นอนไม่หลับ (Sleeplessness)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 21 กรกฎาคม 2564
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร ? พบบ่อยไหม?
- นอนไม่หลับมีกี่ประเภท?
- นอนไม่หลับเกิดได้อย่างไร?
- อะไรเป็นสาเหตุให้นอนไม่หลับ?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการนอนไม่หลับ?
- นอนไม่หลับมีอาการอะไรร่วมอีกได้บ้าง?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
- แพทย์วินิจฉัยสาเหตุนอนไม่หลับได้อย่างไร?
- รักษาอาการนอนไม่หลับได้อย่างไร?
- นอนไม่หลับมีผลข้างเคียงรุนแรงไหม?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อนอนไม่หลับ?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันนอนไม่หลับได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคสมอง โรคทางสมอง (Brain disease)
- ความเครียด ภาวะซึมเศร้า และโรคซึมเศร้า (Stress, Depression and Depressive disorder)
- โรควิตกกังวล (Anxiety Disorder)
- โรคซึมเศร้า (Major Depressive Disorder หรือ MDD)
- การออกกำลังกาย: แนวทางการออกกำลังกายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (Exercise concepts for healthy lifestyle)
- วัยใกล้หมดประจำเดือน (Perimenopause)
- ผู้สูงอายุ (Older person)
- วัยหมดประจำเดือน (Menopause)
- สุขลักษณะการนอน สุขอนามัยการนอน (Sleep hygiene)
- ง่วงกลางวันมากเกินปกติ (Excessive daytime sleepiness)
- เจทแลค อาการเมาเวลาเหตุการบิน (Jet Lag)
บทนำ: คือโรคอะไร ? พบบ่อยไหม?
นอนไม่หลับ (Sleeplessness) คือ อาการ หรือ ภาวะ การนอนที่ผิดปกติไปจากเดิม กล่าวคือ นอนหลับยาก, นอนหลับไม่สนิท, มักตื่นบ่อย, หรือเมื่อตื่นแล้ว มักนอนไม่หลับ, หรือ ตื่นก่อนเวลาที่เคยมาก, ซึ่งส่งผลให้เมื่อตื่นนอนจะไม่สดชื่น, ยังง่วงนอน, จึงมีผลต่อการทำงาน หรือ ก่ออาการง่วงกลางวัน จนอาจส่งผลกระทบต่ออารมณ์จิตใจไปจนถึงกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
นอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท ชื่อทางการแพทย์คือ อินซำเนีย(Insomnia) เป็นอาการ ไม่ใช่โรค (โรค-อาการ-ภาวะ) เป็นอาการพบบ่อย มีรายงานพบประมาณ 10%-50% ของประชากรในแต่ละปี อาการนอนไม่หลับพบทั้งในเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)และในผู้ใหญ่ แต่พบในผู้ใหญ่สูงกว่าในเด็กมาก โดยเฉพาะในผู้สูงอายุที่อายุตั้งแต่65ปีขึ้นไป, พบในเพศหญิงบ่อยกว่าเพศชายประมาณ40%
นอนไม่หลับมีกี่ประเภท?
นอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท แบ่งได้หลายประเภท/หลายกลุ่ม เช่น
ก. แบ่งตามระยะเวลาที่เกิดอาการนอนไม่หลับ: แบ่งเป็น 2กลุ่ม คือ
- เมื่ออาการนอนไม่หลับเกิดขึ้นในช่วงระยะสั้นๆ ไม่เกิน 1 สัปดาห์ เรียกว่า “การนอนไม่หลับชั่วคราว (Transient insomnia)” เช่น เกิดจากการเปลี่ยนสถานที่ หรือมีความเครียดชั่วครั้งชั่วคราว
- เมื่ออาการนอนไม่หลับเกิดต่อเนื่องนานเกิน1สัปดาห์ เรียกว่า “การนอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia)” ซึ่งบางท่าน ยังแบ่งกลุ่มนี้เป็น 2กลุ่มย่อยคือ
- นอนไม่หลับต่อเนื่องแต่ไม่เกิน3เดือน เรียกว่า “นอนไม่หลับเฉียบพลัน (Acute insomnia)”
- แต่ถ้านอนไม่หลับต่อเนื่องนานเกินกว่า 3 เดือนขึ้นไป เรียกเป็น “นอนไม่หลับเรื้อรัง (Chronic insomnia)”
ข. แบ่งตามสาเหตุ: แบ่งได้เป็น 2 กลุ่ม/ประเภท คือ นอนไม่หลับปฐมภูมิ (Primary insomnia), และนอนไม่หลับทุติยภูมิ (Secondary insomnia)
- นอนไม่หลับปฐมภูมิ: เป็นการนอนไม่หลับที่เกิดเอง ไม่ได้เกิดจากโรค หรือ จากผลข้างเคียงของยาบางชนิด(เช่น ยาในกลุ่ม Alpha blocker, ยาลดความดันโลหิตบางชนิด) โดยการนอนไม่หลับปฐมภูมินี้เป็นได้ทั้ง นอนไม่หลับแบบชั่วคราว, เฉียบพลัน, หรือ เรื้อรัง, ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ เช่น นอนไม่หลับจากเปลี่ยนสถานที่ หรือ เกิดจากความเครียด
- นอนไม่หลับทุติยภูมิ คือ การนอนไม่หลับที่เกิดจากโรค หรือจากภาวะที่เปลี่ยนแปลง หรือจากผลข้างเคียงของยา การนอนไม่หลับทุติยภูมิเป็นได้ทั้ง การนอนไม่หลับชั่วคราว, เฉียบพลัน, หรือ เรื้อรัง ขึ้นกับสาเหตุ ตัวอย่างสาเหตุการนอนไม่หลับทุติยภูมิ เช่น
- จากโรค: เช่น จากโรคปวดศีรษะไมเกรน, โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ, โรคเบาหวาน, โรคสมองต่างๆ(เช่น อัมพาต :โรคหลอดเลือดสมอง, โรคสมองเสื่อม, โรคอัลไซเมอร์)
- วัยก่อนหมดประจำเดือน, วัยหมดประจำเดือน
- จากบริโภคสารบางชนิด เช่น สารคาเฟอีน (เช่น ชา กาแฟ โคลา เครื่องดื่มชูกำลัง)
- การเลิกสุรา
- การเลิกบุหรี่
- มีการรบกวนในขณะนอนหลับ เช่น จาก เสียง กลิ่น ต่างๆ
- ผลข้างเคียงจากยารักษาโรคบางชนิด เช่น เช่น ยาในกลุ่มแอลฟาบล็อกเกอร์, ยาลดความดันโลหิตบางชนิด
นอนไม่หลับเกิดได้อย่างไร?
สมองส่วนที่ควบคุม ’การนอน’ เป็นวงจรร่วมกันระหว่าง สมองส่วนไฮโปธาลามัส, สมองใหญ่ส่วนนอก, และก้านสมอง, ดังนั้น การนอน จึงเป็นผลจากหลายๆปัจจัยที่ส่งผลกระทบถึงการทำงานของวงจรสมอง เช่น
- อารมณ์ จิตใจ
- มีตัวกระตุ้น อารมณ์ จิตใจ ร่างกาย ในแต่ละวัน
- การพักผ่อนของร่างกาย ทั้งในช่วง กลางคืน และ กลางวัน
- การเผาผลาญพลังงานของร่างกาย
- การใช้พลังงานจากน้ำตาลกลูโคลส (Glucose) ของร่างกาย
- และในปัจจุบัน ยังพบว่า ในร่างกายมีฮอร์โมนที่ควบคุมเกี่ยวกับการนอน ชื่อว่าเมลาโทนินซึ่งสร้างจากต่อมไพเนียลในสมอง ซึ่งต่อมนี้ทำงานสัมพันธ์กับการทำงานของสมองไฮโปธาลามัส
ดังนั้น นอนไม่หลับ /หลับยาก/หลับไม่สนิท จึงเป็นผลจากหลายๆสาเหตุ ที่ส่งผลกระทบถึงวงจรในสมองที่ควบคุมเกี่ยวกับการนอนหลับให้ผิดปกติไปจากเดิม จึงส่งผลให้เกิดการนอนไม่หลับขึ้น
อะไรเป็นสาเหตุให้นอนไม่หลับ?
สาเหตุนอนไม่หลับ /หลับยาก/หลับไม่สนิท ที่พบบ่อย ได้แก่
- ขาดสุขลักษณะการนอน (Sleep hygiene) เช่น นอนไม่เป็นเวลา, กินอาหารมื้อหนักก่อนนอน, ดื่มสารคาเฟอีนก่อนนอน
- มีปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ เช่น ความเครียด, ซึมเศร้า
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด เช่น ยาลดความดันโลหิตบางชนิด, ยาขับปัสสาวะ, ยาลดน้ำมูก/ยาแก้แพ้บางชนิด, ยาจิตเวชบางชนิด
- ช่วง เลิกสุรา, เลิกบุหรี่
- โรคเรื้อรังต่างๆที่ก่ออาการรบกวนการนอน เช่น โรคเบาหวาน, โรคของตอมไทรอยด์, โรคที่ต้องเข้าห้องน้ำบ่อยกลางคืน(เช่น โรคต่อมลูกหมากโต, โรคเบาหวาน) , อาการปวดเรื้อรัง เช่น ปวดข้อ หรือ ปวดจากโรคมะเร็ง, โรคสมองบางชนิด, โรคนอนหลับแล้วหยุดหายใจ, โรคกรดไหลย้อน
- การเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนของร่างกาย เช่น วัยใกล้หมดประจำเดือน, วัยหมดประจำเดือน, โรคต่อมไทรอยด์
- การใช้ชีวิตแบบนั่งๆนอนๆ ไม่มีกิจกรรมเคลื่อนไหวร่างกาย
- อายุ: ยิ่งอายุมากขึ้น จะพบนอนไม่หลับ/การนอนไม่หลับ/ อาการนอนไม่หลับ สูงขึ้น ทั้งจากภาวะทางอารมณ์ จิตใจ, การเสื่อมของเซลล์สมอง,และของต่อมไร้ท่อที่สร้างฮอร์โมนต่างๆที่เกี่ยวกับการนอนหลับ
ใครมีปัจจัยเสี่ยงต่อการนอนไม่หลับ?
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท คือ
- เพศหญิง: ทั้งนี้เพราะเพศหญิงมีการเปลี่ยนแปลงระดับฮอร์โมนเพศหญิงตลอดเวลา ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการนอนไม่หลับได้ เช่น ช่วงก่อนมีประจำเดือนที่เรียกว่า กลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน, การตั้งครรภ์, วัยใกล้หมดประจำเดือน, หรือ ในวัยหมดประจำเดือน
- อายุ: พบอาการนอนไม่หลับได้สูงขึ้นในผู้สูงอายุโดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 65ปีขึ้นไป เพราะเซลล์ต่างๆในร่างกายมีการเสื่อมถอย รวมทั้งเซลล์สมองที่ควบคุมเกี่ยวกับวงจรในการนอนหลับ
- มีปัญหาด้านอารมณ์ จิตใจ: เช่น ภาวะซึมเศร้า หรือ ความเครียด
- การเปลี่ยนสภาพการทำงาน หรือ สถานที่: เช่น ที่เคยทำงานกลางวัน เปลี่ยนมาทำกลางคืน หรือ การเดินทางที่เปลี่ยนสถานที่นอน เป็นต้น
- การเดินทางข้ามวันข้ามคืน จากประเทศหนึ่ง ไปอีกประเทศหนึ่ง ที่เรียกว่า เจทแลค
- ขาดสุขลักษณะการนอน
- มีปัญหาทางเศรษฐกิจ
นอนไม่หลับมีอาการอะไรร่วมอีกได้บ้าง?
อาการที่พบบ่อยร่วมกับการนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท หรือ อาการที่สัมพันธ์กับการนอนไม่หลับ คือ
- ใช้เวลานานมากกว่าจะนอนหลับ
- ตื่นบ่อย เมื่อตื่นแล้วหลับยาก
- ตื่นนอนเช้ากว่าปกติมาก
- ตื่นนอนไม่สดชื่น ยังง่วงอยู่มาก
- กลางวันอ่อนเพลีย
- ง่วงกลางวันเกินปกติ
- สับสน, วิตกกังวล, กังวลแต่เรื่องนอนไม่หลับ, ซึมเศร้า, ไม่มีสมาธิ, ทำงานผิดพลาดบ่อย
- เกิดอุบัติเหตุง่าย
- ปวดหัวตั้งแต่เช้า
- ท้องอืด, ท้องเฟ้อ, ปวดท้องเรื้อรัง
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์
เมื่อนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาล เมื่อ
- นอนไม่หลับต่อเนื่องนานมากกว่า 3-4 สัปดาห์
- นอนไม่หลับจนส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน การงาน และ/หรือ การเรียน
- การนอนไม่หลับจนส่งผลต่อสุขภาพกาย และ/หรือ ต่อสุขภาพจิต
- เมื่อกังวลในอาการ
แพทย์วินิจฉัยสาเหตุนอนไม่หลับได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยสาเหตุของ การนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท ได้จาก
- สอบถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญคือ ลักษณะการนอนไม่หลับ, อาการต่างๆที่ร่วมด้วย, ประวัติเจ็บป่วยทั้งในอดีตและปัจจุบัน, โรคประจำตัว การงาน อาชีพ, ประวัติการใช้ยาต่างๆ, การเดินทาง
- การตรวจร่างกาย
- และอาจมีการตรวจอื่นๆเพิ่มการสืบค้นเติมตามอาการของผู้ป่วยและดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ตรวจเลือด ดูค่าน้ำตาลในเลือด เมื่อสงสัยโรคเบาหวาน, ดูระดับฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์กรณีสงสัยโรคของต่อมไทรอยด์
- ตรวจภาพต่อมลูกหมากด้วย เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) หรือ เอมอาร์ไอ เมื่อสงสัยสาเหตุปัสสาวะบ่อยกลางคืนจากโรคต่อมลูกหมากโต เป็นต้น
*อนึ่ง ลักษณะทางคลินิกที่แพทย์มักวินิจฉัยว่า ‘นอนไม่หลับ’ที่เป็นภาวะผิดปกติที่จำเป็นต้องรักษา เมื่อ
- ผู้ป่วยนอนไม่หลับอย่างน้อย 3 คืนต่อสัปดาห์ เป็นเวลาต่อเนื่องนานอย่างน้อย3เดือน
- และร่วมกับ การนอนไม่หลับนี้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เช่น ปัญหาทางอารมณ์, ประสิทธิภาพในการเรียนหรือในการทำงาน
รักษาอาการนอนไม่หลับได้อย่างไร?
แนวทางรักษาอาการนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท คือ
- รักษาสาเหตุ
- ฝึกให้มีสุขลักษณะการนอน
- การบำบัดด้านจิตเวช
- และ *******ใช้ยานอนหลับ ซึ่งมีหลากหลายชนิดตาม สาเหตุ, อายุ, โรคประจำตัว, ซึ่งต้องเป็นไปตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น เพราะเป็นยาอันตรายที่อาจส่งผลให้ถึงตาย และ บางชนิดอาจมีผลเป็นยาเสพติดได้
ทั้งนี้ การจะเลือกใช้วิธีรักษาอย่างไร ขึ้นกับ สาเหตุ, ความรุนแรง, ประเภทอาการนอนไม่หลับของผู้ป่วย, และดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
นอนไม่หลับมีผลข้างเคียงรุนแรงไหม?
ความรุนแรงของอาการนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท ขึ้นกับสาเหตุ แต่โดยทั่วไปมักเกิดจากสาเหตุที่ไม่รุนแรงแต่มักส่งผลถึงคุณภาพชีวิต และก่อให้เกิดความกังวล
ผลข้างเคียงจากการนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท เช่น
- ส่งผลให้คุณภาพในการทำงาน และ/หรือ การเรียนลดลง
- เกิดอุบัติเหตุได้ง่ายจากง่วงกลางวัน
- เพิ่มความกังวล, ความเครียด (เป็นวงจรกลับไปกลับมา จากเหตุเป็นผล จากผลเป็นเหตุ)
- ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ จึงมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ ติดเชื้อโรคต่างๆได้ง่าย
- และบางการศึกษาพบว่า อาจเป็นสาเหตุให้เกิดโรคความดันโลหิตสูงได้
- ในส่วนที่อาจเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน ยังไม่พบการศึกษาที่ยืนยันได้ชัดเจน
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อนอนไม่หลับ?
การดูแลตนเองเมื่อนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท ได้แก่
- สร้างเสริมให้ตนเองมีสุขลักษณะการนอน
- ควบคุม ดูแล รักษาโรคที่เป็นสาเหตุให้ได้ดี
- ปรึกษาแพทย์ปรับเปลี่ยนยา เมื่อการนอนไม่หลับเกิดจากผลข้างเคียงของยา
- เลิก/ไม่ สูบบุหรี่ และ/หรือ ดื่มเครื่องสุรา/ดื่มแอลกอฮอล์
- พยายามไม่นอนหรือลดระยะเวลานอนในตอนกลางวัน
- รักษาสุขอนามัยพื้นฐาน (สุขบัญญัติแห่งชาติ) เพื่อสุขภาพกาย และสุขภาพจิตที่ดี ยอมรับชีวิต และรักษาสุขภาพจิต
- มีการออกกำลังกายสม่ำเสมอตามควรกับสุขภาพทุกวัน ไม่ออกกำลังกายหักโหม
- ถ้ามีการรักษากับแพทย์ ควรต้องพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลตามแพทย์นัด เสมอ
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
กรณีพบแพทย์แล้ว ควรพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัดเมื่อ
- ปรับพฤติกรรม และ/หรือกินยาแล้ว ยังคงนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท คือ อาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง และการนอนไม่หลับยังมีผลกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน
- มีผลข้างเคียงอย่างต่อเนื่องจากยาต่างๆที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น ท้องเสีย หรือท้องผูก มาก ง่วงนอนมาก ใจสั่น
- กังวลในอาการ
ป้องกันนอนไม่หลับได้อย่างไร?
การป้องกันการนอนไม่หลับ/หลับยาก/หลับไม่สนิท ได้แก่
- ฝึกให้มีสุขลักษณะการนอน
- ควบคุม ดูแล รักษาโรคที่เป็นสาเหตุให้ได้ดี
- ออกกำลังกายให้เหมาะสมกับสุขภาพ สม่ำเสมอทุกวัน
- ไม่สูบบุหรี่
- ไม่ดื่มสุรา/แอลกอฮอล์
- ยอมรับ และเข้าใจชีวิต รักษาสุขภาพจิต
บรรณานุกรม
- Braunwald, E., Fauci, A., Kasper, L., Hauser, S., Longo, D., and Jameson, J. (2001). Harrison’s principles of internal medicine (15th ed.). New York: McGraw-Hill.
- Harsora, P., and Kessmann, J. (2009). Nonpharmacologic management of chronic insomnia. Am Fam Physician. 79, 125-130.
- Ramakrishnan, K., and Scheid, D. (2007). Treatment options for insomnia. Am Fam Physician. 76, 517-526.
- Roth, T. (2007). Insomnia: definition, prevalence, etiology, and consequences. Journal of Clinical Sleep Medicine. 3, s7-s10.
- https://www.sleepassociation.org/sleep-disorders/insomnia/ [2021,July17]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Insomnia [2021,July17]
- http://sleepeducation.org/essentials-in-sleep/insomnia[2021,July17]
- https://emedicine.medscape.com/article/1187829-overview#showall [2021,July17]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC2924526/ [2021,July17]
- https://www.sleepfoundation.org/insomnia [2021,July17]