ลำไส้อักเสบ (Enterocolitis)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 31 มีนาคม 2562
- Tweet
- บทนำ
- ลำไส้อักเสบเกิดจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลำไส้อักเสบ?
- ลำไส้อักเสบมีอาการอย่างไร? เมื่อไรควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยลำไส้อักเสบได้อย่างไร?
- รักษาลำไส้อักเสบได้อย่างไร?
- ลำไส้อักเสบรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
- ป้องกันลำไส้อักเสบได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคทางเดินอาหาร โรคระบบทางเดินอาหาร (Digestive disease)
- กายวิภาคและสรีรวิทยาระบบทางเดินอาหาร (Anatomy and physiology of alimen tary system)
- ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Colitis)
- ลำไส้เล็กอักเสบ (Enteritis)
- โรคติดเชื้อทางเดินอาหาร (Gastrointestinal infection)
- กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis)
- พยาธิสตรองจิลอยด์ สตรองจิลอยดิอาซิส (Strongyloidiasis)
- เยื่อบุช่องท้องอักเสบ (Peritonitis)
- ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ (Sepsis) ภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia)
บทนำ
ลำไส้อักเสบ (Enterocolitis) คือ โรคที่เกิดจากเนื้อเยื่อที่บุภายในลำไส้ (เนื้อเยื่อบุผิว) เกิดมีการอักเสบ ซึ่งส่วนใหญ่มักเป็นการอักเสบจากติดเชื้อ แต่ส่วนน้อยเกิดจากการอักเสบโดยไม่มีการติดเชื้อ
ลำไส้อักเสบ เป็นคำรวมที่เรียก ‘การอักเสบที่เกิดขึ้นกับทั้งลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่’
- แต่ถ้ามีลำไส้เล็กอักเสบเพียงอวัยวะเดียว เรียกว่า ‘ลำไส้เล็กอักเสบ (Enteritis)’
- และถ้ามีลำไส้ใหญ่อักเสบเพียงอวัยวะเดียว เรียกว่า ‘ลำไส้ใหญ่อักเสบ (Colitis)’
ทั้งนี้ลำไส้อักเสบ อาจเกิดร่วมกับ มีการอักเสบของกระเพาะอาหาร (กระเพาะอาหารอักเสบ, Gastritis) และ/หรือของทวารหนัก(ทวารหนักอักเสบ, Proctitis) ร่วมด้วยหรือไม่ก็ได้
อนึ่ง:
- เมื่อลำไส้อักเสบเกิดทันที และสามารถรักษาได้หายภายในระยะเวลาเป็นสัปดาห์ เรียกว่า “ลำไส้อักเสบเฉียบพลัน”
- แต่ถ้าอาการลำไส้อักเสบมีเรื้อรังเป็นเดือน หรือเป็นๆหายๆตลอดเวลา เรียกว่า “ลำไส้อักเสบเรื้อรัง”
ลำไส้อักเสบที่เกิดจากการติดเชื้อ เป็นโรคพบบ่อยโดยเฉพาะในประเทศที่การสาธารณ สุขยังไม่ดีพอ พบในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยจัดรวมอยู่ในกลุ่ม”โรคติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร”
แต่ลำไส้อักเสบสาเหตุอื่นๆ ที่ไม่ได้เกิดจากติดเชื้อ เป็นโรคพบน้อย โดยพบได้ในทุกอายุเช่นกัน
ลำไส้อักเสบเกิดจากอะไร?
ลำไส้อักเสบมีสาเหตุแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ คือ จากการติดเชื้อโรค และจากสาเหตุอื่นๆที่ไม่ใช่การติดเชื้อโรค
ก. ลำไส้อักเสบสาเหตุจากการติดเชื้อโรค เกิดได้จากเชื้อโรคทุกชนิด ทั้งแบคทีเรีย (พบบ่อยที่สุด) ไวรัส ปรสิต และเชื้อรา
- แบคทีเรีย: เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคลำไส้อักเสบได้บ่อยที่สุด โดยแบคทีเรียที่ทำให้เกิดลำไส้อักเสบมีได้หลายชนิด ที่พบบ่อย คือ อีโคไล (E.coli) และ Staphylococcus โดยโรคลำไส้อักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียที่พบบ่อย เช่น โรคอาหารเป็นพิษ โรคบิด โรคไทฟอยด์ อหิวาตกโรค
- ไวรัส ที่ทำให้เกิดลำไส้อักเสบ เช่น ไวรัสโรตาที่ทำให้เกิดโรคท้องร่วงจากไวรัสโรตา อะดีโนไวรัส (Adenovirus) ที่ทำให้ท้องเสียที่เรียกว่า ไข้หวัดลงกระเพาะ (Stomach flu) หรือ ไวรัสซีเอมวี (CMV, Cytomegalovirus) ที่ทำให้เกิดลำไส้อักเสบในคนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง เป็นต้น
- ปรสิต เช่น อะมีบา (Amoeba) ในโรคบิดมีตัว พยาธิต่างๆ เช่น พยาธิตัวกลมที่เรียกว่า พยาธิสตรองจิลอยด์ สตรองจิลอยดิอาซิส (Strongyloidiasis)
- เชื้อรา มักพบเป็นสาเหตุให้เกิดลำไส้อักเสบในคนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคบกพร่อง เช่น โรคเอดส์
ข. ลำไส้อักเสบสาเหตุไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ เป็นโรคที่พบได้ประปราย เช่น
- ลำไส้ขาดเลือด (Ischemic colitis)จากมีโรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- หรือมีเนื้อเยื่ออักเสบในทุกอวัยวะ รวมทั้งลำไส้อักเสบจากโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง เป็นต้น
ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลำไส้อักเสบ?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดลำไส้อักเสบ ได้แก่
ก. ผู้มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดลำไส้อักเสบสาเหตุจากติดเชื้อโรค ได้แก่
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในถิ่นที่การสาธารณสุขยังไม่เจริญ
- นักท่องเที่ยว
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในที่แออัด เช่น โรงเรียน ค่ายทหาร ค่ายอพยพ
- ผู้ดูแลผู้ป่วยโรคระบบทางเดินอาหาร
ข. ผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลำไส้อักเสบสาเหตุไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ จะขึ้นกับแต่ละสาเหตุ เช่น มีประวัติโรคนี้ในครอบครัว (พันธุกรรม) เช่น ในโรคลำไส้ใหญ่อักเสบเป็นแผลเรื้อรัง, หรือ เด็กคลอดก่อนกำหนดเป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดลำไส้อักเสบที่เรียกว่า โรคNecrotizing enterocolitis เป็นต้น
ลำไส้อักเสบมีอาการอย่างไร? เมื่อไรควรพบแพทย์?
อาการที่พบได้บ่อยในโรคลำไส้อักเสบ คือ ท้องเสียหรือท้องร่วงร่วมกับปวดท้อง โดยการปวดจะมีลักษณะแบบปวดบีบ นอกจากนั้นที่อาจพบร่วมด้วยได้ เช่น
- ลักษณะอุจจาระอาจ เหลว เป็นน้ำ เป็นมูก หรือเป็นมูกเลือด มักมีกลิ่นเหม็นผิดปกติ โดยสีอาจปกติ หรือ ซีดกว่าเดิม
- มีไข้ พบได้ทั้งไข้สูง หรือไข้ต่ำ ขึ้นกับสาเหตุ
- รู้สึกหนาวสั่น
- คลื่นไส้ อาเจียน
- อ่อนเพลีย
- ถ้าท้องเสียมากโดยเฉพาะมีอาเจียนร่วมด้วย และ/หรือดื่มน้ำได้น้อย มักมีภาวะขาดน้ำ
อนึ่ง เมื่อมีอาการดังกล่าวที่รุนแรง หรือ อาการไม่ดีขึ้นหลังดูแลตนเอง หรือ อาการเลวลงใน 24 ชั่วโมง ควรต้องรีบไปโรงพยาบาล แต่ถ้ามี ไข้สูง ปวดท้องมาก และ/หรืออาการจากภาวะขาดน้ำ (เช่น ตาโหล ปากแห้ง วิงเวียน เป็นลม ใจสั่น) ต้องรีบไปโรงพยาบาลฉุกเฉิน
แพทย์วินิจฉัยลำไส้อักเสบได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยหาสาเหตุลำไส้อักเสบได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญคือ ประวัติอาการ ประวัติการเดินทาง ประวัติถิ่นที่อยู่อาศัย และการระบาดของโรค
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจอุจจาระ
- การตรวจเลือด เช่น
- ดูค่า ซีบีซี(CBC) เพื่อดูว่ามีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือไม่
- และดูค่าเกลือแร่/ Electrolyte (ดูภาวะขาดน้ำ)
- การตรวจเพาะเชื้อจากอุจจาระหรือจากเลือด
- และอาจมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติม ทั้งนี้ขึ้นกับ อาการผู้ป่วย, ความผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบ, และดุลพินิจของแพทย์ เช่น การเอกซเรย์ภาพช่องท้องกรณีปวดท้องมาก เป็นต้น
รักษาลำไส้อักเสบได้อย่างไร?
การรักษาลำไส้อักเสบ มีหลัก 2 ประการ คือ การรักษาประคับประตองตามอาการ และการรักษาสาเหตุ
1. การรักษาประคับประคองตามอาการ ที่สำคัญ คือ
- การป้องกันภาวะขาดน้ำด้วยการให้กินผงละลายเกลือแร่โออาร์เอส [ORS / Oral rehydration salt, แนะนำอ่านเพิ่มเติม วิธีกินโออาร์เอสในเด็กได้ในเว็บ haamor.com ในเกร็ดเรื่อง วิธีกินผงละลายเกลือแร่ (โออาร์เอส)ในเด็ก]
- หรือถ้าขาดน้ำมาก จะเป็นการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
- นอกจากนั้น คือ
- การกินอาหารอ่อน หรืออาหารน้ำ อาหารเหลว (แนะนำอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ประเภทอาหารทางการแพทย์)
- การใช้ยาแก้ปวดท้อง
- การให้ยาลดไข้
- และ/หรือ ยาแก้คลื่นไส้อาเจียน เป็นต้น
2. การรักษาสาเหตุ ซึ่งจะแตกต่างกันตามแต่สาเหตุ เช่น
- การให้ยาปฏิชีวนะกรณีการอักเสบเกิดจากติดเชื้อแบคทีเรีย
- การให้ยาต้านเชื้อราเมื่อการอักเสบเกิดจากเชื้อรา
- การรักษาควบคุมโรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเองเมื่อมีสาเหตุจากโรคนี้ เป็นต้น
ลำไส้อักเสบรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
ลำไส้อักเสบ โดยทั่วไปเป็นโรคไม่รุนแรง แพทย์มักรักษาควบคุมโรคได้ แต่กรณีที่พบแพทย์ล่าช้า หรือมีโรคประจำตัวอื่น สุขภาพไม่ดี โรคลำไส้อักเสบอาจรุนแรงลุกลามจนเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ และผลข้างเคียงรุนแรงที่อาจพบได้ ได้แก่
- การติดเชื้อในกระแสโลหิต (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ)
- หรือการติดเชื้อของ เยื่อบุช่องท้อง (เยื่อบุช่องท้องอักเสบ)
- หรือมี ลำไส้ทะลุ
- หรือเกิดภาวะลำไส้ขาดเลือดจนเน่าตาย (เนื้อตายเหตุขาดเลือด)
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีลำไส้อักเสบ ได้แก่
- กินอาหารอ่อน (แนะนำอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ประเภทอาหารทางการแพทย์)
- ดื่มน้ำให้ได้มากกว่าปกติ อย่างน้อยต้องชดเชยน้ำที่เสียไปจากการถ่ายอุจจาระและ/หรืออาเจียน
- ดื่มน้ำเกลือแร่ ORS เมื่อมีอาการท้องเสียต่อเนื่อง หรือท้องเสียมาก
- และระวังอย่าให้เกิดภาวะขาดอาหาร โดยกิน อาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบ กินครั้งละน้อยๆ แต่กินให้บ่อยขึ้น
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- รักษาความสะอาดอาหารและน้ำดื่ม
- รักษาความสะอาดเครื่องใช้ส่วนตัว ชาม ช้อน แก้วน้ำ การล้างมือก่อนกินอาหาร และหลังเข้าห้องน้ำ การอุจจาระในส้วม เพื่อป้องกันโรคแพร่กระจายสู่ผู้อื่น กรณีโรคเกิดจากการติดเชื้อ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการเลวลง หรือไม่ดีขึ้น เช่น ปวดท้องมากขึ้น อุจจาระเป็นเลือดมากขึ้น
- มีไข้
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่นทั้งตัว ท้องผูกมากต่อเนื่อง คลื่นไส้อาเจียนทุกครั้งหลังกินยา
- กังวลในอาการ
- ไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉินเมื่อ
- ไข้สูง
- ปวดท้องมาก
- อาเจียนมาก
- และมีอาการของภาวะขาดน้ำ
ป้องกันลำไส้อักเสบได้อย่างไร?
การป้องกันโรคลำไส้อักเสบที่สามารถป้องกันได้อย่างมีประสิทธิภาพคือ โรคลำไส้อัก เสบที่มีสาเหตุจากการติดเชื้อ ส่วนที่สาเหตุไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อมักเป็นโรคที่ไม่สามารถป้องกันได้
การป้องกันโรคลำไส้อักเสบสาเหตุจากติดเชื้อ ได้แก่
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เสมอ
- รักษาความสะอาดของอาหาร น้ำดื่ม โดยเฉพาะน้ำแข็ง ห้องครัว เครื่องใช้ในการปรุง อาหาร และในการกิน/ดื่ม
- กินอาหารปรุงสุกทั่วถึงเสมอ
- ล้างมือให้สะอาดบ่อยๆ และทุกครั้งก่อนกินอาหารและหลังเข้าห้องน้ำ
- ไม่ใช้ ช้อน ซ่อม แก้วน้ำ ร่วมกับผู้อื่น และใช้ช้อนกลางในการรับประทานอาหารทุก ครั้ง
- ใช้ส้วมเสมอในการขับถ่าย เพื่อลดโอกาสเกิดโรคระบาดติดต่อทางอุจจาระ
- ศึกษาสุขอนามัยของประเทศที่จะไปท่องเที่ยวก่อนเสมอ โดยเฉพาะในเรื่องน้ำดื่ม
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Colitis [2019,March9]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Enterocolitis [2019,March9]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Enteritis [2019,March9]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Necrotizing_enterocolitis [2019,March9]
- https://www.niddk.nih.gov/health-information/digestive-diseases/viral-gastroenteritis [2019,March9]