โมโนเนสซา (Mononessa)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 17 มิถุนายน 2559
- Tweet
- บทนำ
- โมโนเนสซามีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- โมโนเนสซามีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- โมโนเนสซามีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- โมโนเนสซามีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- โมโนเนสซามีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้โมโนเนสซาอย่างไร?
- โมโนเนสซามีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาโมโนเนสซาอย่างไร?
- โมโนเนสซามีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill)
- การคุมกำเนิด (Contraception)
- การวางแผนครอบครัว (Family planning)
- โปรเจสติน (Progestins)
- เอสตร้าไดออล (Estradiol)
- ถุงยางอนามัยชาย (Male Condom)
บทนำ
ยาโมโนเนสซา (Mononessa) เป็นยาชื่อการค้าของยาเม็ดคุมกำเนิด (Birth control pill) ชนิดรับประทานซึ่งประกอบไปด้วยฮอร์โมนเพศหญิงสังเคราะห์ 2 ชนิดคือ เอทินิล เอสตราไดออล และนอร์เจสทิเมท (Ethinyl estradiol + Norgestimate/ยา Progestin รุ่นที่ 3) มีคุณสมบัติยับยั้งการตกไข่ของสตรีวัยเจริญพันธุ์และยังก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของเยื่อบุโพรงมดลูกรวมถึงเมือกบริเวณปากมดลูกทำให้ตัวอสุจิหลุดรอดเข้ามาปฏิสนธิกับไข่ได้ยากยิ่งขึ้น
ทางคลินิกมีข้อกำหนด ข้อห้ามใช้ และข้อควรระวังหลายประการของยาเม็ดคุมกำเนิดที่รวมยาโมโนเนสซาที่ผู้บริโภคควรทราบก่อนนำไปใช้อาทิ
- ห้ามใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดกับสตรีตั้งครรภ์
- ผู้ที่มีอาการต่างๆดังต่อไปนี้ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมกำเนิดเช่น มีเลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ มีอาการแน่นหน้าอก ความดันโลหิตสูงที่ยังไม่สามารถควบคุมอาการได้ ผู้ที่มีภาวะลิ้นหัวใจทำงานผิดปกติ/โรคลิ้นหัวใจ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีปัญหาเรื่องในการมองเห็น และ/หรือมีภาวะโรคไตแทรกซ้อน ผู้ป่วยด้วยมะเร็งตับ ผู้ที่ปวดศีรษะไมเกรนอย่างรุนแรง ผู้ที่เคยป่วยด้วยมะเร็งเต้านมหรือมะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก ผู้ที่มีประวัติเป็นดีซ่านที่เกิดหลังรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิด ผู้ป่วยโรคหัวใจวาย กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด รวมถึงผู้ป่วยที่มีภาวะลิ่มเลือดเกิดขึ้นตามหลอดเลือดของร่างกาย ซึ่งการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดสามารถทำให้อาการป่วยจากโรคดังกล่าวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
- ผู้ที่ติดบุหรี่และมีอายุเกิน 35 ปีขึ้นไปอาจมีความเสี่ยงของภาวะหัวใจล้มเหลว หรือกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด หรือเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดได้ง่าย เมื่อได้รับยาเม็ดคุมกำเนิด
ดังนั้นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่แพทย์จะต้องทราบประวัติการเจ็บป่วยหรือโรคประจำตัวของผู้บริโภคก่อนมีการสั่งจ่ายยาเม็ดคุมกำเนิดที่รวมถึงยาโมโนเนสซา
ปกติการรับประทานยาคุมกำเนิดที่รวมถึงยาโมโนเนสซาจะรับประทานเพียงวันละเม็ด ห้ามมิให้ผู้บริโภครับประทานยานี้ครั้งละมากๆหรือน้อยกว่าขนาดที่แพทย์แนะนำ การรับประทานควรเป็นเวลาเดียวกันในแต่ละวันทั้งนี้เพื่อเป็นการควบคุมระดับฮอร์โมนคุมกำเนิดในกระแสเลือดได้อย่างสม่ำเสมอซึ่งจะช่วยป้องกันการตั้งครรภ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
ลักษณะของยาโมโนเนสซาจะมีจำนวนเม็ดบรรจุต่อแผงเท่ากับ 28 เม็ด จำนวน 21 เม็ดที่มีสีฟ้าจะมีฮอร์โมนและมี 7 เม็ดสีเขียวเข้มที่ไม่มีฮอร์โมนแต่เป็นยาหลอกที่ให้รับประทานเพื่อป้องกันการลืมกินยาในแต่ละวันเท่านั้น ทั้งนี้ในช่วง 3 เดือนแรกของการรับประทานยานี้อาจพบเลือดประจำเดือนมาผิดปกติได้บ้าง หากมีเลือดประจำเดือนมามากจนผิดสังเกตหลังการใช้ยานี้ ควรต้องรีบกลับมาปรึกษาแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว
ระหว่างการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดรวมถึงยาโมโนเนสซา ควรต้องนัดพบแพทย์เป็นช่วงๆไปเพื่อแพทย์จะได้ประเมินประสิทธิผลหรือประเมินความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้จากการใช้ยานี้
ยาเม็ดคุมกำเนิดที่รวมถึงยาโมโนเนสซาไม่สามารถป้องกันผู้บริโภคจากการติดโรคเอดส์โดยผ่านทางเพศสัมพันธ์ได้ การใช้ถุงยางอนามัยชายจะเป็นวิธีการที่ปลอดภัยต่อการติดโรคดังกล่าว และมีประสิทธิภาพมากกว่าในการคุมกำเนิด
การรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่รวมถึงยาโมโนเนสซาจะมีประสิทธิภาพเมื่อผู้บริโภคใช้ยาอย่างถูกต้องตามคำแนะนำของแพทย์ การหลงลืมรับประทานยานี้จะเกิดความเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์และแพทย์ต้องปรับวิธีการรับประทานยานี้กันใหม่ทุกครั้งซึ่งมีความละเอียดอ่อนโดยจะได้กล่าวในหัวข้อถัดไปหัวข้อ “ขนาดรับประทานฯ” ของบทความนี้
ผู้อ่านสามารถสืบค้นรายละเอียดของการรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดเพิ่มเติมได้ในบทความ “ยาเม็ดคุมกำเนิด” (Birth control pill) จากเว็ปไซด์ หาหมอ.com
โมโนเนสซามีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาโมโนเนสซามีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เพื่อการคุมกำเนิดและป้องกันการตั้งครรภ์
โมโนเนสซามีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาโมโนเนสซาคือ หลังจากรับประทาน ยานี้จะมีการดูดซึมอย่างรวดเร็วจากระบบทางเดินอาหารและเข้าสู่กระแสเลือด ฮอร์โมนนอร์เจสทิเมท (Norgestimate) จะถูกเปลี่ยนโครงสร้างจากลำไส้เล็กและตับไปเป็นสารออกฤทธิ์อีก 2 ตัวคือ นอร์เอลเจสโทรมิน (Norelgestro min) และนอร์เจสเตรล (Norgestrel) ซึ่งจะทำงานร่วมกับฮอร์โมนเอทินิล เอสตราไดออล (Ethinyl estradiol) ส่งผลยับยั้งการตกไข่ในรอบประจำเดือนของสตรีวัยมีประจำเดือน และทำให้เยื่อบุโพรงมดลูกบางลงจนยากต่อการฝังตัวของไข่ รวมถึงทำให้ปากมดลูกมีเมือกข้นจนเป็นอุปสรรคต่อตัวอสุจิ ที่จะผ่านเข้าในโพรงมดลูกเพื่อทำการปฏิสนธิกับไข่ ด้วยกลไกดังกล่าวจึงเกิดฤทธิ์ของการคุมกำเนิดตามสรรพคุณ
โมโนเนสซามีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาโมโนเนสซามีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดรับประทานที่มีส่วนประกอบของยาฮอร์โมนเพศหญิง Norgestimate 0.25 มิลลิกรัม + Ethinyl estradiol 0.035 มิลลิกรัมต่อเม็ด
อนึ่งยานี้บรรจุแผง 28 เม็ด เม็ดสีฟ้ามีฮอร์โมนฯจำนวน 21 เม็ดและเม็ดสีเขียวเข้มเป็นยาหลอก 7 เม็ด แต่ต้องรับประทานทั้งยาทั้งหมดให้ครบ 28 เม็ดเพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา
โมโนเนสซามีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาโมโนเนสซามีขนาดรับประทานในสตรีวัยมีประจำเดือนที่ต้องการคุมกำเนิดคือ
- วันแรก: รับประทานยาเม็ดสีฟ้าครั้งละ 1 เม็ดโดยเลือกเม็ดที่ระบุวันตรงกับวันรับประทานเช่น วันนี้เป็นวันอาทิตย์ก็ให้รับประทานยาเม็ดที่อยู่ตรงตำแหน่งที่ระบุเป็นวันอาทิตย์
- วันที่สอง: ให้รับประทานยาอีก 1 เม็ดในเวลาเดียวกันกับยาเม็ดแรกโดยเลือกยาตรงตำแหน่งวันจันทร์ถัดมาจากยาเม็ดครั้งแรก
- วันถัดไป: ให้รับประทานเช่นเดิมจนครบ 21 เม็ด แล้วรับประทานยาหลอกที่มีสีเขียวเข้มวันละเม็ดจนครบ 7 วัน จากนั้นให้เริ่มรับประทานยาแผงใหม่ต่อเนื่องกัน
*อนึ่ง:
- ในช่วง 7 วันแรกของการเริ่มรับประทานยาเม็ดคุมกำเนิดที่รวมถึงยาโมโนเนสซา หากมีเพศสัมพันธ์ควรใช้ถุงยางอนามัยชายร่วมในการคุมกำเนิดด้วย
- สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้ แต่ควรเป็นเวลาเดียวกันเพื่อรักษาและควบคุมระดับฮอร์โมนเพศหญิงในร่างกายให้คงที่
- รับประทานยานี้ต่อเนื่อง ไม่ควรลืมหรือหยุดการใช้ยานี้แล้วมีเพศสัมพันธ์ดัวยจะเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ตามมา
- ในช่วงรับประทานยาหลอกจนครบแต่ประจำเดือนยังไม่หมด สามารถเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ได้ต่อเนื่องโดยไม่จำเป็นต้องรอให้ประจำเดือนหมดก่อน
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาโมโนเนสซา ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาโมโนเนสซาอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาโมโนเนสซา 1 เม็ดในสัปดาห์ที่ 1 หรือที่ 2 หรือที่ 3 สามารถรับประทานยานี้เมื่อนึกขึ้นได้ กรณีลืมรับประทานติดต่อกัน 2 วัน (2 เม็ด) ในสัปดาห์ที่ 1 หรือที่ 2 ให้รับประทานยา 2 เม็ดทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ และรับประทานอีก 2 เม็ดในวันถัดมา แล้วตามด้วยการรับประทานยาวันละ 1 เม็ดเป็นปกติจนครบแผง
หากลืมรับประทานยานี้ติดต่อกัน 2 วัน (2 เม็ด) ในสัปดาห์ที่ 3 ให้ทิ้งทำลายและหยุดการรับประทานยาที่เหลือทันที ให้เปลี่ยนมารับประทานยาโมโนเนสซาแผงใหม่วันละเม็ดเหมือนแผงแรก
โมโนเนสซามีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาโมโนเนสซาสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้เช่น
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น มีอาการคลื่นไส้อาเจียนโดยเฉพาะในช่วงแรกที่รับประทานยานี้ เป็นตะคริวที่ท้อง อาจพบเกิดแผลในหลอดอาหาร มีอาการท้องผูกหรือไม่ก็ท้องเสีย เบื่ออาหาร
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น เกิดความเสี่ยงต่อความดันโลหิตสูง รวมถึงภาวะหัวใจ ล้มเหลว แน่นหน้าอก หัวใจเต้นช้า
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น วิตกกังวล ปวดศีรษะ วิงเวียน รู้สึกสับสน นอนไม่หลับ มีไข้ต่ำๆ ซึมเศร้า
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดภาวะผื่นคัน เกิดตุ่มแดงตามผิวหนัง เหงื่อออกมาก ผมร่วง เกิดสิว ผิวมัน เกิดฝ้า
- ผลต่อระบบสืบพันธุ์: เช่น คันบริเวณช่องคลอด เจ็บปวดขณะมีเพศสัมพันธ์ มีเลือดออกจากช่องคลอดผิดปกติ
- ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน/ปัสสาวะเป็นเลือด
- ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น ทำให้ไขมันคอเลสเตอรอลชนิดแอลดี แอล (LDL) มีเพิ่มขึ้น ในขณะที่ไขมันฯชนิดเอชดีแอล (HDL) ลดลง
- อื่นๆ: มีภาวะคัดตึงเต้านมหรือเต้านมโต
มีข้อควรระวังการใช้โมโนเนสซาอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาโมโนเนสซาเช่น
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้หรือแพ้ส่วนประกอบต่างๆในยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดดำอักเสบด้วยอาจเกิดลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำ หรือในผู้ที่เป็นหลอดเลือดขอด รวมถึงผู้ที่เป็นโรคลิ้นหัวใจ ผู้ที่มีภาวะหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงบริเวณสมองผิดปกติ ผู้ที่มีภาวะ/โรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่มีภาวะทางหลอดเลือดอักเสบร่วมด้วย
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยมะเร็งเต้านม มะเร็งเยื่อบุโพรงมดลูก
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีเลือดออกจากช่องคลอดโดยไม่ทราบสาเหตุ
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะตับทำงานผิดปกติ หรือมีภาวะดีซ่าน
- ห้ามเพิ่มขนาดรับประทานโดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่ขณะรับประทานยานี้
- หากคลำพบก้อนเนื้อที่บริเวณเต้านม หรือมีความดันโลหิตสูงมาก หรือมีภาวะผิดปกติอื่นๆในระหว่างรับประทานยานี้เช่น เลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด ควรหยุดใช้ยานี้และรีบมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว
- ระวังการลืมรับประทานยานี้เพราะจะส่งผลต่อการตั้งครรภ์ตามมา
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาโมโนเนสซาด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
โมโนเนสซามีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาโมโนเนสซามีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นเช่น
- การรับประทานยาโมโนเนสซาร่วมกับยา Amprenavir อาจทำให้ประสิทธิภาพของยาเอทินิล เอสตราไดออลในยาโมโนเนสซาด้อยลง หากจำเป็นต้องรับประทานยาร่วมกันควรต้องใช้การคุมกำเนิดวิธีอื่นร่วมด้วยเช่น การใช้ถุงยางอนามัยชาย
- การรับประทานยาโมโนเนสซาร่วมกับยา Phenobarbital, Fosphenytoin จะทำให้ระดับและประสิทธิผลของเอทินิล เอสตราไดออลลดน้อยลงจนอาจส่งผลให้มีเลือดออกผิดปกติทางช่องคลอด หรือมีประจำเดือนมาผิดปกติ หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีบุคคลไป
- หากรับประทานยาโมโนเนสซาร่วมกับยา Hydrocortisone อาจส่งผลต่อตัวยาเอทินิล เอสตราไดออลจนทำให้ผู้ป่วยได้รับผลข้างเคียงจาก Hydrocortisone มากขึ้น หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
- การรับประทานยาปฏิชีวนะอย่าง Doxycycline ร่วมกับยาโมโนเนสซาอาจทำให้ประสิทธิภาพของเอทินิล เอสตราไดออลลดลงและเกิดความเสี่ยงของการตั้งครรภ์ตามมา หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
ควรเก็บรักษาโมโนเนสซาอย่างไร?
ควรเก็บยาโมโนเนสซาภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส (Celsius) อนุโลมให้เก็บในช่วงอุณหภูมิห้องที่ 15 - 30 องศาเซลเซียสได้ ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในรถยนต์หรือในห้องน้ำ
โมโนเนสซามีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาโมโนเนสซาที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าและบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Mononessa (โมโนเนสซา) | Watson Pharmaceuticals |
บรรณานุกรม
- http://www.drugs.com/mtm/mononessa.html [2016,May28]
- file:///C:/Users/apai/Downloads/20140626_7e6ff7b1-bd5c-475c-a6af-eac7f10fd2ea.pdf [2016,May28]
- http://www.drugs.com/pro/mononessa.html [2016,May28]
- http://www.drugs.com/drug-interactions/ethinyl-estradiol-norgestimate,mononessa-index.html?filter=3&generic_only= [2016,May28]