ใหลตายในทารก (Sudden infant death syndrome: SIDS)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 9 พฤษภาคม 2564
- Tweet
- บทนำ: คือโรคอะไร?พบบ่อยไหม?
- โรคใหลตายในทารกมีอาการอย่างไร?
- โรคใหลตายในทารกมีสาเหตุจากอะไร?
- ทารกกลุ่มใดที่มีปัจจัยเสี่ยงเกิดใหลตายในทารก?
- แพทย์วินิจฉัยโรคใหลตายในทารกได้อย่างไร?
- ป้องกันโรคใหลตายในทารกได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- เด็ก: โรคเด็ก (Childhood: Childhood diseases)
- คลอดก่อนกำหนด (Preterm labor)
- ระบบหัวใจและหลอดเลือด (Cardiovascular system)
- การฝากครรภ์ (Antenatal care)
- ระบบทางเดินหายใจ (Respiratory System)
- ปอด: กายวิภาคปอด (Lung anatomy) / สรีรวิทยาของปอด (Lung physiology)
- นมแม่ : นมแม่ดีที่สุด (Human breast milk)
บทนำ: คือโรคอะไร?พบบ่อยไหม?
ใหลตายในทารก หรือ ทารกใหลตาย (Sudden infant death syndrome) คือ การตายเฉียบพลันโดยไม่คาดคิดขณะหลับของทารกอายุต่ำกว่า12เดือนที่แพทย์หาสาเหตุการตายไม่ได้ ซึ่งแม้หลังการตายแพทย์จะมีการสืบค้นต่างๆทางการแพทย์รวมถึงการตรวจศพก็ยังไม่สามารถระบุสาเหตุที่ทำให้ทารกนั้นตายได้ ซึ่งทารกกลุ่มนี้เป็นทารกปกติที่ไม่มีโรคหรือภาวะผิดปกติใดๆนำมาก่อน
อนึ่ง:
- คำสะกดโรคนี้ที่ถูกต้องตามราชบัณฑิตยสถาน(เอกสารอ้างอิงที่2) คือ ‘ใหลตาย’ โดย ’ใหล’ มาจากคำว่า ‘หลับใหล’
- ชื่อย่อของโรค/ภาวะนี้ คือ โรค เอสไอดีเอส/SIDS (Sudden infant death syndrome)
- ชื่ออื่นของโรค/ภาวะนี้คือ Crib death, Cot death
ใหลตายในทารก/ทารกใหลตาย/โรคเอสไอดีเอส เป็นเหตุการณ์พบได้เรื่อยๆทั่วโลก ไม่ถึงกับบ่อยมาก มีรายงานพบต่ำในฮ่องกง 0.05 รายต่อทารกฯ 1,000คน และพบสูงในคนอเมริกันพื้นเมืองคือ 6.7รายต่อทารกฯ 1,000ราย โดย 90%พบในช่วงทารกอายุ1-6 เดือน แต่พบสูงสุดในช่วงอายุ 1-4 เดือน, พบในเด็กชายบ่อยกว่าเด็กหญิง, ทั้งนี้ปัจจัยเกิดเหตุการณ์นี้ยังขึ้นกับอีกหลายปัจจัย เช่น เชื้อชาติ, จริยธรรมของชาติ/ครอบครัว, ประเพณีในการดูแลทารก, อายุมารดา, ความประพฤติของมารดาและคนในครอบครัวที่รวมถึง การสูบบุหรี่ การดื่มสุรา และเสพสาร/ยาเสพติด
โรคใหลตายในทารกมีอาการอย่างไร?
ใหลตายในทารก/ทารกใหลตาย/โรคเอสไอดีเอส เกิดในทารกปกติ ไม่มีสัญญาณหรืออาการเตือนล่วงหน้า ไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์นี้ ทั้งหมดเกิดในขณะทารกหลับปกติ ซึ่งอาจหลับช่วงไหน,กลางคืน, หรือ กลางวัน, ก็ได้
โรคใหลตายในทารกมีสาเหตุจากอะไร?
ปัจจุบัน แพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของการเกิดใหลตายในทารก/ทารกใหลตาย/โรคเอสไอดีเอส แต่เชื่อว่าน่าเกิดจากอย่างน้อย 3 สาเหตุ/ปัจจัยหลักที่เกิดพร้อมกัน คือ
- ทารกช่วงวัยดังกล่าวยังไม่มีความสมบูรณ์ในการทำงานของสมองส่วนควบคุมการหายใจคือก้านสมอง(จากสมองส่วนนี้ยังเจริญไม่เต็มที่)จึงตอบสนองได้ไม่ดีต่อภาวะร่างกายมีออกซิเจนต่ำที่มักเกิดในขณะทารกนอนหลับที่ปอดทำงานลดลง จึงส่งผลต่อการทำงานของหัวใจและระบบหายใจจนถึงขั้นเกิดการล้มเหลวในการทำงานจนส่งผลให้ทารกฯตายได้ทันที
- ขณะหลับ ทารกฯมีปัญหาที่ทำให้หายใจไม่สะดวก เช่น ท่านอนคว่ำ หรือ ถูกห่อรัดตัวแน่นเกินไป หรือทางเดินหายใจทารกฯถูกอุดกั้นด้วยเครื่องนอนต่างๆ เช่น ฟูก หมอน ผ้าห่ม ผ้าปูฟูกที่ย่นยับ ผ้าคลุมศีรษะ ฯลฯ จึงส่งผลให้ร่างกายทารกฯขาดออกซิเจน ส่งผลให้ระบบหัวใจและระบบหายใจล้มเหลวทันทีจนถึงตายได้
- เหตุการณ์ทั้ง2ดังกล่าวที่มักเกิดขึ้นในช่วงการเจริญเติบโตที่เปราะบางของทารกฯ คือ ก้านสมองยังทำงานไม่สมบูรณ์ คือ ช่วงวัยต่ำกว่า 12 เดือนและโดยเฉพาะวัย1-6เดือน
ทารกกลุ่มใดที่มีปัจจัยเสี่ยงเกิดใหลตายในทารก?
จากการศึกษา แพทย์พบปัจจัยเสี่ยงต่างๆที่มักเกิดหลายๆปัจจัยร่วมกันและพร้อมกัน ที่เป็นตัวกระตุ้นให้เกิด3ปัจจัยหลักดังกล่าวใน’หัวข้อ สาเหตุฯ’ที่คาดว่าน่าเป็นสาเหตุหลักของการเกิดใหลตายในทารก/ทารกใหลตาย/โรคเอสไอดีเอส ซึ่งปัจจัยกระตุ้นต่างๆ ได้แก่
- ท่านอนของทารก:
- การศึกษาต่างๆพบว่า ทารกที่ถูกจับให้นอนท่านอนคว่ำหรือนอนตะแคง เกิดใหลตายสูงกว่าทารกนอนในท่านอนหงาย ทั้งนี้เพราะในท่านอนคว่ำและนอนตะแคง ปอดจะทำงานได้ต่ำกว่าท่านอนหงายมาก ทารกจึงขาดออกซิเจนได้ง่าย, และทารกที่นอนตะแคงก็มักจะพลิกกลับมานอนคว่ำเสมอ
- นอกจากนี้ ท่านอนคว่ำ จะมีผลให้ร่างกายทารกระบายความร้อนได้น้อยกว่าท่านอนหงาย ทารกจึงมักมีอุณหภูมิร่างกายสูงขึ้นกว่าปกติจนส่งผลต่อการทำงานผิดปกติของระบบหัวใจและหลอดเลือด
- ดังนั้นปัจจุบัน แพทย์จึงแนะนำให้ทารกที่อายุต่ำกว่า 12 เดือน นอนในท่านอนหงายเสมอ
- อายุทารก:
- ทารกที่พบสูงสุดที่เกิดอาการนี้คือช่วงอายุ 1-4 เดือน
- ทารกแรกคลอดทีน้ำหนักต่ำกว่าเกณฑ์
- ทารกคลอดก่อนกำหนด
- บรรยากาศและสิ่งแวดล้อมในการนอนของทารก: เช่น
- อากาศร้อน
- อุณหภูมิร่างกายทารกสูง
- ทารกที่ห่อหุ้มตัวรัดแน่น หรือใช้ผ้าห่ม หรือ เบาะ, หมอนนุ่ม, หรือมีของเล่น, หมวกคลุมศีรษะ, หรือสิ่งของต่างๆวางอยู่บนที่นอนที่รวมถึงสิ่งของที่เป็นเส้น/แผ่น ที่จะรัดตัว/รัดคอทารกได้ง่าย
- ทารกที่นอนเตียงเดียวกับบุคคลอื่น
- การให้นมทารก: ทารกที่เลี้ยงด้วยนมจากมารดาโดยตรง(ดูดนมมารดา) พบเกิดอาการ/ภาวะนี้ได้น้อยกว่า
- การสูบบุหรี่,การดื่มสุรา,และ/หรือใช้สาร/ยาเสพติด: การศึกษาพบทารกใหลตายสูงขึ้นในมารดา และ/หรือ บิดา และ/หรือครอบครัว สูบบุหรี่, ดื่มสุรา, และ/หรือใช้ยาเสพติดในช่วงก่อนตั้งครรภ์, ทารกอยู่ในครรภ์, และในช่วงหลังคลอด/ในครอบครัวของทารก
- อื่นๆ: เช่น
- มารดามีอายุน้อย มักอายุไม่เกิน 20 ปี
- ครอบครัวมีฐานะทางเศรษฐกิจไม่ค่อยดี
- มีประวัติพี่น้องของทารกใหลตาย
- ทารกเกิดจากมารดาที่ไม่เคยพบแพทย์ หรือ ไม่ค่อยได้พบแพทย์ตามตารางการดูแลของแพทย์ขณะตั้งครรภ์
* อนึ่ง การได้รับวัคซีนของทารกฯ: การศึกษาทางการแพทย์ไม่พบว่า การได้รับวัคซีนต่างๆของทารกสัมพันธ์/หรือเป็นปัจจัยเสี่ยงเกิดใหลตาย
แพทย์วินิจฉัยโรคใหลตายในทารกได้อย่างไร?
แพทย์วินิจฉัยว่าเป็นภาวะใหลตายในทารก/ทารกใหลตาย/โรคเอสไอดีเอสได้จาก
- ช่วงอายุที่เกิดการตาย ร่วมกับ ประวัติทางการแพทย์ของทารกเป็นปกติ, ไม่มีโรคประจำตัว, และการตายเกิดในขณะหลับปกติ, แพทย์ตรวจไม่พบความผิดปกติใดๆของทารกที่รวมถึงจากการตรวจศพ
- ทารกมีปัจจัยเสี่ยงต่างๆดังกล่าวใน’หัวข้อ ปัจจัยเสี่ยงฯ’
ป้องกันโรคใหลตายในทารกได้อย่างไร?
การป้องกันทารกใหลตายในทารก/ทารกใหลตาย/โรคเอสไอดีเอสให้ได้เต็มร้อยยังเป็นไปไม่ได้ เพราะแพทย์ยังไม่ทราบสาเหตุเกิดที่ชัดเจน แต่แพทย์มีความเห็นตรงกันในเรื่องปัจจัยเสี่ยง ซึ่งกุมารแพทย์และแพทย์ด้านระบบการหายใจได้แนะนำวิธีลดปัจจัยเสี่ยงที่จะช่วยลดโอกาสเกิดภาวะนี้ลงได้ เช่น
- ให้ทารกในวัยยังไม่ถึง 12 เดือนนอนในท่านอนหงายตามคำแนะนำของกุมารแพทย์เสมอ ถ้ากลัวว่าทารกจะมีศีรษะแบนจากการนอนหงาย ให้ขอคำแนะนำจากแพทย์ถึงวิธีดูแลซึ่งทั่วไปแพทย์จะมีวิธีสอนให้มารดาปรับท่านอนทารกได้ในบางโอกาสที่ทารกฯอยู่กับมารดา
- ที่นอนของทารกฯต้องไม่นุ่มเกินไป ต้องตึง ไม่ยุบตัวเพราะการยุบตัวของเครื่องนอนจะง่ายต่อการกด/ปิดกั้นการหายใจของทารก ทั้งนี้รวมถึงเครื่องใช้และของเล่นต่างๆ และต้องไม่วางสิ่งต่างๆบนเตียง/ฟูกทารกที่ง่ายต่อการเกิดการอุดตันทารกจากการหายใจ เช่น รัดคอ อุดจมูก อุดปาก ที่รวมถึงผ้าห่ม หมอน ผ่าคลุมเตียง และของใช้ ของเล่น ที่เป็นเส้น เป็นสาย
- อย่าให้มีร่องระหว่างเตียงเด็กกับที่นอนเด็ก
- มารดาควรนอนห้องเดียวกับทารก แต่ไม่ควรนอนเตียงเดียวกับทารก ทารกควรมีเตียงนอนเฉพาะทารก
- ห้องนอนทารกต้องไม่ร้อนเกินไป
- ไม่ห่อทารกแน่นเกินไป
- แพทย์บางท่านแนะนำให้ทารกดูดหัวนมหลอกขณะหลับเพราะมีการศึกษาพบว่าช่วยลดโอกาสเกิดภาวะไหลตายในทารกได้(ควรปรึกษากุมารแพทย์ก่อนเสมอโดยเฉพาะทารกที่เลี้ยงด้วยดูดนมแม่)
- ห้ามใช้เครื่องใช้ใดๆที่โฆษณาว่าช่วยป้องกันภาวะนี้ จนกว่าจะปรึกษาและได้รับอนุญาตจากแพทย์ก่อน
- ต้องไม่มีการสูบบุหรี่ในบ้านที่เลี้ยงทารก
- มารดา บิดา ผู้ดูแลทารก ต้องไม่ดื่มสุรา และไม่ใช้สาร/ยาเสพติดทั้งในช่วงเตรียมตั้งครรภ์, ขณะตั้งครรภ์, และช่วงเลี้ยงดูทารก
บรรณานุกรม
- Hannah C. Kinney and Bradley T. Thach. N Engl J Med. 2009 August 20; 361(8): 795–805.
- https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A5%E0%B8%95%E0%B8%B2%E0%B8%A2 [2021,May8]
- https://rarediseases.org/rare-diseases/sudden-infant-death-syndrome/ [2021,May8]
- https://en.wikipedia.org/wiki/Sudden_infant_death_syndrome [2021,May8]
- https://www.sleepfoundation.org/baby-sleep/sudden-infant-death-syndrome [2021,May8]
- https://emedicine.medscape.com/article/804412-overview#showall [2021,May8]