คำถามเกี่ยวกับโรค
โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
เรื่อง : หูอื้อ
อาการหูอื้อหรือมีเสียงในหู (Tinnitus) หมายถึง การได้ยินลดลง หรือรู้สึกเหมือนมีอะไรอุดหูอยู่ หรือรู้สึกมีเสียงอยู่ในหูตลอดเวลา ซึ่งอาจเป็นเสียงแหลมวี๊ด ๆคล้ายมีแมลงบินในหู หรือเสียงหึ่งๆ หรือเสียงตุบๆ คล้ายชีพจรเต้น หรือแม้แต้เสียงการกลืนอาหาร หรือเสียงลมหายใจ บางคนอาจรู้สึกแน่นหูร่วมด้วย อาการอาจเป็นๆ หายๆ เรื้อรังหรือเป็นอยู่ชั่วคราว อาการอาจเกิดกับหูเพียงข้างเดียวหรือมีอาการกับหูทั้งสองข้าง ทั้งนี้ขึ้นกับสาเหตุ โดยหูอื้อบางชนิดก็ไม่มีอันตราย บางชนิดก็มีอันตราย
สาเหตุของหูอื้อมีได้หลายสาเหตุที่พบบ่อย เช่น หูติดเชื้อ แก้วหูทะลุ น้ำเข้าหู โรคหวัด โรคไซนัสอักเสบ การได้ยินเสียงดังเป็นประจำ การได้ยินเสียงดังมากทันที เช่น เสียงระเบิด โรคของต่อมไทรอยด์ โรคหลอดเลือด โรคเนื้องอกสมอง หรือโรคเนื้องอกของประสาทหู และโรคมะเร็งโพรงหลังจมูก
1. หูอื้อแบบมีเสียงแหลมวี๊ดๆ คล้ายมีแมลงในหู หรือเสียงหึ่งๆ ประเภทนี้มักเกิดจากมีความผิดปกติของหูชั้นในหรือของเส้นประสาทหู มักเกิดร่วมกับอาการประสาทหูเสื่อมและการได้ยินลดลง อาจเป็นข้างเดียวหรือสองข้างก็ได้ อาการหูอื้อมักเกิดร่วมกับอาการนอนไม่หลับ ซึ่งบ่อยครั้งผู้ป่วยมักเข้าใจว่าเสียงดังในหูทำให้นอนไม่หลับ เครียด หรือภาวะซึมเศร้า และภาวะทั้งหมดมีส่วนเสริมซึ่งกันและกัน ทำให้อาการยิ่งเป็นมากขึ้น
2. หูอื้อแบบรู้สึกตุบๆ กลุ่มนี้เกิดจากมีเนื้องอกในช่องหู (Glomus tumor) ซึ่งแพทย์ผู้ตรวจอาจสามารถได้ยินเสียงอื้อนั้นด้วย
3. หูอื้อแบบได้ยินเสียงภายในร่างกายชัดกว่าปกติ เช่น เสียงพูดของตัวเอง หรือเสียงลมหายใจ มักเกิดจากมีความผิดปกติของหูชั้นนอกหรือหูชั้นกลาง บางครั้งเกิดจากโรคภูมิแพ้ ทำให้ท่อระบายอากาศของหู (Eustachian tube) บวมและถ่ายเทอากาศไม่ได้ ผู้ป่วยอาจสังเกตได้ว่า อาการมักเป็นๆ หายๆ หรือเวลาขึ้นเครื่องบินหรือดำน้ำจะมีอาการปวดหูและมีหูอื้อ อย่างไรก็ตามถึงแม้จะพบได้น้อย แต่อาจเกิดจากโรคมะเร็งโพรงหลังจมูกได้ โดยเฉพาะถ้ามีประวัติครอบครัวเป็นโรคนี้ หรือร่วมกับมีต่อมน้ำเหลืองที่ลำคอ โต คลำได้ ซึ่งถ้าเป็นหูอื้อจากมะเร็งมักเป็นหูอื้อเพียงข้างเดียว ข้างที่มีก้อนมะเร็งโตจนอุดกั้นท่อระบายอากาศของหู โดยโรคมะเร็งชนิดนี้พบได้ค่อนข้างบ่อยในบ้านเราในคนอายุ 35 ปีขึ้นไป โดยเฉพาะผู้ที่มีเชื้อสายจีน ดังนั้นถ้ามีอาการหูอื้อข้างเดียว จึงควรรีบพบแพทย์ หู คอ จมูก
ควรใช้ความสังเกตว่า เป็นหูอื้อแบบไหน เป็นเวลาเป็นโรคหวัด โรคภูมิแพ้ หรือไม่ หรือมีอาการได้ยินลดลง ซึ่งกรณีมีการได้ยินลดลงนี้ควรรีบพบแพทย์ด้านหู คอ จมูก เพราะอาจมีอาการประสาทหูเสื่อมได้ นอกจากนี้ควรงด/เลิกบุหรี่/หลีกเลี่ยงควันบุหรี่ เพราะมีรายงานว่าอาจทำให้อาการหูอื้อเลวลงได้ งด/เลิกเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เพราะจะทำให้หลอดเลือดขยายตัว ส่งผลให้ได้ยินการไหลเวียนของเลือดในหูดังขึ้น/หูอื้อมากขึ้น ควรยอมรับ เข้าใจในอาการ และปรับตัว ลดความกังวล ลดความเครียด
การป้องกันหูอื้อ ทำได้โดยการงด/หลีกเลี่ยงฟังเสียงดังๆ หรือถ้าต้องอยู่ในสิ่งแวดล้อมที่มีเสียงดัง ต้องมีที่อุดหูป้องกัน หรือถ้าเป็นหวัด หรือภูมิแพ้ ต้องทำการรักษาและงดการดำน้ำในช่วงนั้น นอกจากนั้น คือ การดูแลรักษาควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ