ไขสันหลังอักเสบ (Myelitis)
- โดย ศ.นพ.สมศักดิ์ เทียมเก่า
- 20 กันยายน 2562
- Tweet
- บทนำ
- โรคไขสันหลังอักเสบคืออะไร?
- โรคไขสันหลังอักเสบมีสาเหตุจากอะไร?
- โรคไขสันหลังอักเสบมีอาการอย่างไร?
- เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
- แพทย์ให้การวินิจฉัยโรคไขสันหลังอักเสบได้อย่างไร?
- การรักษาไขสันหลังอักเสบทำอย่างไร?
- โรคไขสันหลังอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
- โรคไขสันหลังอักเสบมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?
- ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
- ป้องกันโรคไขสันหลังอักเสบได้อย่างไร?
- กายวิภาคและสรีรวิทยาระบบประสาท
- สุขอนามัยพื้นฐาน สุขบัญญัติแห่งชาติ (Ten National Healthy Articles)
- การออกกำลังกาย: แนวทางการออกกำลังกายเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี (Exercise concepts for healthy lifestyle)
- อาหารมีประโยชน์ห้าหมู่ (Healthy diet)
- ยาฆ่าเชื้อ (Antimicrobial drug) ยาแก้อักเสบ (Anti inflammatory drug)
- นกเขาไม่ขัน (Erectile dysfunction)
- โรคติดเชื้อ ภาวะติดเชื้อ (Infectious disease)
- โรคภูมิต้านตนเอง โรคออโตอิมมูน (Autoimmune disease)
บทนำ
“คุณเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ (Myelitis)” หลายคนคงสังสัยหรืองงว่าโรคนี้คืออะไร รู้จักแต่โรคหมอนรองกระดูกกดทับเส้นประสาท (ปวดหลังจากโรคหมอนรองกระดูกสันหลัง) หรือกระดูกสันหลังเสื่อมกดทับไขสันหลัง แล้วโรคไขสันหลังอักเสบเป็นอย่างไร มีอาการอย่างไร รักษาหายหรือไม่ บทความนี้จะช่วยให้เข้าใจได้ครับ
โรคไขสันหลังอักเสบคืออะไร?
![ไขสันหลังอักเสบ ไขสันหลังอักเสบ](https://haamor.com/media/images/articlepics/ไขสันหลังอักเสบ-01.jpg)
โรคไขสันหลังอักเสบ คือ โรคที่มีการอักเสบของเซลล์ประสาทในไขสันหลัง ส่งผลให้ผู้ ป่วยมี อาการอ่อนแรง ชา มีปัญหาการขับถ่าย และมีความผิดปกติในส่วนระบบประสาทอัตโน มัติ เช่น การแข็งตัวของอวัยวะเพศ (โรคนกเขาไม่ขัน)
โรคไขสันหลังอักเสบมีสาเหตุจากอะไร?
สาเหตุที่แน่ชัดของการเกิดโรคไขสันหลังอักเสบ ยังไม่ทราบ แต่ปัจจัยเสี่ยงที่พบบ่อยของโรคไขสันหลังอักเสบ คือ
- การติดเชื้อไวรัสของระบบทางเดินหายใจ และ/หรือของระบบทางเดินอาหาร โดยส่วนใหญ่พบภายหลังการติดเชื้อหายดีแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์
- การติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิด เช่น Mycoplasma pneumonia (มัยโคพลาสม่า นิวโมเนีย/โรคติดเชื้อมัยโคพลาสมา)
- โรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง หรือ โรคเอม เอส (Multiple sclerosis: MS)
- โรคความผิดปกติทางด้านภูมิคุ้มกันต้านทานโรค/โรคออโตอิมูน/โรคภูมิต้านตนเอง เช่น โรคเอสแอลอี (SLE)
- โรคติดเชื้ออื่นๆ เช่น พยาธิ
- ผลข้างเคียงจากการฉีดวัคซีนบางชนิด เช่น ไวรัสตับอักเสบ หัด
โรคไขสันหลังอักเสบมีอาการอย่างไร?
อาการผิดปกติที่พบในโรคไขสันหลังอักเสบ คือ
- อาการปวดประสาท เช่น ปวดแปล๊บ อาการคล้ายอะไรทิ่มแทง อาการปวดร้าวจาก คอ ไหล่ และ/หรือ หลัง ไปที่แขน ขา หลัง หน้าอก ท้อง อวัยวะเพศ
- ความรู้สึกผิดปกติ เช่น ชา เย็น ร้อน ไฟไหม้ ตามแขน ขา หลัง หน้าอก ท้อง อวัยวะเพศ
- อาการอ่อนแรงของแขน ขา
- การขับถ่าย ปัสสาวะ อุจจาระลำบาก ไม่มีแรงเบ่ง หรือกลืนไม่ได้
- ระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ เช่น อวัยวะเพศไม่แข็งตัวในเพศชาย ช่องคลอดแห้งมาก ไม่มีน้ำหล่อลื่น เมื่อมีเพศสัมพันธ์ และไม่มีความรู้สึกทางเพศในผู้หญิง
เมื่อไหร่ควรไปพบแพทย์?
ผู้ป่วยที่มีอาการผิดปกติดังกล่าวข้างต้นใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ อย่างหนึ่งอย่างใดที่เริ่มเป็น และ/หรือ มีอาการรุนแรงขึ้น ควรต่องรีบไปพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเสมอ
แพทย์ให้การวินิจฉัยโรคไขสันหลังอักเสบได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยโรคไขสันหลังอักเสบจาก
- อาการข้างต้นที่กล่าวใน ‘หัวข้อ อาการฯ’ ร่วมกับ
- การตรวจร่างกาย
- ตรวจเอกซเรย์ภาพกระดูกสันหลังเพื่อดูว่า มีความผิดปกติอะไรบ้าง
- และตรวจน้ำไขสันหลัง ซึ่งจะพบว่าในน้ำหล่อเลี้ยงสมองและไขสันหลัง มีเม็ดเลือดขาวสูงขึ้นเล็กน้อย มีระดับโปรตีนสูงขึ้น และมีระดับน้ำตาลปกติ
*อนึ่ง เนื่องจากการวินิจฉัยโรคนี้ที่แม่นยำ สามารถวินิจฉัยได้ด้วยวิธีการดังได้กล่าวแล้วโดยไม่จำเป็นต้องใช้การตรวจไขสันหลังด้วยเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และ/หรือเอมอาร์ไอ และเนื่องจากการตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ และ/หรือเอมอาร์ไอ มักต้องรอการนัดตรวจนาน จึงอาจส่งผลต่อการรักษาได้ ดังนั้นโดยส่วนใหญ่แพทย์จึงไม่ได้ส่งตรวจดังกล่าวในผู้ป่วยทุกราย ทั้งนี้จะขึ้นกับความผิดปกติของอาการ สิ่งผิดปกติที่แพทย์ตรวจพบ และดุลพินิจของแพทย์ในผู้ป่วยเป็นรายๆไป
การรักษาไขสันหลังอักเสบทำอย่างไร?
การรักษาโรคไขสันหลังอักเสบ ประกอบด้วย
- การให้ยาสเตียรอยด์ขนาดสูงนานประมาณ 3-5 วันเพื่อเป็นการลดการอักเสบ
- ร่วมกับการทำกายภาพบำบัด เพื่อความแข็งแรงของกล้าม เนื้อ ลดการเกร็ง ข้อติด และปัญหาในการขับถ่าย
- นอกจากนั้น คือการให้ยารักษาอาการปวดประสาทตามอาการของผู้ป่วย
โรคไขสันหลังอักเสบมีการพยากรณ์โรคอย่างไร?
โรคไขสันหลังอักเสบส่วนใหญ่ ตอบสนองดีต่อการรักษา แต่ขึ้นกับความรุนแรงของอา การก่อนพบแพทย์ และการมาพบแพทย์หลังเกิดอาการเร็วหรือช้า
ทั้งนี้โดยทั่วไป ถ้าอาการหายดี ก็ไม่จำเป็นต้องทานยาต่อ ยกเว้นเมื่อมีอาการปวดประ สาท หรืออาการเกร็งของกล้ามเนื้อ ที่แพทย์จะให้ยาบรรเทาอาการเหล่านี้ จนอาการผู้ป่วยดีขึ้น
อนึ่ง โรคไขสันหลังอักเสบ มีโอกาสเกิดเป็นซ้ำน้อยมาก ยกเว้นเป็นโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง ที่จะมีโอกาสเกิดเป็นซ้ำสูง
โรคไขสันหลังอักเสบมีภาวะแทรกซ้อนอะไรบ้าง?
อาการแทรกซ้อน/ผลข้างเคียงจากโรคไขสันหลังอักเสบ คือ
- อาการปวดประสาท
- อาการอ่อนแรง
- ความผิดปกติด้านเพศสัมพันธ์ เช่น อวัยวะเพศไม่แข็งตัว (ในผู้ชาย) ช่องคลอดแห้งไม่มีน้ำหล่อลื่น (ในเพศหญิง)
- กระดูกบาง จากยาสเตียรอยด์ และเคลื่อนไหวร่างกายลดลงจากอาการอ่อนแรง
- ติดเชื้อได้ง่าย จากการขับถ่ายปัสสาวะลำบาก
- แผลกดทับ จากร่างกายเคลื่อนไหวได้น้อย/ไม่ได้ จากอาการอ่อนแรง
- มีอาการ ซึมเศร้า วิตกกังวล
ดูแลตนเองอย่างไรเมื่อเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ? ควรพบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไร?
การดูแลตนเองเมื่อเป็นโรคไขสันหลังอักเสบ ประกอบด้วย
- หมั่นทำกายภาพบำบัดตามแพทย์ นักกายภาพบำบัด และพยาบาล แนะนำ
- ฝึกการขับถ่ายทั้งปัสสาวะ อุจจาระให้เป็นเวลา ตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล
- ระวังเรื่องแผลกดทับ หรืออุบัติเหตุที่อาจเกิดขึ้นที่เท้าหรือขา เพราะผู้ป่วยจะมีอาการชา จึงอาจเกิดอุบัติเหตุ/แผลได้ง่าย
- พยายามออกกำลังกายให้มาก เพื่อป้องกันโรคกระดูกพรุน/โรคกระดูกบาง และ
- ควรพบแพทย์ก่อนนัด เมื่อ
- มีอาการผิดปกติต่างๆมากขึ้นกว่าเดิม
- อาการต่างๆเลวลง
- แพ้ยา เช่น ขึ้นผื่น
- ปัสสาวะไม่ออก
- เกิดแผลกดทับ และ/หรือ
- กังวลในอาการ
ป้องกันโรคไขสันหลังอักเสบได้อย่างไร?
โรคไขสันหลังอักเสบนี้ ไม่สามารถป้องกันได้ เพราะยังไม่ทราบสาเหตุของการเกิดโรคที่แน่ชัด
อย่างไรก็ตาม การสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคที่ดีให้กับร่างกาย ก็เป็นการลดโอกาสเกิดโรคต่างๆที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดไขสันหลังอักเสบลงได้ ซึ่งการสร้างภูมิคุ้มกันต้านทานโรคให้กับร่างกาย ได้แก่
- การดูแลตนเองให้แข็งแรง ซึ่งที่ปฏิบัติได้ง่ายๆ คือ การรักษาสุขอนามัยพื้นฐาน(สุขบัญญัติแห่งชาติ)
- ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
- ไม่เครียด
- พักผ่อนให้เพียงพอ