คำถามเกี่ยวกับโรค
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : เริม
เกิดจากการติดเชื้อไวรัสชื่อ เฮอร์ปี ซิมเพล็กไวรัส (Herpes simplex virus / HSV) พบได้ในทุกอายุ แต่พบได้บ่อยกว่าในวัยหนุ่มสาวและในวัยผู้ใหญ่ โอกาสเกิดโรคใกล้เคียงกันทั้งผู้หญิงและผู้ชาย
ไวรัส เอชเอสวี มี 2 ชนิด คือ ชนิด 1 (HSV-1) ที่เป็นสาเหตุติดเชื้อในช่องปากและริมฝีปาก หรือเรียกได้อีกชื่อว่า Cold sore เป็นโรคพบบ่อยประมาณ 40-80% ของประชากรทั่วโลก โดยเฉพาะในคนที่มีสุขอนามัยพื้นฐานไม่ดี และชนิด 2 (HSV-2) ซึ่งเป็นสาเหตุติดเชื้อในอวัยวะเพศภายนอกและในช่องคลอด เป็นโรคพบบ่อยเช่นกัน แต่พบน้อยกว่าการติดเชื้อ HSV-1 มาก โดยพบได้ประมาณ 16% ของประชากรทั่วโลก
โรคเริมติดต่อได้โดยการสัมผัสโดยตรงกับตุ่มแผลที่เป็นโรค จากน้ำ จากตุ่มพอง จากน้ำลาย จากสารคัดหลั่ง จากของใช้ร่วมกัน การจูบ การกิน จากมือติดโรคป้ายตาจึงเกิดโรคที่ตา และเมื่อเกิดกับอวัยวะเพศ จะก่อให้เกิดการติดเชื้อทางเพศสัมพันธ์/โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ (บ่อยครั้งคนที่เกิดโรคมีอาการน้อยมาก จึงไม่รู้ว่าเป็นโรค) และติดต่อจากแม่สู่ลูกได้ขณะคลอด ถ้าขณะคลอดมารดาติดเชื้อนี้ที่อวัยวะเพศ
เมื่อติดเชื้อเริมมักไม่มีอาการอะไร แต่เชื้อจะอยู่ในตัวตลอดชีวิตในปมประสาท รอจนเมื่อร่างกายอ่อนแอลงจึงแสดงอาการ
- เกิดตุ่มพองเล็กๆ เจ็บ ต่อมาเกิดเป็นตุ่มน้ำอย่างรวดเร็วภายใน 1-2 วัน ในตุ่มมีน้ำใสๆ ตุ่มมักเกิดเป็นกลุ่มๆ ลักษณะตุ่มคล้ายของโรคงูสวัดและตุ่มโรคอีสุกอีใส แต่เกิดในตำแหน่งและมีการแพร่กระจายของตุ่มผิดกัน อาการเป็นอยู่ประมาณ 1-2 สัปดาห์และหายเองได้
- ก่อนหน้าเกิดตุ่มพอง อาจอ่อนเพลียแต่ไม่มีอาการอื่น จึงมักไม่รู้ตัวว่าติดโรค
- บางคนอาจมีอาการคล้ายไข้หวัดนำก่อน 1-3 วัน เช่น ไข้สูง หรือ ไข้ต่ำ อ่อนเพลีย ปวดเมื่อยเนื้อตัว
- เมื่อเกิดในช่องปาก อาจกินอาหารแล้วเจ็บทำให้กินได้น้อย ผอมลง
โรคเริมเป็นแล้วเป็นอีกได้เรื่อยๆ บางครั้งอาจเกิดถึงปีละ 3 ครั้ง แต่จะค่อยๆ ห่างไปเมื่อสูงอายุขึ้น ทั้งนี้ โรคเริมหายได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ แต่เมื่อรักษาด้วยยาต้านไวรัสมักช่วยให้โรคหายเร็วขึ้น อย่างไรก็ตามหลังหายแล้ว มักไม่เกิดเป็นแผลเป็น
- ปัจจัยเสี่ยงเกิดเริมชนิด HSV-1 (Cold sore) ได้แก่ ใช้ของใช้ส่วนตัวร่วมกัน เช่น ช้อน ส้อม แก้วน้ำ จาน ชาม ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว เครื่องสำอาง การจูบด้วยปาก
- ปัจจัยเสี่ยงเกิดเริมชนิด HSV2 (เริมเกิดที่อวัยวะเพศ) ได้แก่ การมีคู่นอนหลายคน มีเพศสัมพันธ์ตั้งแต่อายุยังน้อย มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ ติดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ชนิดอื่น
- เมื่อรักษาความสะอาดไม่ดี ตุ่มพองอาจเป็นหนองจากติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำ
- เมื่อติดเชื้อในตาจะส่งผลถึงการมองเห็นได้
- บางครั้งในคนที่มีภูมิคุ้มกันต้านทานโรคต่ำ โรคอาจลุกลามรุนแรงเป็นการติดเชื้อของเยื่อหุ้มสมอง และของสมอง