สมองขาดเลือด (Cerebral ischemia)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 9 กันยายน 2563
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร?พบบ่อยไหม?มีกี่ชนิด?
- สมองขาดเลือดมีอาการอย่างไร?
- สมองขาดเลือดมีสาเหตุจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดสมองขาดเลือด ?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยสมองขาดเลือดได้อย่างไร?
- รักษาสมองขาดเลือดอย่างไร?
- สมองขาดเลือดรุนแรงไหม?มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันสมองขาดเลือดได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคสมอง โรคทางสมอง (Brain disease)
- สมองขาดออกซิเจน สมองพร่องออกซิเจน (Cerebral hypoxia)
- โรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดและชนิดเลือดออก (Ischemic and Hemorrhagic Stroke)
- อัมพฤกษ์ อัมพาต แขน ขา อ่อนแรง (Muscle weakness)
- ยาสลายลิ่มเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด (Fibrinolytic drugs or Thrombolytic drugs)
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: ยากันเลือดแข็งตัว (Anticoagulants)
- อ่อนแรง อาการอ่อนแรง (Motor Weakness)
- โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคท่อเลือดแดงและหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis)
- หัวใจหยุดเต้น (Cardiac arrest)
- สิ่งหลุดอุดหลอดเลือด (Embolus)
- เม็ดเลือดแดงรูปเคียว (Sickel cell anemia)
บทนำ: คือโรคอะไร?พบบ่อยไหม?มีกี่ชนิด?
สมองขาดเลือด(Cerebral ischemia หรือ Brain ischemia) คือ โรคหรือภาวะที่ สมองได้รับเลือดไปเลี้ยงไม่เพียงพอโดยเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันจนส่งผลกระทบต่อการทำงานของเซลล์ต่างๆของสมอง ส่งผลต่อเนื่องให้เกิดอาการผิดปกติต่างๆทางสมองอย่างเฉียบพลันจากสมองขาดเลือด/สมองขาดออกซิเจน เช่น กล้ามเนื้อแขน/ขาอ่อนแรง, พูดไม่ชัด, สับสน, ทั่วไปสาเหตุพบบ่อยที่เลือดไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอเฉียบพลันมักเกิดจากการอุดกั้น/อุดตันในหลอดเลือดเลี้ยงสมองจากลิ่มเลือด และ/หรือจากการตีบ/แคบ/ตีบตันหลอดเลือดสมองจากแผ่นไขมัน(พลาค/Plaque)ที่เกาะจับผนังหลอดเลือดฯ(โรคหลอดเลือดแดงแข็ง)
สมองขาดเลือด เป็นโรคกลุ่มหนึ่งของโรคหลอดเลือดสมอง (อัมพาต/ Stroke) เป็นโรคพบบ่อย องค์การอนามัยโรครายงานว่าในแต่ละปี ทั่วโลกพบผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองประมาณ 15 ล้านคน ในการนี้เกิดจากสมองขาดเลือดประมาณ 85-90% โรคนี้เป็นโรคของผู้ใหญ่ พบสูงขึ้นเรื่อยๆเมื่ออายุมากขึ้นโดยเฉพาะผู้มีอายุตั้งแต่ 65ปีขึ้นไป พบในผู้ชายบ่อยกว่าในผู้หญิง
สมองขาดเลือดมี 2 ชนิด ได้แก่
- ชนิดขาดเลือดจำกัดเฉพาะเนื้อสมองส่วนใดส่วนหนึ่ง (Focal cerebral ischemia): มักเกิดจากมีลิ่มเลือดและ/หรือหลอดเลือดสมองตีบเฉพาะบางหลอดเลือดที่เลี้ยงเนื้อสมองเฉพาะจุด
- ชนิดขาดเลือดวงกว้างมากในหลายส่วนของเนื้อสมองซึ่งทั่วไปมักเกิดในเนื้อสมองทุกส่วน(Global cerebral ischemia)พร้อมกัน ที่สาเหตุมักเกิดจากภาวะหัวใจหยุดเต้นที่ส่งผลหยุดถึงการไหลเวียนเลือดโดยสิ้นเชิง
อนึ่ง:
- ชื่ออื่นของสมองขาดเลือด เช่น Ischemic stroke
สมองขาดเลือดมีอาการอย่างไร?
อาการของสมองขาดเลือด เป็นอาการเกิดขึ้นเฉียบพลัน โดยแบ่งเป็น อาการที่จะต่างกันในผู้ป่วยแต่ละรายขึ้นกับว่าสมองส่วนใดขาดเลือด, และอาการทั่วไปที่พบได้กับผู้ป่วยทุกราย
ก. อาการเฉียบพลันที่ขึ้นกับว่าสมองส่วนใดขาดเลือด:จะต่างกันในแต่ละผู้ป่วยขึ้นกับว่า มีสมองส่วนใดขาดเลือด เช่น
- เมื่อสมองส่วนหน้าขาดเลือด อาการเช่น กล้ามเนื้ออ่อนแรง, มีปัญหาในการพูด, จำอะไรไม่ได้
- อาการจากก้านสมองขาดเลือด เช่น หายใจลำบาก, มีปัญหาในการพูด, ตาพร่า, การได้ยินลดลง, แขนขาอ่อนแรง, ชาตามร่างกาย
ข. อาการทั่วไปที่เกิดขึ้นเฉียบพลันเช่นกัน: อาการที่ผู้ป่วยทุกรายจะมีอาการเหมือนกัน แต่ไม่จำเป็นต้องมีครบทุกอาการ ที่พบบ่อยได้แก่
- กล้ามเนื้ออ่อนแรงทันที มักเป็นที่ แขน ขา
- ชาร่างกายซีกใดซีกหนึ่ง
- ปากเบี้ยว, ใบหน้าเบี้ยว
- พูดไม่ออก, พูดไม่ชัด
- มีปัญหาในการมองเห็น เช่น ตาพร่า, เห็นภาพซ้อน
- ตากระตุก
- เดินเซ
- วิงเวียนศีรษะ
- มีปัญหาในการรู้สึกตัว และถ้ารุนแรงอาจหมดสติ
สมองขาดเลือดมีสาเหตุจากอะไร?
สมองขาดเลือด มีกลไกเกิดจากเกิดความผิดปกติของหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงสมองที่อาจเป็นหลอดเลือดในตัวสมองเอง และ/หรือ หลอดเลือดใหญ่ระดับลำคอที่มีสาขากระจายไปเลี้ยงสมอง ที่ส่งผลให้หลอดเลือดนั้นๆตีบแคบลงจนปริมาณเลือดไปเลี้ยงสมองน้อยลงจนไม่เพียงพอต่อการทำงานของเซลล์สมอง, หรือ เกิดการอุดกั้น/อุดตันจนเลือดผ่านไม่ได้, หรือเกิดจากการล้มเหลวของการไหลเวียนเลือดที่ทำให้ขาดเลือดไปเลี้ยงสมอง
ก. จากหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองตีบแคบลง: เช่น
- โรคหลอดเลือดแดงแข็งจากโรคไขมันในเลือดสูง ส่งผลให้มีแผ่นไขมัน(พลาค/Plaque)จับเกาะที่ผนังหลอดเลือด ส่งผลให้ช่องในหลอดเลือดตีบแคบเล็กลง ซึ่งสาเหตุนี้พบบ่อย
- มีพยาธิสภาพที่กดเบียดทับหลอดเลือด เช่น ก้อนเนื้องอก/มะเร็งสมอง, ก้อนเลือดในกรณีมีภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ สาเหตุนี้พบน้อย
ข. จากหลอดเลือดสมองอุดตัน: เป็นอีกสาเหตุที่พบบ่อย โดยเกิดจาก
- โรคหลอดเลือดแดงแข็งฯส่งผลให้พลาคไขมันก่อให้เกิดการอักเสบของผนังหลอดเลือดส่งผลให้เกิดการรวมตัวของเกล็ดเลือดจนเกิดเป็นลิ่มเลือดที่อุดกั้น/อุดตันหลอดเลือดสมอง สาเหตุนี้พบบ่อย
- เกิดก้อนเลือด/ลิ่มเลือด หรือ ฟองอากาศขนาดเล็ก หรือ สิ่งอื่นๆ(เช่น น้ำคร่ำ)ที่เรียกว่า ‘สิ่งหลุดอุดหลอดเลือด(Embolus/Emboli/เอมโบไล)’ ซึ่งเอมโบไลเหล่านี้จะหลุดเข้าหลอดเลือดจนไปอุดตันหลอดเลือดได้ เช่น
- กรณีก้อนเอมโบไลเกิดจากก้อนเลือด จะพบบ่อยในกรณี โรคหัวใจและหลอดเลือดบางกลุ่ม เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ, โรคลิ้นหัวใจ
- กรณีก้อนเอมโบไลเป็นฟองอากาศ ซึ่งพบได้น้อย เช่น การฉีดยา/สารต่างๆเข้าหลอดเลือดด้วยวิธีที่ไม่ถูกต้องที่ส่งผลให้มีฟองอากาศปะปนเข้าสู่กระแสเลือด เช่น การฉีดยาเสพติด
- กรณีภาวะน้ำคร่ำอุดหลอดเลือด ซึ่งพบน้อยมากๆ ที่เกิดจากชิ้นส่วนเล็กๆของน้ำคร่ำหลุดเข้ากระแสเลือดระหว่างการคลอดบุตร
- ก้อนเชื้อโรคในกระแสเลือดในกรณีของภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดที่เรียกว่า Septic emboli
- โรคบางโรคที่มีความผิดปกติของเม็ดเลือดแดงที่ทำให้เม็ดเลือดแดงรวมตัวกันเป็นก้อนลิ่มเลือดอุดตันหลอดเลือดต่างๆได้ทั่วร่างกายรวมถึงหลอดเลือดสมอง เช่น โรคเม็ดเลือดแดงรูปเคียว ซึ่งสาเหตุนี้พบน้อยมากโดยเฉพาะในประเทศไทย
ค. การล้มเหลวในการไหลเวียนโลหิตที่ส่งผลให้เกิดความดันโลหิตต่ำรุนแรงเฉียบพลัน เช่น
- การเสียเลือดรุนแรงกรณีอุบัติเหตุรุนแรง
- ภาวะหัวใจหยุดเต้น
- ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดรุนแรงที่ส่งผลให้ผนังหลอดเลือดต่างๆอักเสบรุนแรงจนเกิดผนังหลอดเลือดต่างๆแตกจึงเกิดเลือดออกรุนแรงในอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายพร้อมๆกัน
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดสมองขาดเลือด ?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดสมองขาดเลือด คือ ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดสมอง(อัมพาต) ได้แก่
- ไขมันในเลือดสูง
- ความดันโลหิตสูง
- โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- โรคเลือดชนิดที่มีความผิดปกติในปัจจัยการแข็งตัวของเลือด เช่น เม็ดเลือด/เกล็ดเลือดจับตัวรวมกันจนเกิดเป็นลิ่มเลือดได้ง่าย
- โรคหัวใจแต่กำเนิด เช่น โรคลิ้นหัวใจ
- เคยมีภาวะหัวใจล้มมาก่อน
- โรคเบาหวาน
- โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- สูบบุหรี่จัด
- ดื่มสุราจัด
- ใช้ยาเสพติด
- เคยมีอาการโรคหลอดเลือดสมอง/อัมพาตมาก่อน
- มีประวัติโรคหลอดเลือดสมอง/อัมพาตในครอบครัว
- ผู้สูงอายุ
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการเฉียบพลันดังกล่าวใน’หัวข้ออาการฯ’และโดยเฉพาะเมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยงควรรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน/ทันทีเสมอ
แพทย์วินิจฉัยสมองขาดเลือดได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคสมองขาดเลือดได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น อาการโรคประจำตัว ประวัติการรักษาพยาบาลที่ผ่านมา การใช้ยาต่างๆ ประวัติโรคในครอบครัวโดยเฉพาะโรคสมองขาดเลือด และปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังกล่าวใน’หัวข้อปัจจัยเสี่ยง’
- การตรวจร่างกายทั่วไป ที่รวมถึงการตรวจวัดสัญญาณชีพ
- การตรวจร่างกายทางระบบประสาท
- ตรวจเลือดโดยขึ้นกับ ปัจจัยเสี่ยงต่างๆ, อาการผู้ป่วย, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ซีบีซี/CBC ดูภาวะซีด
- ดูค่า เกล็ดเลือด และ ปัจจัยการแข็งตัวของเลือด
- ดูค่าน้ำตาลในเลือด(โรคเบาหวาน)
- ดูค่าไขมันในเลือด
- ตรวจภาพสมองด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือ เอมอาร์ไอ
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจอีเคจี ดูการทำงานของหัวใจ เช่น โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- การตรวจเอคโคหัวใจดูการทำงานของหัวใจ โรคลิ้นหัวใจ การเกิดลิ่มเลือดในหัวใจ
- บางครั้งอาจต้องตรวจลักษณะหลอดเลือดสมองด้วยเทคนิคการใส่สายสวนร่วมกับการฉีดสี/สารทึบแสงเข้าหลอดเลือด(เทคนิคทางรังสีร่วมรักษา)ที่เรียกว่า Cerebral angiogram
รักษาสมองขาดเลือดอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคสมองขาดเลือดมีเป้าหมายเพิ่มเลือดไปเลี้ยงสมองให้เพียงพอด้วยหลากหลายวิธีที่จำเป็นต้องใช้ร่วมกัน ได้แก่ การใช้ยาสลายลิ่มเลือด, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด, การทำหัตการทางแพทย์เพื่อแก้ไขการตีบตันและ/หรือการอุดตันหลอดเลือด, การรักษาสาเหตุ, และการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่จะเป็นสาเหตุให้เกิดการตีบ/การอุดตันหลอดเลือดซึ่งรวมถึงหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจ
ก. ใช้ยาต่างๆเพื่อต้านการเกิดลิ่มเลือดหรือสิ่งหลุดอุดหลอดเลือด/เอมโบไลจากหัวใจ เช่น ยาสลายลิ่มเลือด, ยาต้านการแข็งตัวของเลือด, ยาต้านเกล็ดเลือด ตามสาเหตุและดุลพินิจของแพทย์
ข. ทำหัตการทางการแพทย์ที่รวมถึงการผ่าตัดเพื่อให้เลือดสามารถผ่านหลอดเลือดไปเลี้ยงสมองได้อย่างพอเพียง เช่น
- การผ่าตัดเพื่อกำจัดก้อนลิ่มเลือด(Embolectomy)กรณีลิ่มเลือดขนาดใหญ่จนใช้ยาสลายลิ่มเลือดไม่ได้ผล
- ผ่าตัดเปลี่ยนทางเดินของหลอดเลือด(By pass)
- ขยายหลอดเลือดด้วยบัลลูน(Balloon)โดยใส่สวนสายสวนเข้าหลอดเลือดสมองที่ตีบตัน ซึ่งอาจร่วมกับการใส่ท่อขยายหลอดเลือด(Stent)
ค. การรักษาสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง เช่น
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- รักษาควบคุมโรคเบาหวาน
- รักษาควบคุมโรคไขมันในเลือดสูง
- รักษาควบคุมโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
ง. การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต: ซึ่งจะช่วยลดโอกาสเกิดโรคหลอดเลือดแดงแข็ง/หลอดเลือดตีบ/หลอดเลือดอุดตันได้กับทุกหลอดเลือดทั่วร่างกายที่รวมถึงหลอดเลือดสมองและหลอดเลือดหัวใจ ซึ่งที่สำคัญ เช่น
- ปรับพฤติกรรมการบริโภคอาหาร เพื่อควบคุมน้ำหนักตัว น้ำตาล และไขมันในเลือด เช่น จำกัดอาหาร หวาน (แป้ง น้ำตาล คาร์โบไฮเดรต), ไขมัน, เค็ม, ปริมาณอาหารแต่ละมื้อที่มากเกินไป
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวัน ตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด
- งด/เลิกบุหรี่, สุรา, เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
สมองขาดเลือดรุนแรงไหม?มีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
สมองขาดเลือดเป็นโรครุนแรง มีการพยากรณ์โรคไม่ดี มักมีอาการทางระบบประสาทคงเหลืออยู่เสมอตลอดชีวิตผู้ป่วยหลังได้รับการรักษา ซึ่งการรักษานี้รวมถึงการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตและการทำกายภาพฟื้นฟูที่ต้องทำตลอดชีวิตเพื่อคงคุณภาพชีวิตของผู้ป่วย
อนึ่ง: ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการพยากรณ์โรค ได้แก่
- มีการขาดเลือดกับสมองส่วนใด และเป็นการขาดเลือดที่รุนแรงหรือไม่
- มาโรงพยาบาลเร็ว หรือช้า
- โรงพยาบาลนั้นๆมีศักยภาพอย่างไรในการรักษาอัมพาต/โรคหลอดเลือดสมอง
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อป่วยด้วยโรคสมองขาดเลือด ที่สำคัญ คือ
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด
- กินยา/ใช้ยาที่แพทย์สั่งให้ถูกต้อง ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- รักษาควบคุมโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้ได้อย่างดี
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตดังได้กล่าวใน’หัวข้อการรักษาฯ’
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- ควรพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆแย่ลง
- กลับมามีอาการเดิมก่อนการรักษา
- มีผลข้างเคียงอย่างต่อเนื่องจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น เลือดออกตามอวัยวะต่างๆ มีจ้ำห้อเลือดตามเนื้อตัว ปวดท้องมากต่อเนื่อง
- กังวลในอาการ
ป้องกันสมองขาดเลือดได้อย่างไร?
การป้องกันโรคสมองขาดเลือด คือ
- ป้องกัน/ควบคุม/รักษา ปัจจัยเสี่ยงให้ได้ดี ที่สำคัญ เช่น
- โรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
- โรคเบาหวาน
- โรคไขมันในเลือดสูง
- โรคความดันโลหิตสูง
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มสุรา/ เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ตรวจสุขภาพประจำปีกับแพทย์สม่ำเสมอทุกๆปี
*แนะนำอ่านเพิ่มเติมรายละเอียดโรคต่างๆที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงที่รวมถึงวิธีดูแลป้องกัน ได้จากเว็บ haamor.com