ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด (Vascular dementia)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

ภาวะสมองเสื่อม เป็นภาวะผิดปกติทางสมองอย่างหนึ่ง ซึ่งมักพบในผู้สูงอายุ เนื่องจากเกิดการเสื่อมของเซลล์สมอง (Neurodegenerative) ซึ่งคนส่วนใหญ่จะเข้าใจว่าภาวะสมองเสื่อมก็คือโรคอัลไซเมอร์ (Alzheimer’s disease) แต่จริงๆแล้ว ภาวะสมองเสื่อมมีหลายสาเหตุ โดยสาเหตุหนึ่งที่พบบ่อยใกล้เคียงกับโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ก็คือ “ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด (Vascular dementia)” ภาวะนี้คืออะไร ใครมีโอกาสเกิดได้บ่อย มีอาการแตก ต่างกับโรคอัลไซเมอร์อย่างไร รักษาหายหรือไม่ ต้องติดตามบทความนี้ครับ เพื่อที่ท่านและคนที่เรารักจะได้ห่างไกลจากภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดคืออะไร?

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด คือภาวะสมองเสื่อมซึ่งมีสาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมองขาดเลือด (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง โรคหลอดเลือดสมองชนิดขาดเลือดและชนิดเลือดออก) โดยเฉพาะที่เกิดในตำแหน่งของสมองส่วนที่ทำหน้าที่เกี่ยว ข้องกับ ความจำ พฤติกรรม การเรียนรู้ และการตัดสินใจ ซึ่งส่งผลให้ผู้ป่วยมีภาวะสมองเสื่อมเกิดขึ้น โดยอาจพบเฉพาะภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดอย่างเดียว หรือพบร่วมกับโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์ก็ได้

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดเกิดจากอะไร?

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดนี้ เกิดจากสมองส่วนต่างๆ (ที่เกี่ยวข้องกับวงจรความจำ พฤติกรรม การเรียนรู้ การตัดสินใจ) เกิดการขาดเลือด เนื่องจากผู้ป่วยมีปัญหาของหลอดเลือดแดงแข็ง (Atherosclerosis) ที่รวมถึงหลอดเลือดแดงของสมองด้วย ทำให้หลอดเลือดสมองตีบง่ายขึ้น, หรือมีปัญหาการเต้นของหัวใจผิดปกติ ส่งผลให้ปริมาณการไหลเวียนของเลือดลดลง สมองจึงขาดเลือด นอกจากนี้อาจเกิดจากมีการเปลี่ยนแปลงของผนังหลอดเลือดและขนาดหลอดเลือดจากภาวะความดันโลหิตสูงที่ควบคุมไม่ได้

ด้วยกลไกทั้งหมดข้างต้น จะส่งผลให้สมองเกิดการขาดเลือดขึ้นเป็นจุดๆ ซึ่งเมื่อเกิดในตำแหน่งที่เกี่ยวข้องกับวงจรความจำ ก็จะทำให้เกิดภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดขึ้น

ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด?

ผู้มีโอกาส/ปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด ได้แก่

  • ผู้ที่มีโรคหัวใจ
  • โรคเบาหวาน
  • โรคความดันโลหิตสูง
  • โรคไขมันในเลือดสูง
  • โรคอ้วน
  • ไม่ออกกำลังกาย
  • ผู้สูงอายุ ตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไป
  • มีประวัติโรคอัมพาตในครอบครัว

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดมีอาการอย่างไร?

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดมีอาการผิดปกติ ทั้งแบบค่อยๆเป็น หรือแบบเฉียบ พลันก็ได้ โดยอาการที่พบได้มีดังนี้

  • ความจำลดลง โดยเฉพาะความจำในเรื่องที่เกิดใหม่ๆ แต่ความจำเรื่องราวในอดีตยังจำได้
  • พฤติกรรมเปลี่ยนไป เนื่องจากจำไม่ได้ว่าพูดหรือทำอะไรไปแล้ว
  • ไม่สามารถเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ
  • หงุดหงิดง่าย เนื่องจากจำไม่ได้ ทำกิจกรรมต่างๆได้ไม่เหมือนเดิม
  • ใช้คำพูดผิดไป พูดลำบาก คิดคำพูดลำบาก
  • นอนผิดเวลา กลางคืนไม่นอน นอนกลางวัน
  • สับสน
  • ประสาทหลอนทั้งภาพหลอนและ/หรือหูแว่ว
  • สมาธิไม่ดี
  • อาจมีความผิดปกติทางระบบประสาท เช่น แขนขาอ่อนแรง ปากเบี้ยว

เมื่อใดควรพบแพทย์?

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยสมองเสื่อมจะไม่ทราบว่าตนเองผิดปกติ แต่ญาติที่อยู่ด้วยจะสังเกตพบว่าผู้ป่วยผิดปกติ ดังนั้นถ้าผู้ป่วยหรือญาติสังเกตพบว่า ผู้ป่วยเริ่มมีอาการผิดปกติอย่างใดอย่างหนึ่งข้างต้น ก็ควรพาผู้ป่วยพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล

แพทย์วินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดอย่างไร?

แพทย์วินิจฉัยภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดได้จาก ประวัติอาการความผิดปกติที่ได้กล่าวข้างต้นในหัวข้ออาการ ร่วมกับการตรวจร่างกายทั่วไป การตรวจร่างกายทางระบบประ สาท และการตรวจสืบค้นด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ หรือเอมอาร์ไอภาพสมอง

นอกจากนี้ ยังต้องตรวจสืบค้นเพื่อหาโรคร่วมอื่นๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคต่อมไทรอยด์ทำงานผิดปกติ และภาวะขาดสารอาหารและ/หรือวิตามินเกลือแร่

รักษาภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดอย่างไร?

การรักษาภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด ประกอบด้วย 1. การใช้ยา และ 2. การไม่ใช้ยา

  • การใช้ยา ได้แก่
    • ใช้ยารักษาโรคหลอดเลือดสมอง
    • ยารักษาโรคร่วมหรือโรคประจำตัวของผู้ป่วย
    • ยาเพิ่มความจำ ที่ทำให้มีการเพิ่มสารสื่อประสาท ชนิดอะซิติลโคลีน (Acetylcholine) ในสมอง เป็นยากลุ่มเดียวกับที่ใช้รักษาโรคสมองเสื่อมอัลไซเมอร์
    • ยาควบคุมอารมณ์ พฤติกรรม การนอน
  • การไม่ใช้ยา โดยการแนะนำการปฏิบัติตน จากแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด ได้แก่
    • การฝึกสมอง เพิ่มสมรรถภาพสมอง
    • การปรับพฤติกรรม
    • การจัดกิจกรรมประจำวันที่เหมาะสม
    • การสร้างความเข้าใจของญาติและผู้เกี่ยวข้อง และดูแลผู้ป่วย

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?

การพยากรณ์โรค/ผลการรักษาของภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือด ขึ้นกับหลายปัจ จัย ที่สำคัญคือ ความรุนแรงของอาการ เช่น ในพฤติกรรมการพูด การเข้าใจ การสื่อสาร อาการทางระบบประสาท (เช่น การมีแขนขาอ่อนแรง) ซึ่งถ้ารุนแรง การควบคุมทั้งจากการใช้ยา และจากกายภาพบำบัดก็จะยุ่งยาก ได้ผลช้า ได้ผลไม่ดี

นอกจากนั้น ยังขึ้นกับตำแหน่งสมองและขนาดของเนื้อสมองที่เกิดการขาดเลือด ถ้าการขาดเลือดเกิดในตำแหน่งควบคุมความจำโดยตรง และ/หรือรอยโรคมีขนาดใหญ่ การพยากรณ์โรคก็ไม่ดี ซึ่งปัจจัยที่ส่งผลไม่ดีต่อการรักษา ยังขึ้นกับอายุ (ยิ่งสูงอายุ ผลการรักษายิ่งไม่ดี), การมีโรคประจำตัว/โรคร่วมต่างๆอื่นๆ (ผลการรักษาไม่ดี โดยเฉพาะถ้ายิ่งควบคุมโรคร่วมนั้นๆไม่ได้)

ภาวะแทรกซ้อนจากภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดมีอะไรบ้าง?

ภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดที่พบบ่อย ได้แก่ ภาวะสับสน, การเป็นโรคหลอดเลือดสมองเกิดซ้ำ, การติดเชื้อจากการสำลักอาหาร, การติดเชื้อระบบทางเดินปัสสาวะ, แผลกดทับ, ภาวะซึมเศร้า, และ/หรือ ผลแทรกซ้อนของยาที่ใช้รักษา โดยเฉพาะยาที่ใช้ควบคุมความผิดปกติทางพฤติกรรม (เช่น คลื่นไส้ อาเจียน ขึ้นผื่น)

ดูแลตนเองอย่างไร?

การดูแลที่บ้านประกอบ 2 ส่วน คือ ผู้ป่วยดูแลตนเอง และญาติดูแลผู้ป่วย

  • ในด้านผู้ป่วย ผู้ป่วยควรปรับตัวยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้น และให้ความร่วมมือในการรักษา กับแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัด รวมถึงครอบครัวและผู้ดูแล
  • ในด้านญาติ ญาติและครอบครัวเอง ก็ต้องปรับตัวยอมรับปัญหาที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วย (เป็นปัญหาระยะยาว อาจตลอดชีวิตผู้ป่วย) และต้องพยายามช่วยเหลือผู้ป่วยอย่างเหมาะสม และให้ความร่วมมือกับแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัดเช่นกัน

ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อใด?

ผู้ป่วยควรพบแพทย์ก่อนนัด ถ้ามีปัญหาแทรกซ้อน เช่น มีไข้ สับสนมากขึ้น ไม่ยอมนอน และ/หรือเมื่ออาการต่างๆเลวลง และ/หรือเมื่อกังวลในอาการ

ป้องกันภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดอย่างไร?

ภาวะสมองเสื่อมเหตุสมองขาดเลือดนี้ ถึงแม้จะพบบ่อยในผู้สูงอายุ แต่ก็โชคดีที่สามารถป้องกันได้ โดย

  • ป้องกัน รักษา ควบคุมโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยง (ดังที่กล่าวแล้วในหัวข้อ ปัจจัยเสี่ยง) เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง
  • การทานยาตามแพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดสมองเมื่อมีข้อบ่งชี้ กรณีเป็น เบาหวาน, หัวใจขาดเลือด/โรคหลอดเลือดหัวใจ เช่น ยาแอสไพริน
  • การออกกำลังกายตามควรกับสุขภาพสม่ำเสมอ ทุกวัน
  • การควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกิดโรคอ้วน หรือ น้ำหนักตัวเกิน
  • ไม่สูบบุหรี่
  • การฝึกสมอง ตามแพทย์ พยาบาล นักกายภาพบำบัดแนะนำ เป็นประจำและต่อเนื่อง และ
  • การสังเกตตนเองและคนใกล้ชิดว่า เริ่มมีอาการดังกล่าวในหัวข้ออาการหรือไม่ และรีบพบแพทย์ตั้งแต่แรก ก็ช่วยป้องกันหรือช่วยให้ได้รับการรักษาที่รวดเร็ว ก็ทำให้เราห่าง ไกลจากโรคนี้ได้