ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ (Intracranial hemorrhage)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 15 ธันวาคม 2562
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์
- แพทย์วินิจฉัยภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะได้อย่างไร?
- รักษาภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะได้อย่างไร?
- ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
- ป้องกันภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- อาการปวดศีรษะร้ายแรง:สัญญาณอันตรายของอาการปวดศีรษะ (Red Flag in Headache)
- ปวดหัว ปวดศีรษะ (Headache)
- คลื่นไส้ อาเจียน (Nausea and Vomiting)
- เบาหวาน (Diabetes mellitus)
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- รู้ทันเบาหวาน
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
- โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง (Cerebral aneurysm)
- โรคหลอดเลือดสมองเอวีเอ็ม โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ (Cerebral AVM: Cerebral arteriovenous malformation)
- ภาวะเลือดออกในเนื้อสมอง (Intracerebral hemorrhage)
- ภาวะเลือดออกในโพรงสมอง (Intraventricular hematoma)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ (Intracranial hemorrhage ย่อว่า ICH หรือ Intracranial bleed) คือ โรค/ภาวะที่มีเลือดออกภายในกะโหลกศีรษะ จากหลอดเลือดในกะโหลกศีรษะเกิดรอยแตก หรือรอยรั่ว ที่ส่วนใหญ่พบมีสาเหตุจากอุบัติเหตุรุนแรงที่ศีรษะ
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ แบ่งตามตำแหน่งที่เกิดเลือดออกได้เป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ คือ กลุ่มเลือดออกในตัวเนื้อสมอง (Intra-axial hemorrhage) และกลุ่มเลือดออกนอกตัวเนื้อสมอง (Extra-axial hemorrhage)
1. ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะที่เกิดในตัวเนื้อสมอง (Intra-axial hemorrhage) พบได้ 2 ลักษณะ (ตำแหน่ง) คือ
- เลือดออกในเนื้อสมอง/ ภาวะเลือดออกในเนื้อสมอง (Intracerebral hemorrhage) และ
- เลือดออกในโพรงสมอง/ ภาวะเลือดออกในโพรงสมอง (Intraventricular hemorrhage)
2. ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะที่เกิดนอกตัวเนื้อสมอง (Extra-axial hemorrhage) พบได้เป็น 3 ลักษณะ (ตำแหน่ง) คือ
- เลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก/ ภาวะเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก (Epidural hematoma)
- เลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมอง/ ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก (Subdural hematoma)
- และเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง/ ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง (Subarach noid hemorrhage)
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ เป็นภาวะพบบ่อย แต่ไม่มีรายงานสถิติในภาพรวมของทุกสาเหตุร่วมกัน เนื่องจากการศึกษาสถิติ มักแยกศึกษาเฉพาะในแต่ละสาเหตุ เช่น ในสหรัฐ อเมริกา ในแต่ละปี พบผู้ป่วยภาวะเลือดออกในเนื้อสมองได้ 12-15 รายต่อประชากร 100,000 คน เป็นต้น
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ พบในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ ผู้หญิงและผู้ชายมีโอกาสเกิดได้ใกล้เคียงกัน
อนึ่ง ในบทความนี้ จะกล่าวถึงเฉพาะภาพรวมของเลือดออกในกะโหลกศีรษะเท่านั้น ไม่แยกรายละเอียดของแต่ละภาวะเลือดออกฯ เพราะได้แยกเขียนรายละเอียดของแต่ละภาวะเลือดออกฯ เป็นแต่ละบทความ โดย นพ. สมศักดิ์ เทียมเก่า (เช่น ปัจจัยเสี่ยง อาการ การรักษา การพยากรณ์โรค การป้องกัน) แนะนำให้อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com ดังนี้
- ภาวะเลือดออกในเนื้อสมอง
- ภาวะเลือดออกในโพรงสมอง
- ภาวะเลือดออกเหนือเยื่อหุ้มสมองชั้นนอก
- ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นนอก
- ภาวะเลือดออกใต้เยื่อหุ้มสมองชั้นกลาง
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะเกิดได้จากหลากหลายสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง ซึ่งที่พบบ่อยที่สุด คือ จากการได้รับอุบัติเหตุที่ศีรษะ เช่น จากอุบัติเหตุรถยนต์ การตกจากที่สูง การล้ม (มักพบในผู้สูงอายุ) การทะเลาะวิวาท หรือจากการคลอด (ในเด็กแรกเกิด)
นอกจากนั้น สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงอื่นๆที่พบได้ คือ
- โรคหลอดเลือดสมอง (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง โรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดและชนิดเลือดออก)
- โรคความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้
- โรคจากการผิดปกติของหลอดเลือดสมอง เช่น โรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง, โรคหลอดเลือดสมองผิดปกติ เอวีเอ็ม
- โรคมะเร็งสมอง
- โรคหลอดเลือดแดงแข็ง
- โรคครรภ์เป็นพิษ (ในหญิงตั้งครรภ์)
- สมองอักเสบติดเชื้อรุนแรง
- กินยาละลายลิ่มเลือด หรือ ยาต้านเกล็ดเลือด
- โรคเลือดชนิดที่ทำให้มีเลือดออกได้ง่าย เช่น ภาวะเกล็ดเลือดต่ำ
- สูบบุหรี่จัด
- ดื่มสุราจัด
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีอาการอย่างไร?
อาการหลักของภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ จะเป็นอาการที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลันได้แก่
- ปวดศีรษะรุนแรง
- ชา และกล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรง
- อาการอ่อนแรง
- ตาพร่า
- กลืนลำบาก
- การพูดผิดปกติ เช่น พูดช้า พูดไม่ชัด พูดไม่ได้
- อาจมี คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง
- อาจมีอาการชัก
- ระดับการรู้สึกตัวผิดปกติ เช่น สับสน วิงเวียน กระสับกระส่าย ซึม หมดสติ และอาจเสียชี วิต (ตาย) ในที่สุด
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
เมื่อมีอาการดังกล่าวใน’หัวข้ออาการฯ’ ให้รีบไปโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
*****หมายเหตุ โทรศัพท์เรียกรถพยาบาลฉุกเฉิน เบอร์เดียวทั่วประเทศไทย คือ “โทรฯ 1669” สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ กระทรวงสาธารณสุข (สพฉ.) ฟรี ตลอด 24 ชั่วโมง
แพทย์วินิจฉัยภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการ ประวัติอุบัติเหตุ โรคประจำตัว การกินยาต่างๆ
- การตรวจร่างกายทั่วไป
- การตรวจร่างกายทางระบบประสาท
- การตรวจเพื่อการสืบค้นเพิ่มเติมด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์สมอง และอาจมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติมขึ้นกับสิ่งที่แพทย์ตรวจพบและดุลพินิจของแพทย์ เช่น การเจาะหลัง เป็นต้น
รักษาภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะได้อย่างไร?
แนวทางการรักษาภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ ในระยะแรกมักเป็นการรักษาในโรง พยาบาล ทั้งนี้วิธีรักษาจะขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น สาเหตุ ความรุนแรงของอาการ, ตำแหน่งที่เกิดเลือดออก, ปริมาณเลือดที่ออก, เลือดที่ออกหยุดได้เองหรือไม่
ในกรณีอาการน้อยมาก และรอยโรคไม่ชัดเจน แพทย์มักใช้การเฝ้าสังเกตอาการในโรงพยาบาลอย่างน้อย 24-48 ชั่วโมง
ถ้าอาการมาก หรือเลือดออกไม่หยุด หรือสาเหตุเกิดจากโรคหลอดเลือดสมองโป่งพอง หรือหลอดเลือดสมองผิดปกติเอวีเอ็ม แพทย์มักรักษาด้วยการผ่าตัดสมอง เพื่อปิดหลอดเลือด และเพื่อนำก้อนเลือดออก ไม่ให้กดเบียดทับเนื้อสมอง
นอกจากนั้น คือ การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น ยาแก้ปวดศีรษะ, ยากันชัก, ยาลดความดันโลหิต และการให้สารน้ำทางหลอดเลือดดำกรณีผู้ป่วยมีระดับการรู้สึกตัวได้ไม่ดี
ส่วนในระยาวหลังอาการผิดปกติต่างๆคงที่ และควบคุมได้แล้ว การรักษาคือ
- การทำกายภาพบำบัด กรณีมีกล้ามเนื้ออ่อนแรง
- การฝึกพูด กรณีมีปัญหาในการพูด
- ร่วมกับ
- การรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ และ
- การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต ซึ่งที่สำคัญ คือ
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มสุรา
- ออกกำลังกาย/เคลื่อนไหวร่างกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีผลข้างเคียงอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ ขึ้นกับความรุนแรงของอาการ
- ถ้าอาการไม่รุนแรง เลือดออกน้อย และออกในตำแหน่งที่ไม่สำคัญ อาจไม่พบมีผลข้างเคียง
- แต่ถ้าอาการรุนแรง หรือเลือดออกในส่วนสำคัญของสมอง ผลข้างเคียงคือ ความพิการตลอดไป เช่น แขนขาอ่อนแรง, อาการชัก, มีปัญหาในการพูด ในการขับถ่าย ในความจำ เป็นต้น
ภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ ขึ้นกับหลายปัจจัย ที่สำคัญ คือ
- สาเหตุ
- ความรุนแรงของอาการ
- ตำแหน่งที่เกิดเลือดออก
- ปริมาณเลือดที่ออก และ
- การพบแพทย์/มาโรงพยาบาลช้าหรือเร็ว
กรณี เลือดออกน้อย, อาการเริ่มแรกน้อยมาก, การพยากรณ์โรคมักดี และรักษาหายเป็นปกติได้
แต่กรณี พบแพทย์/มาโรงพยาบาลล่าช้า, อาการรุนแรงตั้งแต่แรก, หรือเลือดออกมาก, ผู้ป่วยมักมีความพิการหลงเหลืออยู่หลังการรักษาเสมอ และในกรณีที่เลือดออกรุนแรงมาก ผู้ป่วยอาจเสียชีวิตได้จากสมองขาดเลือดและ/หรือจากมีความดันในกะโหลกศีรษะสูง
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
การดูแลตนเองเมื่อมีภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ เมื่อแพทย์อนุญาตให้กลับบ้าน คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด แนะนำ
- กินยาต่างๆตามแพทย์แนะนำให้ถูกต้องครบถ้วน ไม่ขาดยา ไม่หยุดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์ก่อน
- ทำกายภาพบำบัด และออกกำลังกาย ตามควรกับสุขภาพทุกวันตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด
- กรณีเกิดอัมพาต ให้ดูแลเหมือนในผู้ป่วยอัมพาต (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บท ความเรื่อง อัมพาต)
- รักษา ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง และโรคประจำตัวต่างๆให้ได้ดี
- ระมัดระวังไม่ออกแรงเบ่ง เช่น เบ่งอุจจาระ (ท้องผูก), ยกของหนัก, ไอ จาม รุนแรง, เพราะอาจทำให้เกิดเลือดออกซ้ำอีก
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มสุรา
- พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- รีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง หรือมีอาการใหม่ที่ผิดปกติไปจากเดิม
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ขึ้นผื่น วิงเวียนศีรษะมาก คลื่นไส้มาก
- เมื่อกังวลในอาการ และ
- *ถ้ากลับมามีอาการเหมือนครั้งแรกที่เกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ต้องรีบไปโรงพยาบาลทันที่ เพราะอาจมีเลือดออกซ้ำได้
ป้องกันภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะอย่างไร?
การป้องกันภาวะเลือดออกในกะโหลกศีรษะ คือ การหลีกเลี่ยง/ป้องกันสาเหตุ (ที่หลีก เลี่ยง/ป้องกันได้) ดังได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’ ที่สำคัญ คือ
- ป้องกันอุบัติเหตุที่ศีรษะ เช่น การคาดเข็มขัดนิรภัยเมื่อใช้รถยนต์ การสวมหมวกนิรภัยเมื่อขับขี่จักรยานยนต์
- การป้องกัน รักษา ควบคุมโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยง เช่น โรคความดันโลหิตสูง โรค เบาหวาน โรคไขมันในเลือดสูง
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อป้องกันการติดเชื้อ
- ฝากครรภ์เสมอเมื่อตั้งครรภ์ เพื่อควบคุมภาวะครรภ์เป็นพิษ
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์/สุรา