ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด (Uterine atony)
- โดย รองศาสตราจารย์ แพทย์หญิง ประนอม บุพศิริ
- 22 เมษายน 2566
- Tweet
สารบัญ
- ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดคือโรค/ภาวะอะไร? พบบ่อยไหม?
- ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีความสำคัญอย่างไร?
- อะไรเป็นสาเหตุเกิดภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด?
- อาการของภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีอย่างไรบ้าง?
- รักษาภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดอย่างไร?
- มีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดอย่างไร?
- ดูแลตนเองที่บ้านอย่างไรเมื่อมีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
- ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- สตรีที่เคยมีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้อีกไหม์
- ควรตั้งครรภ์ครั้งต่อไปเมื่อไหร่?
- ป้องกันภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- การคลอด การคลอดบุตร (Childbirth)
- ระยะหลังคลอด (Postpartum period)
- ตกเลือดหลังคลอด (Postpartum hemorrhage)
- เบาหวานกับการตั้งครรภ์ (Diabetes mellitus and pregnancy)
- ภาวะน้ำคร่ำมาก (Hydramnios)
- รกเกาะต่ำ ภาวะรกเกาะต่ำ (Placenta previa)
- เนื้องอกมดลูก (Myoma uteri)
- กลุ่มอาการชีแฮน (Sheehan Syndrome)
ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดคือภาวะ/โรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ทั่วไป เมื่อสตรีคลอดบุตรและรกคลอดเรียบร้อยแล้ว มดลูกจะต้องหดรัดตัวลงอย่างมากตามกลไกปกติของร่างกายเพื่อปิดเส้นเลือดที่ฉีกขาดในโพรงมดลูก, เพื่อช่วยลดการเสียเลือด, แต่หากมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด ซึ่งเรียกภาวะนี้ว่า “ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด(Uterine atony)” จะทำให้เลือดออกจากโพรงมดลูกมากจนทำอันตรายแก่ชีวิต โดยภาวะนี้เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้สตรีผู้มาคลอดตกเลือดหลังคลอดแบบเฉียบพลัน
มีรายงานจากสหรัฐอเมริกา พบภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดได้ประมาณ 1ใน40ของการคลอดทั่วไป ซึ่งภาวะนี้เป็นสาเหตุประมาณ 80% ของภาวะตกเลือดหลังคลอด
ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีความสำคัญอย่างไร?
หากมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดจะทำให้เลือดออกจากโพรงมดลูกมาก จนทำอันตรายแก่ชีวิต/ถึงตายได้ (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ตกเลือดหลังคลอด), ซึ่งองค์การอนามัยโลก(ค.ศ. 2023)ระบุว่า ภาวะตกเลือดหลังคลอด เป็นสาเหตุการตายของมารดาหลังคลอดที่สำคัญ 3 อันดับแรก โดยเป็นลำดับที่ 1, ส่วนลำดับที่ 2 คือ ภาวะติดเชื้อหลังคลอด, และลำดับที่ 3 คือ ภาวะความดันโลหิตสูงจากการตั้งครรภ์ (ครรภ์เป็นพิษ)
อะไรเป็นสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงเกิดภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด?
สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงของภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด เช่น
- กล้ามเนื้อมดลูกมีการขยายตัวมากเกินไป เช่น กรณีครรภ์แฝด หรือเคยมีการตั้งครรภ์หลายครั้ง
- มีสิ่งกีดขวางการหดรัดตัวของมดลูก เช่น มีเนื้องอกมดลูก หรือมีรกเกาะต่ำ
- มีการฉีกขาดของกล้ามเนื้อมดลูกจากการคลอด
- ได้รับยาต้านการหดรัดตัวของมดลูก เช่น ยากลุ่ม Tocolytic drug
- มีการติดเชื้อในโพรงมดลูก/เยื่อบุโพรงมดลูกอักเสบ
ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด?
สตรีผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด เช่น
- สตรีตั้งครรภ์ที่อายุมาก
- สตรีที่มีการตั้งครรภ์หลายครั้ง จึงทำให้กล้ามเนื้อมดลูกขยายตัวได้มากเมื่อตั้งครรภ์ จนส่งผลทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดีหลังคลอด
- สตรีตั้งครรภ์ที่มีการขยายตัวของมดลูกมากกว่าปกติ เช่น ทารกตัวโตมาก สตรีที่เป็นเบาหวานขณะตั้งครรภ์ การตั้งครรภ์แฝด ภาวะน้ำคร่ำมากกว่าปกติ มีเนื้องอกมดลูกร่วมด้วยขณะตั้งครรภ์
- สตรีที่ได้รับยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกนานเกินไป ทำให้กล้ามเนื้อมดลูกล้า จึงส่งผลให้การหดรัดตัวไม่ดี
- สตรีที่มีรกเกาะต่ำ เกาะบริเวณส่วนล่างของมดลูก จึงทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
- มีการติดเชื้อในถุงน้ำคร่ำ
- สตรีที่เคยมีประวัติตกเลือดหลังคลอดในครรภ์ก่อน
- สตรีที่มีการดำเนินการคลอดเร็วมากเกินไป(Precipitating labor) จึงทำให้กล้ามเนื้อมดลูกหดตัวตัวไม่ดี จึงสามารถทำให้เกิดการตกเลือดหลังคลอดได้
- สตรีที่เจ็บครรภ์คลอดก่อนกำหนดที่ได้รับยาต้านการหดรัดตัวของมดลูก
- สตรีที่มีภาวะความดันโลหิตสูงขณะตั้งครรภ์ที่ได้รับยาป้องกันชัก/ยาต้านชัก ได้แก่ MgSO4(Magnesium sulfate) จะมีผลทำให้มดลูกหดรัดตัวไม่ดี
อาการของภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีอย่างไรบ้าง?
อาการของภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด เช่น
- สตรีหลังคลอดจะมีอาการอ่อนเพลียอย่างมาก
- ซีด
- ชีพจรเต้นเร็ว, ความดันโลหิตต่ำ
- มีเลือดออกทางช่องคลอดจำนวนมากผิดปกติหลังคลอดบุตร
- หากคลำมดลูกทางหน้าท้อง จะพบว่า มดลูกอ่อนตัวนิ่ม ไม่หดรัดตัวเป็นก้อนแข็ง(เนื่องจากกลไกการหยุดเลือดที่ออกจากโพรงมดลูกจะเกิดจาก การหดรัดตัวของมดลูกเป็นหลัก)
ทั้งนี้ หากให้การช่วยเหลือหรือรักษาไม่ทันท่วงที ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด สามารถทำให้มารดาถึงตายได้
รักษาภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดอย่างไร?
โดยแนวทางการรักษามีลำดับขั้นตอน เช่น
- ให้น้ำเกลือเข้าเส้นเลือดดำอย่างรวดเร็ว มักต้องเปิดเส้นเลือดดำ 2 เส้นพร้อมกัน
- ให้เลือดและผลิตภัณฑ์ของเลือด เช่น พลาสมา
- ให้ออกซิเจนแก่สตรีหลังคลอด
- สวนคาสายสวนปัสสาวะ
- แพทย์ผู้ช่วย หรือ พยาบาลช่วยนวดคลึงมดลูกทางหน้าท้องตลอดเวลา เพื่อช่วยกระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัว
- ให้ยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูก ซึ่งมียาหลายขนาน เช่น ยา Oxytocin เป็นต้น
- พิจารณาให้ยาเหน็บทางทวาร เพื่อกระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกร่วมด้วย เช่นยา Misoprostol
- หากมดลูกยังหดรัดตัวไม่ดี มีเลือดไหลออกตลอดเวลา ต้องพิจารณาผ่าตัด โดยวิธีการผ่าตัด อาจเป็นการเย็บมัดมดลูกให้แน่น หรือผูกเส้นเลือดแดงที่มาเลี้ยงมดลูก แต่หากยังไม่ดีขึ้น/ยังมีเลือดออกจากมดลูกมาก แพทย์จะพิจารณาตัดมดลูกเพื่อรักษาชีวิตมารดา
มีภาวะแทรกซ้อนจากภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดอย่างไร?
ภาวะแทรกซ้อน (ผลข้างเคียง) จากภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดที่พบได้ เช่น
- มารดาเสียชีวิต หากการรักษาไม่ทันท่วงที ในปัจจุบันภาวะตกเลือดหลังคลอดเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญของสตรีตั้งครรภ์ทั่วโลก
- มารดาต้องถูกตัดมดลูก หรือได้รับการผ่าตัดผูกเส้นเลือดที่มาเลี้ยงมดลูก หากให้การรักษาด้วยยากระตุ้นให้มดลูกหดรัดตัวแล้วไม่ได้ผล
- ผลจากการเสียเลือดมาก ทำให้มารดาไม่มีน้ำนมสำหรับเลี้ยงทารกที่เรียกว่า กลุ่มอาการชีแฮน (Sheehan Syndrome) เพราะต่อมใต้สมองขาดเลือดไปเลี้ยงช่วงที่มีการเสียเลือดมาก ทำให้ไม่สามารถสร้างฮอร์โมนเกี่ยวกับการสร้างน้ำนมได้
- ทำให้มารดามีอาการจากภาวะซีด เช่น อ่อนเพลีย เหนื่อยง่าย ไม่สดชื่น
- เกิดภาวะแทรกซ้อนจากการได้รับเลือดจำนวนมาก เช่น ติดเชื้อ มีการแพ้ผลิตภัณฑ์ของเลือด (เช่น เกล็ดเลือด, อาการเช่น มีไข้ ขึ้นผื่นตามตัว) และอาจเกิดความไม่สมดุลของแร่ธาตุ/เกลือแร่ในร่างกาย เช่น ภาวะซีดจากขาดธาตุเหล็ก
ดูแลตนเองที่บ้านอย่างไรเมื่อมีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด?
การดูแลตนเองของมารดาหลังคลอดที่แพทย์อนุญาตให้กลับบ้านแล้ว ขึ้นกับความรุนแรงของการไม่หดรัดตัวของมดลูก และการได้รับการรักษาหลังคลอดที่ได้รับในโรงพยาบาล
ในกรณีที่มีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวขั้นไม่รุนแรงที่สามารถรักษาในโรงพยาบาลด้วยยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกแล้วได้ผลดี: การดูแลตนเองหลังคลอด(อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com เรื่อง ระยะหลังคลอด)ที่บ้าน จะเหมือนสตรีหลังคลอดทั่วไป คือ ดูแลแผลฝีเย็บ, สังเกต สี กลิ่น และปริมาณของน้ำคาวปลา, อาการปวดฝีเย็บ, ปวดมดลูก/ปวดท้องน้อย, หรือมีไข้, นอกจากนี้ อาจต้องรับประทานยาเสริมธาตุเหล็ก(เช่นยา Ferrous sulfate)มากกว่าปกติ ตามคำแนะนำของแพทย์หากมีภาวะซีดมากจากการเสียเลือด
ในกรณีที่มีภาวะมดลูกไม่หดตัวแบบรุนแรงจนต้องได้รับการผ่าตัดเย็บมดลูก ผูกเส้นเลือดฯ หรือตัดมดลูก: ต้องดูแลเหมือนสตรีที่ได้รับการผ่าตัดมดลูก และ/หรือการผ่าท้องคลอดบุตร เช่น ดูแลเรื่องแผลผ่าตัด, อาการไข้, ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัด, และต้องรับประทานยาเสริมธาตุเหล็กมากกว่าปกติหากมีภาวะซีดมากจากการเสียเลือด
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์ก่อนนัด?
สตรีที่มีภาวะมดลูกไม่หดตัวหลังคลอดเมื่อกลับจากโรงพยาบาลมาอยู่บ้าน หากมีอาการผิดปกติหลังคลอด หรือหลังผ่าตัด เช่น มีไข้, มีตกขาวมีกลิ่นเหม็น, น้ำคาวปลาผิดปกติ (เช่น มีกลิ่นเหม็น สีผิดปกติ ปริมาณมากผิดปกติ), มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด (เช่น เลือดออกมาก), มีอาการปวดท้องมากกว่าปกติ, ต้องรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล ไม่ต้องรอจนถึงวันนัด
ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
ในกรณีที่มีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดที่ไม่รุนแรง: การพยากรณ์โรคมักจะดี สามารถรักษาได้ด้วยยากระตุ้นการหดรัดตัวของมดลูกสำเร็จ
แต่ในกรณีที่มีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวรุนแรง: การพยากรณ์โรคมักไม่ดี มักลงเอยด้วยการผ่าตัด ซึ่งแพทย์จะรักษาโดยการเย็บผูกมดลูกให้แน่น (B-Lynch operation) หรือการผูกเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงมดลูก (Hypogastric artery ligation), และหากอาการเลือดออกรุนแรงมากขึ้น แพทย์จำเป็นต้องตัดมดลูกออก, และ*ในกรณีที่เสียเลือดมาก จะมีภาวะแทรกซ้อน(ผลข้างเคียง)จากการแข็งตัวของเลือดผิดปกติร่วมด้วย(เลือดไม่แข็งตัว จึงทำให้เลือดออกได้มาก) จะทำให้ผู้ป่วย/มารดามีการพยากรณ์โรคที่แย่ลง จนอาจถึงตายได้
สตรีที่เคยมีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดมีโอกาสเกิดภาวะนี้ได้อีกไหม?
ในกรณีที่ไม่ได้รับการตัดมดลูก สตรีที่เคยมีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด มีโอกาสเกิดภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดได้อีกในการคลอดครั้งต่อไป โดยเฉพาะเมื่อเกิดมีปัจจัยเสี่ยงดังกล่าวในบทความนี้ หัวข้อ “สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง” ดังนั้น เป็นหน้าที่ที่สตรีตั้งครรภ์ต้องบอกแพทย์ผู้ดูแลไว้เสมอว่า เคยได้เกิดเหตุการณ์ที่อันตรายต่างๆในการคลอดครั้งที่ผ่านมา ที่รวมถึงการเกิดภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด
ควรตั้งครรภ์ครั้งต่อไปเมื่อไหร่?
ภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด ทำให้เสียเลือดมาก สตรีในระยะหลังคลอดควรได้รับประทานธาตุเหล็กเสริมหลังคลอดตามแพทย์แนะนำอย่างเคร่งครัด, และควรเว้นระยะมีบุตรออกไป 2-3 ปีเพื่อให้สุขภาพสมบูรณ์แข็งแรงเต็มที่, และเพื่อมีเวลาเลี้ยงดูบุตรคนก่อนให้เต็มที่
อนึ่ง: ทั่วไปทารกที่เกิดจากมารดาที่มีภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอด จะปกติเช่นเดียวกับทารกคลอดจากมารดาปกติทั่วไป
ป้องกันภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดได้อย่างไร?
ทั่วไป ป้องกันภาวะมดลูกไม่หดรัดตัวหลังคลอดได้โดย
- ควรไปฝากครรภ์อย่างสม่ำเสมอ เพื่อได้รับคำแนะนำในการปฏิบัติที่ถูกต้องระหว่างตั้งครรภ์เกี่ยวกับการดูแลตนเอง และการรับประทานอาหาร
- ควรมีการเพิ่มของน้ำหนักตัวของมารดาระหว่างตั้งครรภ์ที่เหมาะสม เช่น
- สตรีตั้งครรภ์ที่ดัชนีมวลกาย (Body mass index ย่อว่า BMI) น้อยกว่าปกติ คือ (BMI </น้อยกว่า5): ควรมีการเพิ่มของน้ำหนักตัวมารดาตลอดการตั้งครรภ์ 12-18 กิโลกรัม หรือ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
- สตรีตั้งครรภ์ที BMI ปกติ คือ 5-24.9: ควรมีการเพิ่มของน้ำหนักตัวมารดาตลอดการตั้งครรภ์ 11-16 กิโลกรัม หรือ 0.5 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
- สตรีตั้งครรภ์ที่ BMI มากกว่าปกติโดยค่า BMI อยู่ในช่วง 25 -29.9: ควรมีการเพิ่มของน้ำหนักตัวมารดาตลอดการตั้งครรภ์ 7-11 กิโลกรัม หรือ 25 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
- สตรีตั้งครรภ์ที่ BMI อ้วน (>/มากกว่า 30): ควรมีการเพิ่มของน้ำหนักตัวมารดาตลอดการตั้งครรภ์ 5-9 กิโลกรัม หรือ 25 กิโลกรัมต่อสัปดาห์
- หากมีภาวะเบาหวานขณะตั้งครรภ์ ควรปฎิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด เพื่อป้องกันไม่ให้ทารกในครรภ์มีน้ำหนักตัวมากเกินไป
- การตั้งครรภ์ที่เป็นครรภ์ความเสี่ยงสูง เช่น ตั้งครรภ์แฝด ภาวะน้ำคร่ำมากผิดปกติ ภาวะเนื้องอกมดลูกร่วมกับการตั้งครรภ์ มารดาจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากสูติแพทย์
- ควรปรึกษาสูติแพทย์เพื่อการวางแผนก่อนตั้งครรภ์เสมอ เพื่อลดปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะฯนี้ซ้ำ และเพื่อประเมินว่าสมควรตั้งครรภ์ได้อีกหรือไม่
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Uterine_atony [2023,April22]
- https://www.who.int/news-room/fact-sheets/detail/maternal-mortality [2023,April22]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK493238/ [2023,April22]