ฝีสมอง ฝีในสมอง (Brain abscess)
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 20 พฤศจิกายน 2556
- Tweet
- บทนำ
- โรคฝีสมองคืออะไร?
- โรคฝีสมองเกิดได้อย่างไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดฝีสมอง?
- โรคฝีสมองมีอาการอะไรบ้าง?
- ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เมื่อใด?
- แพทย์ทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคฝีสมอง?
- โรคฝีสมองรักษาอย่างไร?
- ฝีสมองมีการพยากรณ์โรคอย่างไร? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นฝีสมอง? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
- ป้องกันฝีสมองได้อย่างไร?
- สรุป
บทนำ
ภาวะติดเชื้อในสมอง (Central nervous system infection) เป็นโรค/ภาวะที่มีอันตรายต่อสมองและชีวิตอย่างยิ่ง เช่น ภาวะเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เนื้อสมองอักเสบ และฝีในสมอง/ฝีสมอง (Brain abscess) ซึ่งโดยเฉพาะฝีในสมองที่จะก่อให้เกิดอันตรายต่อสมองและชีวิตอย่างยิ่ง เราจึงต้องทราบความผิดปกติของโรคนี้เป็นอย่างดี เพื่อที่จะได้รีบพบแพทย์เพื่อรับการรักษาได้ทันเวลา
โรคฝีสมองคืออะไร?
โรคฝีสมอง คือ โรค/ภาวะติดเชื้อ (จากเชื้อแบคทีเรีย หรือ เชื้อรา) ในเนื้อสมองที่ก่อ ให้เกิดอาการผิดปกติทางระบบประสาท เนื่องจากเชื้อก่อโรคนั้นจะทำให้เนื้อสมองกลายเป็นฝี (Abscess) ในเนื้อสมอง ทำให้มีอาการผิดปกติต่างๆเกิดขึ้น จนอาจเป็นสาเหตุให้เสียชีวิตได้
โรคฝีสมอง พบได้ไม่บ่อย ส่วนใหญ่แล้วพบบ่อยในวัยเด็กมากกว่าในผู้ใหญ่ เนื่องจากสา เหตุหลักเกิดจากโรคประจำตัวที่เป็นสาเหตุ คือ โรคหูน้ำหนวก โรคหัวใจพิการชนิดเขียวคล้ำแต่กำเนิด ส่วนในผู้ใหญ่ สาเหตุมักเกิดจากอุบัติเหตุที่ศีรษะ
โรคฝีสมองเกิดได้อย่างไร?
โรคฝีสมองเกิดขึ้นจาก
- การติดเชื้อของสมองจากอวัยวะข้างเคียงสมองที่กระจายเชื้อต่อไปยังสมอง เช่น หูน้ำ หนวก ฟันผุ แผลบริเวณใบหน้า ศีรษะ เป็นต้น
- การติดเชื้อในกระแสเลือด (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ) แล้วกระจายไปที่สมอง
- การติดเชื้อในสมองโดยตรง เช่น อุบัติเหตุต่อสมอง หรือผลข้างเคียง/ภาวะแทรกซ้อนจากการผ่าตัดสมอง
ใครมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดฝีสมอง?
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดฝีสมอง ได้แก่
- มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ
- มีภาวะติดเชื้อเรื้อรังของเนื้อเยื่อ/อวัยวะในส่วนของศีรษะ เช่น หูน้ำหนวก ไซนัสอักเสบ เหงือกเป็นหนอง มีแผลติดเชื้อเรื้อรังที่หนังศีรษะ
- เป็นโรคเยื่อหุ้มสมองอักเสบติดเชื้อ
- เป็นโรคหัวใจแต่กำเนิดชนิดก่ออาการเขียวคล้ำ
- มีการติดเชื้อในกระแสโลหิต (ภาวะพิษเหตุติดเชื้อ)
- มีอุบัติเหตุที่สมอง
โรคฝีสมองมีอาการอะไรบ้าง?
อาการผิดปกติที่พบบ่อยของฝีสมอง ได้แก่
- ปวดศีรษะรุนแรง
- มีไข้ มีได้ทั้ง ไข้สูง หรือไข้ต่ำ ขึ้นกับชนิดของเชื้อโรคที่เป็นสาเหตุ
- แขนขาอ่อนแรง
- ตาพร่า/ ตามัว
- อาเจียน
- ชัก
- อาการอื่นๆ เช่น วิงเวียนศีรษะ เซ ทั้งนี้ ขึ้นกับตำแหน่งของฝีฯว่าอยู่ที่ส่วนใดของสมอง
- อาการผิดปกติของโรคที่เกิดร่วมกับฝีฯหรือที่เป็นสาเหตุของฝีฯ เช่น หนองไหลจากหูเมื่อเป็นโรคหูน้ำหนวก เป็นต้น
ผู้ป่วยควรไปพบแพทย์เมื่อใด?
ผู้ป่วยควรรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล ถ้ามีอาการปวดศีรษะรุนแรง ร่วมกับมีไข้ และ /หรือเริ่มมีแขนขาอ่อนแรง
แพทย์ทราบได้อย่างไรว่าเป็นโรคฝีสมอง?
แพทย์วินิจฉัยโรคฝีสมองได้ โดยพิจารณาจากอาการผิดปกติที่กล่าวข้างต้นในหัวข้อ อาการ ประวัติทางการแพทย์ต่างๆ การตรวจร่างกาย และผลจากการส่งตรวจเอกซเรย์คอมพิว เตอร์ หรือเอมอาร์ไอสมอง พบรอยโรคที่เข้าได้กับฝีในสมอง
โรคฝีสมองรักษาอย่างไร?
ผู้ป่วยโรคฝีสมอง ต้องให้การรักษาโดยการนอนรักษาในโรงพยาบาลตลอดระยะเวลาการรักษา การรักษาเริ่มต้นด้วยการให้ยาต้านจุลชีพ เป็นระยะเวลาประมาณ 3 – 6 สัปดาห์ หรือจนกระทั้งฝีหายไปทั้งหมด ซึ่งถ้าโรคไม่ตอบสนองต่อยา ก็จะพิจารณาการผ่าตัดสมองเพื่อนำก้อนฝีออก
นอกจากนั้นคือ การรักษาควบคุมสาเหตุ เช่น ถ้ามีโรคหูน้ำหนวก หรือโรคหัวใจ ก็ต้องรัก ษาควบคุมโรคนั้นๆให้ดี เพื่อป้องกันไม่เกิดเป็นฝีสมองซ้ำอีก
ฝีสมองมีการพยากรณ์โรคอย่างไร? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของฝีสมอง ถ้าไม่ได้รับการรักษา หรือการรักษาล่าช้า ผู้ป่วยมักเสียชี วิต แต่ถ้าได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ ผลการรักษาส่วนใหญ่ได้ผลดี แต่อาจมีผลข้างเคียงทางระบบประสาทหลงเหลืออยู่หลังการรักษาได้ เช่น แขนขาอ่อนแรง หรือ อาการชัก
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นฝีสมอง? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
การดูแลตนเองที่บ้านเมื่อเป็นฝีสมอง ได้แก่
- ผู้ป่วยโรคฝีสมอง จำเป็นต้องรักษาควบคุมโรคประจำตัว/ปัจจัยเสี่ยง (ดังกล่าวในหัว ข้อปัจจัยเสี่ยง) ที่มีอยู่ให้ดี
- ถ้ามีอาการผิดปกติทางสมอง เช่น แขน ขาอ่อนแรง ควรทำกายภาพบำบัดตามแพทย์ นักกายภาพบำบัด พยาบาล แนะนำ สม่ำเสมอ ตลอดไป
- ถ้ามีอาการชัก ต้องทานยากันชักต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำ ไม่ขาดยา
- ต้องรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เสมอ เพื่อให้มีสุขภาพแข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคที่ดี ช่วยลดโอกาสการเกิดฝีสมองเป็นซ้ำ
- ควรพบแพทย์ตามนัดเสมอ และ
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อ มีอาการผิดไปจากเดิม หรือเมื่ออาการต่างๆเลวลง เช่น ผู้ป่วยมีอาการปวดศีรษะรุนแรงขึ้น แขนขากลับมาอ่อนแรงอีก หรืออ่อนแรงมากขึ้น หรือมีอาการชักบ่อยขึ้น ทั้งนี้รวมถึงเมื่อยังกังวลในอาการด้วย
ป้องกันฝีสมองได้อย่างไร?
การป้องกันการเกิดฝีในสมอง ได้แก่
- ป้องกันการเกิดอุบัติเหตุที่ศีรษะ
- รักษาควบคุมโรคประจำตัวที่เป็นปัจจัยเสี่ยง (ดังกล่าวในหัวข้อปัจจัยเสี่ยง) ให้ดี
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง มีภูมิคุ้ม กันต้านทานโรคที่ดี ลดโอกาสติดเชื้อต่างๆ
สรุป
โรคฝีสมองเป็นโรคที่อันตราย แต่โอกาสเกิดนั้นค่อนข้างยาก ถ้าเราดูแลตนเองให้แข็ง แรง หรือถ้ามีโรคประจำตัวที่เป็นภาวะติดเชื้อเรื้อรัง ก็ต้องรักษาควบคุมให้ดี เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงที่อาจลุกลามเป็นฝีในสมองได้