ภาวะขาดวิตามินบี-1 หรือ โรคเหน็บชา (Vitamin B-1 deficiency หรือ Beriberi)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 4 กรกฎาคม 2562
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม? และแหล่งอาหาร
- วิตามินบี-1มีประโยชน์และโทษอย่างไร?
- ร่างกายต้องการวิตามินบี-1 วันละเท่าไร?
- ภาวะขาดวิตามินบึ-1มีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี-1?
- ภาวะขาดวิตามินบี-1 มีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดวิตามินบี-1 ได้อย่างไร?
- รักษาภาวะขาดวิตามินบี-1 อย่างไร?
- ภาวะขาดวิตามินบี-1 รุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันภาวะขาดวิตามินบี-1 อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- วิตามิน (Vitamin)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- โรคเส้นประสาท (Peripheral neuropathy)
- ไทอะมีน/ไทอะมิน/วิตามินบี 1 (Thiamine/Thiamin/Vitamin B1)
- อาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ (Healthy diet)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจวาย (Heart failure)
- วิตามินบีรวม (B-complex vitamins)
- วิตามิน บี 1-6-12 (Vitamin B 1- 6 - 12 ) หรือ นิวโรเบียน (Neurobion)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม? และแหล่งอาหาร
ภาวะขาดวิตามินบี-1 (Vitamin B 1 deficiency) หรือเรียกอีกชื่อว่า โรคเหน็บชา (Beriberi) เป็นภาวะหรือโรคที่เกิดจากร่างกายขาดวิตามิน บี-1 (ที่เรียกอีกชื่อว่าThiamine หรือ Thiamin)
ปัจจุบันในประเทศที่เจริญแล้ว หรือคนที่อาศัยในเมืองจะมีภาวะขาดวิตามินบี-1 น้อยมาก ทั้งนี้เพราะอาหารสุขภาพในยุคใหม่ เช่น นม หรืออาหารเช้าซีเรียล (Cereal) จะมีการ เสริมวิตามินบี-1 ในปริมาณที่มากพอ ดังนั้น ปัจจุบันจึงมักพบการขาดวิตามินบี-1ได้แต่ในประเทศที่กำลังพัฒนาและในบุคคลกลุ่มมีปัจจัยเสี่ยง ที่จะกล่าวถึงในบทความนี้ “หัวข้อ ใครมีปัจจัยเสี่ยงฯ”
ภาวะขาดวิตามินบี-1 พบในคนทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ โดยมีโอกาสเกิดได้ใกล้เคียงกันทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย
แหล่งอาหารวิตามินบี-1:
วิตามินบี-1 มีมากใน ธัญพืชที่ไม่ผ่านการขัดสี/ธัญพืชเต็มเมล็ด (Whole grain) หรือซีเรียล/อาหารเช้าที่เสริมวิตามินบี-1/วิตามินบีรวม เนื้อสัตว์ ปลา เป็ด ไก่ ไข่ นมและผลิตภัณฑ์นมโดยเฉพาะที่เสริมวิตามิน บี-1/วิตามินบีรวม ผักใบเขียวต่างๆโดยเฉพาะ หน่อไม้ฝรั่ง ถั่วกินฝัก ถั่วเหลือง ลูกนัท พืชกินหัว มันฝรั่ง มะเขือเทศ และส้ม
วิตามินบี-1 ถูกทำลายได้ง่าย ด้วย แอลกอฮอล์ สารบางชนิด(เช่น Tannin)ในชาและกาแฟ และจากความร้อนในการหุงต้มมากกว่าจากการปิ้งย่าง รวมทั้งการเก็บ แหล่งอาหารนี้ไว้ในตู้เย็นนานๆ และเนื่องจากเป็นวิตามินที่ละลายน้ำ จึงถูกกำจัดจากร่างกายได้ง่ายทางปัสสาวะ ดังนั้นจึงลดโอกาสเกิดการสะสมในร่างกายจนก่อโทษ
วิตามินบี-1มีประโยชน์และโทษอย่างไร?
วิตามินบี-1มีประโยชน์และโทษ ดังนี้
ก: ประโยชน์ของวิตามินบี 1:
วิตามินบี-1 เป็นวิตามินที่ความสำคัญมาก มีหน้าที่หรือประโยชน์เป็นส่วนประกอบของเอนไซม์ (Enzyme)สำคัญในการใช้พลังงานของร่างกายจาก ไขมัน โปรตีน และโดยเฉพาะคาร์โบไฮเดรตซึ่งเป็นแหล่งพลังงานสำคัญของกล้ามเนื้อหัวใจ และกล้ามเนื้อทั่วไป และเป็นส่วนสำคัญในการทำงานของเซลล์สมองและเซลล์ปลอกประสาท(Myelin sheath)ซึ่งมีหน้าที่รับส่งสัญญาณต่างๆระหว่างสมองกับเนื้อเยื่อ/อวัยวะต่างๆ
ดังนั้นเมื่อร่างกายขาดวิตามิน บี-1 จึงส่งผลถึงการทำงานของทุกอวัยวะ โดยเฉพาะของ หัวใจ สมอง ตับ ไต และกล้ามเนื้อ และเป็นสาเหตุให้เกิดหัวใจวายและตายได้
ข. โทษของวิตามินบี 1:
เนื่องจาก วิตามินบี1 เป็นวิตามินที่ละลายน้ำ ร่างกายจึงกำจัดส่วนเกินได้ง่ายออกทางปัสสาวะ ดังนั้นจนถึงปัจจุบัน จึงยังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงหรือโทษจากการกินวิตามินบี-1จากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร หรือจากอาหารเสริม ในปริมาณที่ระบุในเอกสารกำกับยา
ร่างกายต้องการวิตามินบี-1 วันละเท่าไร?
ร่างกายไม่สามารถสร้างวิตามินบี-1 ได้เอง ดังนั้นจึงต้องได้รับจากอาหาร/จากการบริโภคเท่านั้น
ตามคำแนะนำสำหรับคนทั่วไปต่อปริมาณวิตามินบี-1 ที่ควรบริโภคต่อวัน (DRI, Dietary reference intakes) ของสถาบันการแพทย์แห่งชาติ แห่งสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Nutrition Board, Institute of Medicine, National Academies)ในปีค.ศ. 2011 คือ
ภาวะขาดวิตามินบึ-1มีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงจากอะไร?
สาเหตุและปัจจัยเสี่ยงของการขาดวิตามินบี-1 ได้แก่
- ภาวะขาดอาหารที่มีวิตามินบี-1
- ภาวะที่ลำไส้ลดการดูซึมวิตามินบี-1 เช่น โรคลำไส้อักเสบ
- ร่างกายมีโรคหรือมีภาวะที่ทำให้สูญเสียวิตามินบี-1เพิ่มขึ้น
- ร่างกายมีโรคหรือภาวะที่ต้องการวิตามินบี-1 เพิ่มขึ้น
ก. ภาวะขาดอาหารที่มีวิตามินบี-1: เช่น
- กินอาหารที่มีเอนไซม์ย่อยสลายวิตามินบี-1มากเป็นประจำ เช่น ปลาน้ำจืด หรือหอย ดิบๆ
- หรือกินอาหารที่ขาดวิตามินบี-1 เช่น ธัญพืชที่ขัดสีโดยกินในปริมาณสูงต่อเนื่อง
- หรือกินอาหารหมักดองต่อเนื่อง
- หรือการได้รับอาหารมีประโยชน์ไม่เพียงพอ/ภาวะขาดอาหารจากปัญหาต่างๆ เช่น ปัญหาทางเศรษฐกิจ ในค่ายอพยพ ทารกที่ได้นมแม่จากแม่ที่ขาดสารอาหาร/วิตามินบี-1 คนที่ต้องทำงานในเรือติดต่อกันเป็นเวลาหลายๆเดือน หรือเป็นปี
- หรือในเด็ก และในผู้สูงอายุ ที่ขาดคนดูแล
ข. ลำไส้ลดการดูดซึมวิตามินบี-1: เช่น
- ดื่มเครื่องดื่มที่มีสารลดการดูดซึมวิตามินบี-1 เช่น กาเฟอีน( เช่น ชา กาแฟ เครื่องดื่มชูกำลัง), แอลกอฮอล์
- หรือการสูบบุหรี่/หรือสูบบุหรี่มือสอง (ไม่ได้สูบบุหรี่ แต่ได้รับควันบุหรี่เรื้อรัง)
- หรือในผู้ที่ผ่าตัดกระเพาะอาหารรักษาโรคอ้วน
ค. ร่างกายมีโรคหรือภาวะที่ทำให้สูญเสียวิตามินบี-1เพิ่มขึ้น: เช่น
- การสูญเสียวิตามินบี1ทางอุจจาระ เช่น ท้องเสียเรื้อรัง หรือลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- การสูญเสียทางปัสสาวะ(เพราะวิตามินบีละลายอยู่ในน้ำปัสสาวะ) เช่น
- จากใช้ยาขับน้ำ/ยาขับปัสสาวะ เช่น ในโรคหัวใจล้มเหลว, ในโรคความดันโลหิตสูง, หรือในภาวะมีอาการบวมน้ำ
- โรคไตเรื้อรังชนิดที่ทำให้มีปัสสาวะมาก
- การดื่มสารกาเฟอีนปริมาณสูง/วันต่อเนื่อง เพราะนอกจากลดการดูดซึมวิตามินบีแล้ว กาเฟอีนยังส่งผลเพิ่มการปัสสาวะ
- การสูญเสียทางอาเจียน เช่น การแพ้ท้องในการตั้งครรภ์ หรือ ในโรคความผิดปกติในการกินอาหาร (โรคบูลิเมีย Bulimia nervosa)
- จากการล้างไตทางหน้าท้อง หรือการฟอกเลือดล้างไตในภาวะไตวาย
- และจากการที่ร่างกายไม่สามารถเก็บสะสมวิตามินบี-1 ได้ตามปกติ เช่น ในโรคตับแข็ง เพราะตับเป็นแหล่งสะสมวิตามินบี-1 เมื่อเกิดโรคตับ ร่างกายจึงขาดวิตามินบี-1 ได้ง่าย
ง. ร่างกายมีโรคหรือภาวะที่ต้องการวิตามินบี-1 เพิ่มขึ้น: เช่น
- การตั้งครรภ์
- การให้นมบุตร
- คนที่กินอาหารคาร์โบไฮเดรตปริมาณสูงเป็นประจำ
- โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ /ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน
- โรคเบาหวาน
- การใช้แรงงาน หรือการออกกำลังกายหักโหม ที่ต้องใช้พลังงานมากกว่าปกติอย่างต่อเนื่อง
ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี-1?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี-1 คือ
- หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคไตเรื้อรัง โรคตับแข็ง โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง
- ผู้ที่ขาดอาหาร หรือมีภาวะทุโภชนาการ
- ผู้ป่วยล้างไต หรือฟอกไต (การล้างไต การบำบัดทดแทนไต)
- ผู้ซึ่งผ่าตัดกระเพาะอาหารเพื่อรักษาโรคอ้วน
- ผู้ใช้แรงงาน
ภาวะขาดวิตามินบี-1 มีอาการอย่างไร?
อาการจากการขาดวิตามินบี-1 ที่พบบ่อย ได้แก่
ก. อาการทั่วไป: เป็นอาการที่ไม่จำเพาะ พบได้ในเกือบทุกโรค รวมทั้งโรคจากภาวะขาดอาหารด้วยสาเหตุต่างๆ เช่น
- เหนื่อยง่าย
- อ่อนเพลีย
- เบื่ออาหาร
- คลื่นไส้
- ท้องผูก จากลำไส้เคลื่อนไหวได้น้อยจากขาดวิตามิน บี –1
- ปวดกล้ามเนื้อ มักเป็นกับกล้ามเนื้อน่อง
- กล้ามเนื้ออ่อนแรง จึงเดินลำบาก
- เป็นตะคริวง่าย
- และไม่มีสมาธิ
ข. อาการ ‘Wet beriberi (โรคเหน็บชาแบบเปียก): เป็นอาการขาดวิตามินบี-1 ที่มีผลต่อกล้ามเนื้อหัวใจ ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจล้มเหลว เป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้ อาการ เช่น
- เหนื่อยง่าย
- หายใจลำบาก
- ตื่นกลางคืนจากหายใจลำบาก
- บวม เท้า และขา
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- ความดันโลหิตต่ำ
- และอาการชา แขน ขา มือ เท้า
ค. อาการ ‘Dry beriberi (โรคเหน็บชาแบบแห้ง)’: เป็นอาการขาดวิตามินบี-1ที่มีผลต่อเซลล์สมอง และเซลล์ประสาทโดยเฉพาะในส่วนปลอกประสาท ส่งผลให้มีอาการ เช่น
- ชาทั่วตัว แต่มักเป็นมากที่ มือ และเท้า
- สับสน
- พูดช้า
- ไม่มีสมาธิ
- มีลูกตาเคลื่อนผิดปกติ/ตากระตุกแก่วง (Nystagmus)
- กล้ามเนื้อใบหน้าอ่อนแรงจึงกลั้นน้ำลายไม่ได้ มีน้ำลายไหล
- และอาเจียน
ง. อาการขาดวิตามินบี1ในเด็กอ่อน (Infantile beriberi): เป็นอาการพบในเด็กอายุต่ำกว่า 1ปี มักพบในช่วงอายุ 2-6เดือน โดยเด็กจะมีอาการ เช่น
- หายใจลำบาก
- อาการเขียวคล้ำ ร่วมกับมีภาวะหัวใจล้มเหลว
- อาจพบมีเสียงแหบ
- น้ำหนักตัวลด
- อาเจียนบ่อย
- ท้องเสีย
- ผิวหนังซีด
- เนื้อตัวบวม
- ชีพจรเต้นเร็ว
- และอาจมีอาการชัก
จ. อาการอื่นๆ: เช่น
- อาการทางระบบทางเดินอาหาร(Gastrointestinal beriberi): เช่น
- ปวดท้อง เรื้อรัง
- คลื่นไส้ อาเจียน เรื้อรัง
- อาจมีภาวะเลือดเป็นกรดจากมีสาร Lactate(สารที่เกิดจากการใช้พลังงานของเซลล์)ในเลือดสูงที่เรียกว่า Lactic acidosis ซึ่ง มีอาการเช่น อ่อนเพลีย และคลื่นไส้
แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดวิตามินบี-1 ได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยภาวะขาดวิตามินบี-1 ได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่ย ประวัติอาการ ประวัติการกินอาหาร การเป็นกลุ่มเสี่ยง ประวัติโรคประจำตัวทั้งในอดีตและในปัจจุบัน ประวัติการใช้ยาต่างๆ
- การตรวจร่างกาย
- การตรวจเลือดดูค่าวิตามินบี-1 และดูค่าสารต่างๆที่เกี่ยวข้องกับวิตามินบี-1
- และอาจตรวจค่าวิตามินบี-1 ในปัสสาวะถ้าสงสัยว่ามีการสูญเสียวิตามินนี้ทางปัสสาวะมากผิดปกติ
รักษาภาวะขาดวิตามินบี-1 อย่างไร?
แนวทางการรักษาภาวะขาดวิตามินบี-1 คือ
- การให้วิตามินบี-1 เสริมอาหาร ซึ่งอาจเป็น การกิน หรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ หรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ซึ่งขึ้นกับ ความรุนแรงของอาการและดุลพินิจของแพทย์
- ร่วมกับการกินอาหารที่มีวิตามินบี-1 สูง
นอกจากนั้น คือ
- การรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว ที่ผลสืบเนื่องจากขาดวิตามินบี 1(แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ‘หัวใจล้มเหลว’)
- และการรักษาประคับประคองตามอาการ อื่นๆ เช่น
- ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้ เป็นต้น
ภาวะขาดวิตามินบี-1 รุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงไหม?
การพยากรณ์โรค/ความรุนแรงของภาวะขาดวิตามินบี-1 คือ เป็นภาวะรุนแรงโดยเฉพาะเมื่อเกิดอาการชนิดเปียก (Wet beriberi) เพราะสามารถเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้จากภาวะหัวใจล้มเหลว แต่เมื่อได้รับการรักษาอย่างถูกต้องและทันทวงที ก็เป็นภาวะที่รักษาให้หายได้ แต่อาการต่างๆก็ย้อนกลับเป็นซ้ำได้อีกเมื่อยังคงมีสาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยง ดังได้กล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุ/ปัจจัยเสี่ยงฯ’
ในส่วนผลข้างเคียงจากภาวะขาดวิตามินบี-1 คือ
- ภาวะหัวใจล้มเหลว
- และอาการทางสมองซึ่งอาจทำให้คนคิดว่าผู้ป่วยเสียสติ/มีปัญหาทางจิตเวชได้
ดูแลตนเองอย่างไร?ควรพบแพทย์เมื่อไร?ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
การดูแลตนเองเมื่อมีอาการดังกล่าวแล้วในหัวข้อ “อาการฯ” คือการรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล
โดยหลังจากพบแพทย์ และได้รับการวินิจฉัยว่าขาดวิตามินบี 1แล้ว การดูแลตนเอง คือ
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- กินยา/ใช้ยาต่างๆตามแพทย์แนะนำ รวมทั้งวิตามินบี-1 เสริมอาหาร (แพทย์อาจให้ในรูปแบบของวิตามินบีรวม) อย่างถูกต้อง ครบถ้วน ไม่ขาดยา ไม่หยุดยาเอง
- กินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบในทุกมื้ออาหาร
- กินอาหารจืด งดอาหารเค็ม เพื่อลดโอกาสเกิดซ้ำของภาวะหัวใจล้มเหลว
- เลิก/ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์, เลิก/ไม่สูบบุหรี่, เพราะจะทำให้อาการโรค เลวลง
- กินธัญพืชเต็มเมล็ด เพราะจะมีวิตามินบี1สูงกว่าชนิดถูกขัดสี
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอเพื่อการฟื้นตัวของกล้ามเนื้อ
- พบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ
- รีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง
- มีอาการผิดปกติไปจากเดิม
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องเสีย หรือท้องผูก มาก หรือคลื่นไส้มาก
- เมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันภาวะขาดวิตามินบี-1 อย่างไร?
สามารถป้องกันภาวะขาดวิตามินบี-1 ได้ด้วยการกินอาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ให้ครบถ้วนทุกมื้อ หรืออย่างน้อยในทุกๆวัน และเมื่อเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการขาดวิตามินบี1 (ดังกล่าวในหัวข้อ “ปัจจัยเสี่ยงฯ”) ควรปรึกษาแพทย์ พยาบาล หรือเภสัชกร เพื่อกินวิตามินบีรวมเสริมอาหาร
นอกจากนั้น คือ
- เลิก/ไม่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ไม่ดื่มเครื่องดื่มมีสารกาเฟอีนมากเกินไปต่อเนื่อง เพราะนอกจากมีสารบางตัว ที่ลดการดูดซึมวิตามินบี กาเฟอีนยังมีผลให้ร่างกายขับน้ำเพิ่มขึ้น
- เลิก/ไม่สูบบุหรี่
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ โดยเฉพาะการติดเชื้อระบบทางเดินอาหาร
- ตรวจสุขภาพไต ในการการตรวจสุขภาพ ทุกปี เพื่อการป้องกันและการรักษาโรคไตแต่เนิ่นๆ
บรรณานุกรม
- Doung-ngern, P. et al. (2007). Berberi outbreak among commercial fishermen Thailand, 2005. Southeast Asian J Trop Med Public Health.38,130-135. (PubMed)
- https://en.wikipedia.org/wiki/Thiamine_deficiency[2019, June15]
- https://emedicine.medscape.com/article/116930-overview#showall[2019, June15]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK56068/table/summarytables.t2/?report=objectonly[2019, June15]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Thiamine[2019, June15]
- http://www.ndhealthfacts.org/wiki/Vitamin_B1[2019, June15]