปลอมในช่องหู (Foreign body in the ear canal)
- โดย นพ.กรีฑา ม่วงทอง
- 11 พฤศจิกายน 2561
- Tweet
- บทนำ
- สิ่งแปลกปลอมในช่องหูมีสาเหตุจากอะไร?
- สิ่งแปลกปลอมในช่องหูแบ่งได้เป็นกี่ชนิด?
- สิ่งแปลกปลอมในช่องหูแบ่งได้เป็นกี่ชนิด?
- เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมในช่องหูจะมีอาการอย่างไร? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ข้อควรปฏิบัติ
- ข้อห้ามในการกระทำ
- กรณีเร่งด่วนที่ต้องรีบเอาสิ่งแปลกปลอมออกทันทีหรือรีบให้การรักษา
- หลังจากเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากหูแล้วควรทำอย่างไร?
- ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าช่องหูได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคหูคอจมูก โรคทางหูคอจมูก โรคระบบหูคอจมูก (ENT disease)
- การตรวจทางหูคอจมูก การตรวจทางอีเอ็นที (Clinical examination of Ear Nose Throat or Clinical ENT examination)
- ปวดหู (Earache)
- หูอื้อ (Tinnitus)
- แก้วหูทะลุ (Ruptured eardrum)
- หูติดเชื้อ (Ear infection)
- ยาหยอดหู (Ear drops)
- หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หูน้ำหนวก (Chronic otitis media)
บทนำ
สิ่งแปลกปลอมในช่องหู (Foreign body in the ear canal) เป็นปัญหาที่พบบ่อยในเด็ก แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ก่อให้เกิดปัญหารุนแรง สามารถรอได้เป็นวันๆก่อนที่จะนำเอาสิ่งแปลกปลอมออก ยกเว้นในบางกรณีซึ่งจะกล่าวต่อไป
สิ่งแปลกปลอมในช่องหูมีสาเหตุจากอะไร?
![สิ่งแปลกปลอมในช่องหู สิ่งแปลกปลอมในช่องหู](https://haamor.com/media/images/articlepics/สิ่งแปลกปลอมในช่องหู-01.jpg)
สาเหตุที่เกิดมีสิ่งแปลกปลอมในช่องหู ที่พบได้บ่อยที่สุด คือ เกิดจากการที่เด็กเอาสิ่งแปลกปลอมใส่ไว้เอง หรือเพื่อนเอามาใส่ เช่น ยางลบ ลูกปัด เมล็ดผลไม้ หรือ เกิดจากแมลงที่กระโดดเข้าไปในช่องหูเอง
สิ่งแปลกปลอมในช่องหูแบ่งได้เป็นกี่ชนิด?
สิ่งแปลกปลอมในช่องหูแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. สิ่งแปลกปลอมที่เป็นสิ่งมีชีวิตพวกแมลง เช่น แมลงสาบ มด หรือ จิ้งหรีด
2. สิ่งแปลกปลอมที่เป็นสิ่งที่ไม่มีชีวิต เช่น ยางลบ ปลายดินสอ กระดาษ เม็ดโฟม เมล็ดผลไม้
เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมในช่องหูจะมีอาการอย่างไร? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมในช่องหู อาจมีอาการได้ดังนี้ คือ
ก. ขึ้นอยู่กับชนิดขนาดของสิ่งแปลกปลอม
- ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไม่มีชีวิต ผู้ป่วยมักมาด้วยอาการหูอื้อ หรือมีน้ำหนองไหลจากหู
- ถ้าสิ่งแปลกปลอมเป็นสิ่งมีชีวิต เช่น แมลง ผู้ป่วยมักมาด้วยอาการเจ็บปวดในรูหูฉับพลัน
ข. ผลข้างเคียง: ถ้าเป็นสิ่งแปลกปลอมติดค้างอยู่ในช่องหูเป็นเวลานาน อาการคือ อาจเกิดการติดเชื้ออักเสบขึ้นที่หูชั้นนอก (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง หูติดเชื้อ) ซึ่งการอักเสบมากน้อยขึ้นอยู่กับชนิดและขนาดของสิ่งแปลกปลอมเช่นกัน
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วยหรือพ่อแม่เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าหู
เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมเข้าช่องหู การรักษา คือ การคีบเอาสิ่งแปลกปลอมออก ซึ่งต้องทำด้วยความระมัดระวังมาก โดยเฉพาะในเด็กเล็กๆ ซึ่งมักดิ้น เพราะ ถ้าพ่อแม่พยายามที่จะเอาสิ่งแปลกปลอมออกด้วยตนเอง โดยที่ไม่มีเครื่องมือที่ดีเพียงพอ หรือแพทย์ผู้รักษาไม่มีความชำนาญ อาจจะเกิดบาดเจ็บต่อช่องหู ทำให้มีผนังช่องหูฉีกขาดหรือถลอก จนเกิดการบวมของช่องหูหรือเลือดออกจากหูได้ บางครั้งทำให้แก้วหูฉีกขาดและบาดเจ็บต่อกระดูกหูได้ ซึ่งจะทำให้เด็กสูญเสียการได้ยิน ตามมา
1. ข้อควรปฏิบัติ:
- เมื่อพบว่ามีสิ่งแปลกปลอมในช่องหู ต้องรีบพาเด็กมาพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูก โดยส่วนใหญ่สามารถรอได้จนถึงรุ่งเช้าถ้าเด็กไม่มีอาการอะไร
- ถ้าสิ่งแปลกปลอมอยู่ตื้นๆพอมองเห็นได้ อาจจะลองเอียงศีรษะและขยับโยกใบหูดู บางครั้งอาจจะทำให้วัตถุหลุดออกมาได้
- ถ้าสิ่งแปลกปลอม เป็นพวกแมลง ก็ควรทำให้แมลงนั้นตายก่อนโดยใช้น้ำมันพืชหรือน้ำมันมะกอก หยอดลงไปให้เต็มในช่องหู เพื่อทำให้แมลงตายเพราะความหนืดของน้ำมันและแมลงดิ้นไม่ค่อยไหวจึงส่งผลให้แมลงตาย ลดอาการเจ็บในช่องหู
- ในเด็กบางรายแพทย์อาจจะต้องเอาสิ่งแปลกปลอมออก โดยทำภายใต้การดมยาสลบ ดังนั้นจึงแนะนำให้งดน้ำและอาหารประมาณ 6 ชั่วโมงก่อนมาพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูก
2. ข้อห้ามในการกระทำ:
- อย่าพยายามคีบเอาสิ่งแปลกปลอมออกเอง เพราะจะยิ่งดันเอาสิ่งแปลกปลอมลึกเข้าไปในหูมากขึ้น
- ห้ามใช้คีมคีบแมลงในช่องหู ถ้าแมลงยังไม่ตาย
- อย่าใช้คีมหรือแหนบคีบวัตถุทรงกลมในช่องหู เพราะจะทำให้ดันสิ่งแปลกปลอมเข้าไปในช่องหูลึกมากขึ้นได้
- ในเด็กที่ไม่ร่วมมือ อย่าใช้เครื่องมือแข็งๆเขี่ยสิ่งแปลกปลอม เพราะเด็กอาจจะสะบัดศีรษะ เกิดการบาดเจ็บของแก้วหูได้
- อย่าใช้น้ำฉีดล้างในช่องหูเพื่อดันเอาเมล็ดถั่วออกจากช่องหู เพราะจะทำให้เปลือกถั่วบวมอุดตันช่องหูมากขึ้น และเกิดการอักเสบของช่องหูได้
3. กรณีเร่งด่วนที่ต้องรีบเอาสิ่งแปลกปลอมออกทันทีหรือรีบให้การรักษา:
- แบตเตอรี่ขนาดเล็กๆต่างๆ (Disk battery) เช่น ของนาฬิกา เพราะจะปล่อยด่างออกมา ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้เนื้อเน่าตาย เกิดบาดแผลที่ช่องหูได้ ดังนั้นจึงควรต้องรีบพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูก/มาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- สิ่งแปลกปลอมที่เข้าอยู่ในหูมานานและทำให้ช่องหูอักเสบ ถ้าเด็กมีอาการ ปวดหู มีเลือดไหล หรือ น้ำหนองออกจากช่องหู ต้องรีบมาพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูกทันที/มาโรงพยาบาลฉุกเฉิน เพื่อทำความสะอาดหู เอาสิ่งแปลกปลอมออก และ ให้ยาแก้อักเสบที่เหมาะสม
หลังจากเอาสิ่งแปลกปลอมออกจากหูแล้วควรทำอย่างไร?
หลังจากแพทย์เอาสิ่งแปลกปลอมออกจากช่องหู ส่วนใหญ่แพทย์จะให้ยาหยอดหู มาหยอดวันละ 3-4 ครั้ง เป็นเวลาประมาณ 5-7 วัน เพื่อป้องกันการติดเชื้อที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ดังนั้นถ้าเด็กมีอาการปวดหู มีน้ำหนองไหลจากช่องหู มีช่องหูบวมแดง จับใบหูแล้วเจ็บ ควรรีบนำเด็กมาพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูก/มาโรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อทำการรักษาการติดเชื้อของช่องหู (หูติดเชื้อ) ต่อไป
ป้องกันสิ่งแปลกปลอมเข้าช่องหูได้อย่างไร?
เป็นธรรมชาติของเด็กในช่วงพัฒนาการที่ชอบสำรวจและอยากรู้อยากเห็น ดังนั้นการป้องกัน คือ พ่อแม่ต้องสอนให้เด็กทราบว่า ไม่ควรจะเอาสิ่งต่างๆใส่เข้าไปในช่องหู และในรายที่สงสัยว่า เด็กได้ใส่สิ่งของเข้าไปในช่องหูแล้ว พ่อแม่ต้องตระหนักและตรวจดูก่อนที่จะเกิดภาวะแทรกซ้อนจากวัตถุแปลกปลอม ตกค้างอยู่ในช่องหูเป็นเวลานานๆ
แต่เมื่อสงสัยมีสิ่งแปลกปลอมเข้าช่องหู ควรรีบพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูก/พาเด็ฏมาโรงพยาบาลเสมอ ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ คำแนะนำ
บรรณานุกรม
- ศิริเกียรติ ประเสริฐศรี :สิ่งแปลกปลอมด้าน หู คอ จมูก ใน กรีฑา ม่วงทอง บรรณาธิการ ตำราโรคหู คอ จมูก โครงการตำรำ วพม. นำอักษรการพิมพิ์ 2548:292-300.
- Torres AI, Backous DD. Clinical Assessment and Surgical Treatment of Conductive Hearing Loss In Cummings CW.ed. Otolaryngology Head and Neck Surgery. 2nded. St.Louis :Mosby-Year Book, 2010:143;2017-27.