ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต (Hashimoto thyroiditis) หรือ โรคฮาสชิโมโต (Hashimoto’s disease)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 15 สิงหาคม 2562
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
- ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตเกิดได้อย่างไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต?
- เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
- แพทย์วินิจฉัยต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
- รักษาต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
- มีผลข้างเคียงจากต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
- ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร?
- ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
- บรรณานุกรม
- ไทรอยด์: โรคของต่อมไทรอยด์ (Thyroid: thyroid diseases)
- ต่อมไทรอยด์อักเสบ
- กายวิภาคและสรีรวิทยาต่อมไร้ท่อ
- โรคภูมิต้านตนเอง โรคออโตอิมมูน (Autoimmune disease)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจวาย (Heart failure)
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
- มะเร็งต่อมไทรอยด์ (Thyroid Cancer)
- มะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
- ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน (Hyperthyroidism)
บทนำ: คือโรคอะไร? พบบ่อยไหม?
ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต(Hashimoto thyroiditis ย่อว่า HT) คือ โรคต่อมไทรอยด์อักเสบชนิดเรื้อรัง ที่เกิดจากร่างกายมีภูมิคุ้มกันต้านทานโรค/ภูมิคุ้มกันฯที่ผิดปกติต่อต่อมไทรอยด์/โรคภูมิต้านตนเองหรือโรคออโตอิมูนชนิดหนึ่ง ส่งผลให้เซลล์ต่อมไทรอยด์เกิดการอักเสบเรื้อรังถาวร จนในที่สุดเซลล์ต่อมไทรอยด์ไม่สามารถทำงานปกติได้ ส่งผลสร้างไทรอยด์ฮอร์โมนได้น้อยลง ส่งผลบั้นปลายให้ร่างกายเกิด ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน/ภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ อย่างถาวร
ต่อมไทรอยด์ (Thyroid gland) เป็นอวัยวะหนึ่งของระบบต่อมไร้ท่อ ตั้งอยู่ด้านหน้าลำคอในส่วนหน้าต่อลูกกระเดือกหรือกระดูกอ่อนไทรอยด์ (Thyroid cartilage) ต่อมนี้มีรูปร่างคล้ายผีเสื้อ ประกอบด้วย 2 กลีบใหญ่คือ กลีบด้านซ้ายและกลีบด้านขวา ซึ่งทั้งสองกลีบเชื่อมต่อกันด้วยเนื้อเยื่อต่อมไทรอย์บางๆที่เรียกว่า ‘อิสธ์มัส (Isthmus)’ ต่อมไทรอยด์ปกติของผู้ใหญ่มีน้ำหนักประมาณ 18 -30 กรัม แต่ละกลีบของต่อมไทรอยด์ยาวประมาณ 5 เซนติเมตร (ซม.) ส่วนกว้างที่สุดประมาณ 2 - 3 ซม. และส่วนหนาสุดประมาณ 0.8 - 1.6 ซม. ซึ่งต่อมไทรอยด์ปกติไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า และไม่สามารถคลำพบได้
โรคฮาสชิโมโต พบบ่อยทั่วโลก ประมาณ 0.3-1.5รายต่อประชากร 1,000 คน พบทุกอายุ แต่พบสูงขึ้นในช่วงวัยกลางคน พบทุกเพศ แต่พบในผู้หญิงสูงกว่าในผู้ชายประมาณ 8 -15 เท่า
อนึ่ง:
- ฮาสชิโมโต ที่มาของชื่อโรค เป็นชื่อแพทย์ชาวญี่ปุ่นซึ่งเป็นศัลยแพทย์และแพทย์ทั่วไป นพ. Hakaru Hashimoto ที่รายงานโรคนี้เป็นคนแรกเมื่อปี ค.ศ. 1912 (พ.ศ. 2455)
- ชื่ออื่นของโรคนี้ ได้แก่
- โรคฮาสชิโมโต(Hashimoto’s disease)
- Chronic lymphocytic thyroiditis
- Chronic autoimmune thyroiditis
- Lymphadenoid goiter Hashimoto
- Hypothyroidism-Hashimoto
- Type II polyglandular autoimmune syndrome-Hashimoto(ย่อว่า PGA II-Hashimoto)
- Struma lymphomatosa
ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตเกิดได้อย่างไร?
ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต/โรคฮาสซิโมโต เกิดจากร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันฯที่ผิดปกติต่อเซลล์ต่อมไทรอยด์ ส่งผลให้เซลล์ต่อมไทรอยด์เกิดการอักเสบชนิดไม่ติดเชื้อ ทั้งนี้การอักเสบนี้จะค่อยๆอักเสบไปเรื่อยๆ เรื้อรัง เป็นเดือน หลายเดือน หรือเป็นปี จนในที่สุดเซลล์ต่อมไทรอยด์อักเสบเรื้อรังถาวร จนไม่สามารถสร้างไทรอยด์ฮอร์โมน (ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์)ให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายได้ จึงก่อให้ร่างกายเกิดภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน/ภาวะมีไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำอย่างถาวร ตลอดชีวิต
ดังนั้น โรคฮาสชิโมโต จึงจัดอยู่ในกลุ่ม ‘โรคออโตอิมมูน’ ที่ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุว่า ทำไมร่างกายจึงสร้างภูมิคุ้มกันฯที่ผิดปกติที่ต่อต้านตนเอง/อวัยวะต่างๆของร่างกายที่รวมถึงต่อต่อมไทรอยด์
อนึ่ง: โรคฮาสชิโมโต อาจเกิดร่วมกับโรคออโตอิมมูนชนิดอื่นๆได้ ถึงแม้จะพบได้น้อยมาก ซึ่งเรียกโรคในกลุ่มนี้ว่า ‘Type II Polyglandular autoimmune syndrome (PGA II)’ และเรียกโรคฮาสชิโมโตจากสาเหตุนี้ว่า ‘Type II polyglandular autoimmune syndrome-Hashimoto ย่อว่า PGA II-Hashimoto.
ใครมีปัจจัยเสี่ยงเกิดต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต?
ผู้มีปัจจัยเสี่ยงเกิดโรคฮาสชิโมโต ได้แก่
- หญิงวัยกลางคน เพราะพบโรคนี้ได้สูงในคนกลุ่มนี้
- พันธุกรรม: โดยพบโรคนี้ได้สูงขึ้นในคนที่เป็นโรคออโตอิมมูน หรือที่มีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคออโตอิมมูน
- ผู้ที่อาศัยอยู่ในถิ่นฐานที่มีปริมาณรังสี(Radiation)ในบรรยากาศ/ในสิ่งแวดล้อมสูง
ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตมีอาการอย่างไร?
อาการของโรคฮาสชิโมโต คือ
ก. ในระยะแรกของโรค: ผู้ป่วยจะไม่มีอาการ
ข. เมื่อมีการดำเนินโรค ซึ่งจะเป็นไปช้าๆ อาจเป็น เดือน หลายเดือน หรือเป็นปี จนเซลล์ต่อมไทรอยด์อักเสบ บาดเจ็บ เสียหาย มากขึ้น จนสร้างไทรอยด์ฮอร์โมนได้ลดลง ไม่เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย ผู้ป่วยจึงอาจมีอาการผิดปกติต่างๆ เช่น
- ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน: อาการพบบ่อย เช่น
- ไม่มีสมาธิ หลงลืมง่าย
- ท้องผูก
- ง่วงนอนทั้งวัน
- เชื่องช้า
- อ้วนฉุ/น้ำหนักตัวเพิ่ม
- เสียงแหบ
- ผิวแห้ง ผิวหยาบ
- ผมร่วง
- ทนอากาศเย็นไม่ได้
- เหนื่อยล้า
- อาจมีบวม รอบตา และที่มือ-เท้า
- ปวดกล้ามเนื้อ และปวดข้อ
- มีบุตรยาก
- โรคเส้นประสาท
- ในหญิงวัยมีประจำเดือน จะมีประจำเดือนไม่สม่ำเสมอ และแต่ละรอบเดือนมักมีเลือดประจำเดือนออกมาก
- อาจเจ็บที่ต่อมไทรอยด์ โดยเฉพาะขณะกลืน ที่รวมถึงกลืนน้ำลาย
- และกรณีไม่ได้รับการรักษา หรือรักษาไม่สม่ำเสมอ ผู้ป่วยอาจเกิด
- ภาวะหัวใจวาย จากกล้ามเนื้อหัวใจมีการบีบตัวผิดปกติ จนอาจเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
- อาจมีต่อมไทรอยด์โตจนมองเห็นหรือคลำพบและ/หรือมีก้อนเนื้อเกิดในต่อมไทรอยด์ ที่อาจส่งผลให้เกิดอาการ เช่น
- รู้สึกเสียภาพลักษณ์ในบางคน
- เมื่อต่อมไทรอยด์/ก้อนเนื้อโตมาก จนกดเบียด ทับ เนื้อเยื่อ/ อวัยวะข้างเคียง เช่น ลำคอ กล่องเสียง ท่อลม หลอดอาหาร ซึ่งงอาจส่งผลให้เกิดระคายเคืองต่ออวัยวะข้างเคียงเหล่านั้น จนอาจเกิดอาการ
- ไอเรื้อรัง จากก้อนก่อการระคายเคืองต่อท่อหลอดลม
- ท่อลมตีบ/หายใจลำบาก จากก้อนกดเบียดท่อลม
- สำลักเวลากลืน จากก้อนกดเบียดหลอดอาหาร
- กลืนลำบาก จากก้อนกดเบียดหลอดอาหาร
เมื่อไหร่ควรพบแพทย์?
เมื่อมีอาการดังกล่าวในหัวข้อ “อาการฯ” ควรรีบพบแพทย์/รีบไปโรงพยาบาลเสมอ
แพทย์วินิจฉัยต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตได้จาก
- การซักถามประวัติทางการแพทย์ของผู้ป่วย ที่สำคัญ เช่น ประวัติอาการผู้ป่วย เพศ ประวัติใช้ยาต่างๆ ประวัติตั้งครรภ์ ประวัติเจ็บป่วยในรอบ 1-3 เดือนที่ผ่านมา ประวัติโรคประจำตัว ประวัติโรคของคนในครอบครัว
- การตรวจร่างกาย ที่รวมถึงการตรวจคลำต่อมไทรอยด์
- การตรวจเลือดดูค่า ฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์(ไทรอยด์ฮอร์โมน)
- อาจมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติมตามอาการผู้ป่วย และดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- ตรวจเลือดดู สารภูมิต้านทาน หรือ สารก่อภูมิต้านทานที่แพทย์สงสัยว่าเกี่ยวข้องกับอาการผู้ป่วย
- อาจตรวจภาพต่อมไทรอยด์ด้วย
- เอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (ซีทีสแกน) และ/หรือ
- การตรวจทางเวชศาสตร์นิวเคลียร์ที่เรียกว่า Radioactive thyroid scan หรือ Thyroid scan
- และเพื่อแยกจากมะเร็งต่อมไทรอยด์
- อาจมีการตรวจเซลล์ต่อมไทรอยด์/จากก้อนเนื้อ/ต่อมไทรอยด์ที่โตด้วยเทคนิคที่เรียกว่า การตรวจทางเซลล์วิทยา
- อาจตัดชิ้นเนื้อจากก้อนเนื้อเพื่อการตรวจทางพยาธิวิทยา
รักษาต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
แนวทางการรักษาโรคต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต คือ
ก. ถ้าผู้ป่วยยังไม่มีอาการอาการ: การรักษา คือ
- การเฝ้าติดตามอาการ โดยแพทย์จะนัดผู้ป่วยเป็นระยะๆ อาจทุก 2-3 เดือน โดยแพทย์จะ
- ซักถามอาการต่างๆของผู้ป่วย
- ตรวจร่างกาย
- ตรวจคลำต่อมไทรอยด์
- ตรวจเลือดดูค่าฮอร์โมนจากต่อมไทรอยด์
- และอาจมีการตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติมตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น
- การตรวจเลือดดูค่าฮอร์โมนการทำงานของต่อมใต้สมองที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของต่อมไทรอยด์
ข. กรณีมีอาการจากภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน: การรักษาคือ
- การให้ยาไทรอยด์ฮอร์โมนชดเชย เป็นยากิน เช่นยา Levothyroxine
- การผ่าตัดก้อนเนื้อที่ต่อมไทรอยด์ กรณีก้อนเนื้อกดเบียดทับเนื้อเยื่อ/ อวัยวะข้างเคียง, และ/หรือก้อนเนื้อโตขึ้นหรือโตเร็ว
มีผลข้างเคียงจากต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
ผลข้างเคียงจากต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต เช่น
- กรณีไม่ได้รับการรักษา หรือได้รับการรักษาไม่สม่ำเสมอ: ผู้ป่วยจะมีอาการจากภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ดังได้กล่าวในหัวข้อ “อาการฯ “
- นอกจากนั้น คือ
- การเสียภาพลักษณ์ของบางคน กรณีมีต่อมไทรอยด์โต หรือมีก้อนในต่อมไทรอยด์
- เป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดมะเร็งต่อมไทรอยด์
ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
การพยากรณ์โรคของโรคฮาสชิโมโต คือ เป็นโรคเรื้อรังที่รักษาไม่หาย แต่แพทย์สามารถรักษาควบคุมอาการโรคให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้ตามปกติ แต่ต้องมาพบแพทย/มาโรงพยาบาลเพื่อรับยารักษาสม่ำเสมอตลอดชีวิตตามแพทย์นัด
อนึ่ง:
- การขาดยารักษา จะส่งผลให้กล้ามเนื้อหัวใจไม่สามารถบีบตัวได้ตามปกติ ส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจวาย จนอาจเป็นเหตุให้ผู้ป่วยเสียชีวิตได้
- ต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิด
- มะเร็งต่อมไทรอยด์ได้ ประมาณ 1-2 %ในกรณีเป็นผู้ป่วยที่ไม่มีการรักษาด้วยการผ่าตัดต่อมไทรอยด์/ไม่มีก้อนเนื้อเกิดในต่อมไทรอยด์
- แต่ถ้าโรคนี้ก่อให้เกิดก้อนเนื้อในต่อมไทรอยด์จนต้องรักษาด้วยการผ่าตัด จะพบร่วมกับมะเร็งต่อมไทรอยด์ได้ประมาณ 25-40%
- และยังมีรายงานพบมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่ต่อมไทรอยด์ในโรคฮาสชิโมนโตได้ แต่พบน้อยมาก ประมาณน้อยกว่า 1%ของโรคฮาสชิโมโตทั้งหมด
ดูแลตนเองอย่างไร?
การดูแลตนเองเมื่อป่วยด้วยต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต ที่สำคัญ ได้แก่
- ปฏิบัติตาม แพทย์ พยาบาล แนะนำ
- กินยา/ช้ยาต่างๆที่แพทย์สั่งให้ครบถ้วน ไม่หยุดยาเอง
- รักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง ทั้งสุขภาพกายและสุขภาพจิต เพราะโรคนี้ เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย ทั้งนี้โดยการรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดเสมอ
ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
เมื่อป่วยด้วยต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโต ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง เช่น บวมที่ รอบตา มือ เท้า
- มีอาการใหม่ที่ไม่เคยมีมาก่อน เช่น ไอเรื้อรัง หายใจลำบาก
- ก้อนในต่อมไทรอยด์โตขึ้น และ/หรือโตเร็ว
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิติประจำวัน เช่น ใจสั่นมาก, อารมณ์แปรปรวน
- เมื่อกังวลในอาการ
ป้องกันต่อมไทรอยด์อักเสบฮาสชิโมโตอย่างไร?
เนื่องจากโรคฮาสชิโมโต เป็นโรคที่ยังไม่ทราบสาเหตุ และเกี่ยวข้องกับพันธุกรรม จึงเป็นโรคที่ปัจจุบัน ยังไม่มีวิธีป้องกัน แต่การได้รับการรักษาโรคนี้จากแพทย์สม่ำเสมอตามแพทย์นัด สามารถทำให้ผู้ป่วยสามารถใช้ชีวิตประจำวันได้ตามปกติเช่นเดียวกับคนทั่วไป
บรรณานุกรม
- Slatosky,J. et al. Am Fam Physician, 2000;61(4): 1047-1052
- Sweeney, L., et al. Am Fam Physician,2014;90 (6):389-396
- https://academic.oup.com/jcem/article/98/2/474/2833048[2019,July27]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Hashimoto's_thyroiditis[2019,July27]
- https://emedicine.medscape.com/article/120937-overview#showall[2019,July27]
- https://diagnosticpathology.biomedcentral.com/articles/10.1186/1746-1596-8-116[2019,July27]
- https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC5617515/[2019,July27]