คำถามเกี่ยวกับยา
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : ยาโรคซึมเศร้า
ยาโรคซึมเศร้า/ยาต้านเศร้า เป็นยาที่ช่วยปรับระดับสารสื่อประสาทในสมองของผู้ป่วยให้อยู่ในระดับปกติ จึงสามารถรักษาอาการซึมเศร้า รวมทั้งป้องกันการกลับเป็นซ้ำของอาการซึมเศร้าได้ มีทั้งในรูปของยาเม็ด ยาน้ำ และแผ่นแปะผิวหนัง แต่ยาเหล่านี้ต้องใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 8-12 สัปดาห์หลังใช้ยาถึงจะเห็นผลการรักษาที่ดีขึ้น และหลังจากผู้ป่วยมีอาการดีขึ้นแล้ว ยังคงต้องกินยาต่อเนื่องอีกเป็นเวลานานประมาณ 6 เดือนถึง 1 ปี เพื่อลดโอกาสกลับมามีอาการซ้ำ โดยแพทย์ผู้รักษาจะค่อยๆ ลดระดับยานี้ลงเรื่อยๆ จนกระทั่งหยุดใช้ยานี้ในที่สุด เพราะการหยุดใช้ยานี้ในทันทีจะทำให้เกิดอาการถอนยา เช่น กระสับกระส่าย, หงุดหงิด, นอนไม่หลับ เป็นต้น
ก. ยาที่ออกฤทธิ์จำเพาะต่อสารสื่อประสาทซีโรโทนิน (Selective serotonin reuptake inhibitors = SSRIs)
ข. ยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งสารสื่อประสาทซีโรโทนินและนอร์เอพิเนฟริน (Serotonin-norepinephrine reuptake inhibitors = SNRIs)
ค. ยาที่ออกฤทธิ์ยับยั้งสารสื่อประสาทนอร์เอพิเนฟรินและโดปามีน (Norepinephrine and Dopamine Reuptake Inhibitors = NDRIs)
ง. ยากลุ่ม Tricyclic Antidepressants (TCAs)
จ. ยายับยั้งเอนไซม์โมโนเอมีนออกซิเดส (Monoamine oxidase inhibitors = MAOIs)
ฉ. ยากลุ่มใหม่ที่ไม่สามารถจัดรวมกับกลุ่มอื่นได้ (Atypical antidepressants)
อนึ่ง การเลือกใช้ยาต่างๆ แพทย์จะพิจารณาจากหลายปัจจัย เช่น อายุผู้ป่วย ความรุนแรงของโรค ผลข้างเคียงของยา ลักษณะชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เป็นต้น
- ระวังการใช้ยาโรคซึมเศร้าร่วมกับยากลุ่มที่กระตุ้นฤทธิ์สารสื่อประสาทซีโรโทนิน (Serotonergic drugs) เพราะอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดกลุ่มอาการซีโรโทนิน (Serotonon syndrome = SS) ได้
- ยากลุ่ม SSRIs มีคุณสมบัติเป็นตัวยับยั้งการทำงานของเอนไซม์บางตัว จึงมีผลเพิ่มระดับยาอื่นๆ ในเลือด เนื่องจากยาอื่นจะถูกเปลี่ยนแปลงด้วยเอนไซม์และขับออกจากร่างกายได้น้อยลง ทำให้มีระดับยาในร่างกายมากเกินไป จนอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ที่สูงขึ้นจากการใช้ยาเหล่านี้ได้
- ไม่ควรใช้ยากลุ่ม TCAs ในผู้ป่วยโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด เพราะอาจทำให้อาการของโรคแย่ลง เนื่องจากยากลุ่มนี้มีอาการไม่พึงประสงค์คือ ทำให้ความดันโลหิตต่ำและหัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ระวังการใช้ยากลุ่ม MAOIs รวมกับอาหารที่มีสารไทรามีน (อาหารที่มีกรดอะมิโนกลุ่ม Tyrosine ซึ่งร่างกายนำไปใช้ในการสร้างสารโปรตีน) สูง เช่น ไวน์ เบียร์ ชีส กล้วย อะโวคาโด อาหารหมักดอง และอาหารที่มียีสต์เป็นส่วนประกอบ เพราะอาจทำให้เกิดภาวะความดันโลหิตสูงขั้นวิกฤตได้
- ยากลุ่ม SSRIs ทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้ เบื่ออาหาร ท้องผูกหรือท้องเสีย กระสับกระส่าย หงุดหงิด นอนไม่หลับหรือง่วงนอน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ น้ำหนักตัวลด/เพิ่ม
- ยากลุ่ม SNRIs ทำให้เกิดอาการ คลื่นไส้ มึนงง นอนไม่หลับ หรือง่วงนอน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ปากแห้ง เหงื่อออกมาก ท้องผูก ความดันโลหิตและอัตราการเต้นของหัวใจเพิ่มสูงขึ้น
- ยากลุ่ม TCAs ทำให้เกิดอาการ ท้องผูก ปัสสาวะลำบาก/ปัสสาวะขัด ปากแห้ง ความดันในลูกตาเพิ่มสูงขึ้น ทำให้หัวใจเต้นผิดจังหวะ ความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่าทาง/ความดันโลหิตต่ำเมื่อลุกยืน ง่วงนอน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ
- ยากลุ่ม MAOIs ทำให้ความดันโลหิตต่ำขณะเปลี่ยนท่าทาง ง่วงนอน เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ น้ำหนักตัวเพิ่ม นอนไม่หลับ
ทั้งนี้ ต้องใช้ยาเหล่านี้อย่างระมัดระวัง เพราะยาเหล่านี้ก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงของการฆ่าตัวตายด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะการใช้ยาในเด็กและวัยรุ่น