คำถามจาก วิกิยา

Home / FAQ ยา/ อินซูลิน (Insulin)

คำถามเกี่ยวกับยา

โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล

เรื่อง : อินซูลิน (Insulin)

ก. แบ่งตามระยะเวลาของการออกฤทธิ์ดังนี้

  1. ประเภทออกฤทธิ์เร็ว (Rapid acting Insulin หรือ Fast acting insulin): ใช้ระยะเวลาดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดประมาณ 15 นาที ระดับยาในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นสูงสุดใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง และฤทธิ์การรักษาอยู่ได้นาน 2 - 4 ชั่วโมง ตัวอย่างอินซูลินในกลุ่มนี้ได้แก่ Insulin glulisine, Insulin lispro, Insulin aspart
  2. ประเภทออกฤทธิ์ในช่วงปกติ (Regular insulin หรือ Short-acting Insulin): ใช้ระยะเวลาดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดประมาณ 30 นาที ระดับยาในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นสูงสุดใช้เวลาประมาณ 2 - 3 ชั่วโมง และฤทธิ์การรักษาอยู่ได้นาน 3 - 6 ชั่วโมง ตัวอย่างอินซูลินในกลุ่มนี้ได้แก่ Humulin R
  3. ประเภทออกฤทธิ์นานขึ้นในระดับกลาง (Intermediate - acting Insulin): ใช้ระยะเวลาดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดประมาณ 2 - 4 ชั่วโมง ระดับยาในกระแสเลือดเพิ่มขึ้นสูงสุดใช้เวลาประมาณ 4 - 12 ชั่วโมง และฤทธิ์ในการรักษาอยู่ได้นาน 12 - 18 ชั่วโมง ตัวอย่างอินซูลินในกลุ่มนี้ได้แก่ Humulin N
  4. ประเภทออกฤทธิ์นาน (Long - acting Insulin): ชนิดที่ใช้เวลาหลายชั่วโมงตั้งแต่ดูดซึมจนกระทั่งเริ่มออกฤทธิ์ ระยะเวลาของฤทธิ์ในการรักษาอยู่ได้นานมากกว่า 24 ชั่วโมงขึ้นไป ตัวอย่างอินซูลินในกลุ่มนี้ได้แก่ Insulin detemir และ Insulin glargine

ข. แบ่งตามรูปแบบการละลายของยาคือ

  1. ประเภทละลายน้ำได้: มักอยู่ในกลุ่มที่ออกฤทธิ์เร็ว มีลักษณะใส สามารถฉีดทางหลอดเลือดได้
  2. ประเภทไม่ละลายน้ำ: ถูกผลิตเป็นรูปยาฉีดชนิดแขวนตะกอน มักอยู่ในกลุ่มที่ออกฤทธิ์ระดับกลางขึ้นไป ใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
  • รักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 1 (Type 1 diabetes)
  • ใช้ร่วมรักษาโรคเบาหวานประเภทที่ 2 (Type 2 diabetes)
  • รักษาภาวะเลือดเป็นกรดจากคีโตนด้วยโรคเบาหวาน (Diabetic ketoacidosis)

หากลืมฉีดยาอินซูลินสามารถฉีดยาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการใช้ในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

อินซูลินสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ คือ เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ เกิดภาวะดื้อต่ออินซูลิน เกิดการสูญเสียเนื้อเยื่อไขมันใต้ผิวหนัง มีภาวะโพแทสเซียมในร่างกายต่ำ (อาการเช่น กล้ามเนื้อเป็นตะคริว หัวใจเต้นผิดปกติ) การมองเห็นภาพไม่ชัดเจน

  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
  • ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่แพ้ส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์ของยาอินซูลิน
  • ระวังการใช้กับสตรีตั้งครรภ์ หญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ
  • กรณีที่มีการเปลี่ยนชนิดหรือผลิตภัณฑ์ยาอินซูลินเป็นชนิดใหม่ ควรต้องเฝ้าติดตามประสิทธิ ผลในการรักษาของผู้ป่วยควบคู่กันไปอย่างใกล้ชิดเช่น จากการตรวจค่าน้ำตาลในเลือดบ่อยขึ้น
  • การใช้ยาอินซูลินร่วมกับยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroid), ยากลุ่ม Sympathomi metic drug, ไทรอยด์ฮอร์โมนเช่น ยา Levothyroxine ยาขับปัสสาวะ ยาต้านวัณโรค เช่น Isoniazid สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันควรปรับขนาดของยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
  • การใช้ยาอินซูลินร่วมกับยาต้านเบาหวานชนิดอื่น (เช่น ยา Metformin) ยาในกลุ่ม ACE inhibitors ยากลุ่ม MAOIs ยาต้านแบคทีเรีย/ยาฏิชีวนะกลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamide) จะส่งผลให้ลดน้ำตาลในกระแสเลือดมากยิ่งขึ้น แพทย์จะปรับขนาดของยาให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นกรณีไป
  • การใช้ยาอินซูลินร่วมกับยาต้านแบคทีเรีย เช่น Doxycycline สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำยิ่งขึ้น การใช้ยาร่วมกันควรต้องตรวจสอบระดับน้ำตาลในเลือดว่าปกติดีหรือไม่
  • การใช้ยาอินซูลินร่วมกับการดื่มแอลกอฮอล์ สามารถทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงหรือต่ำก็ได้ จึงห้ามใช้ร่วมกัน