โคลเบทาซอล (Clobetasol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 23 สิงหาคม 2559
- Tweet
- บทนำ
- โคลเบทาซอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- โคลเบทาซอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- โคลเบทาซอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- โคลเบทาซอลมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมทายาควรทำอย่างไร?
- โคลเบทาซอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้โคลเบทาซอลอย่างไร?
- โคลเบทาซอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาโคลเบทาซอลอย่างไร?
- โคลเบทาซอลมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแอนติฮิสตามีน (Antihistamine drug)
- ยาหยอดตา (Eye drops)
- ยาพ่นจมูก (Nasal Sprays)
- เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic conjunctivitis)
- โรคภูมิแพ้ (Allergy)
- เอช 1 แอนตาโกนิสต์ (H1 antagonists)
- โรคภูมิแพ้หูคอจมูก (ENT and Allergy)
บทนำ
ยาโคลเบทาซอล(Clobetasol หรือ Clobetasol propionate)เป็นยาในกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์(Corticosteroids) ทางคลินิกนำมาใช้เป็นยาทาผิวหนังเพื่อรักษาอาการของโรคผื่นผิวหนังอักเสบ(Eczema) โรคสะเก็ดเงิน/โรคเรื้อนกวาง (Psoriasis) หรือใช้บำบัดอาการทางผิวหนังบางอย่าง เช่น การแพ้พิษจากยางของต้นพืช/ใบพืช(Poison ivy) เช่น แพ้ยางจากใบ/ต้นโอ๊ค (Oak)
ยาโคลเบทาซอลเป็นยาที่มีฤทธิ์แรง ดังนั้นเมื่อทายานี้ แพทย์จึงไม่แนะนำ ให้ปิดผิวหนังบริเวณที่ทายาด้วยพลาสเตอร์ สำลี หรือ ผ้าพันแผลใดๆ และไม่ควรใช้ยานี้ติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ ปัจจุบันพบว่า ยานี้ยังใช้ได้ผลดีกับอาการทางผิวหนังของโรคต่างๆในกลุ่มโรคภูมิต้านตนเอง/ โรคออโตอิมมูน(Autoimmune)ได้หลายโรค อย่างเช่น อาการผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia areata) โรคด่างขาว(Vitiligo) โรคผิวหนังอักเสบชนิดแห้งฝ่อ(Lichen sclerosus) และโรคผิวหนังอักเสบชนิดที่เรียกว่า Lichen planus
รูปแบบผลิตภัณฑ์ที่พบเห็นบ่อยของยาโคลเบทาซอล จะเป็นยาครีม และยาขี้ผึ้ง ที่มีความเข้มข้น 0.05% ซึ่งในประเทศไทยมีจำหน่ายอยู่หลากหลายชื่อการค้า ดังได้กล่าวในบทความนี้ หัวข้อ “โคลเบทาซอลมีชื่ออื่นอีกไหม”
ทั้งนี้ ข้อจำกัดบางประการของการใช้ยาโคลเบทาซอล ที่ผู้บริโภคควรทราบ ได้แก่
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- กรณีของสตรีตั้งครรภ์ และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร จัดเป็นกลุ่มเสี่ยงต่อการเกิดเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงในการใช้ยาแทบทุกประเภท ซึ่งรวมยาโคลเบทาซอลด้วย ดังนั้นการใช้ยาต่างๆในผู้ป่วยกลุ่มนี้ จึงต้องเป็นคำสั่งจากแพทย์เท่านั้น
- ผู้ป่วยด้วยโรค หัดเยอรมัน วัณโรค อีสุกอีใส หรือผู้ที่เพิ่งได้รับการกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้านทานโรคของร่างกาย/ภูมิคุ้มกันโดยฉีดวัคซีน ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้ ด้วยจะส่งผลให้อาการป่วยเลวลง และทำให้การกระตุ้นภูมิคุ้มกันด้อยประสิทธิภาพลง
- ผู้ที่มีภาวะติดเชื้อทางผิวหนัง หรือมีภาวะผิวหนังบาง ก็ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้เช่นกัน ด้วยจะทำให้อาการทางผิวหนังแย่ลง
การใช้ยาโคลเบทาซอลชนิดครีม หรือขี้ผึ้ง ให้ทาเพียงบางๆในบริเวณผิวหนังอักเสบ หรือบริเวณผิวหนังที่เกิดโรคเท่านั้น ห้ามทาเป็นบริเวณกว้าง หรือทาคลุมผิวหนังส่วนที่ปกติ
สำหรับการใช้ยาโคลเบทาซอลที่ปลอดภัย ทางคลินิก มีข้อกำหนด ไม่ควรใช้ยาโคลเบทาซอล เกิน 50 กรัม/สัปดาห์ นอกจากนี้ ยังห้ามทายานี้บริเวณตา ห้ามใช้ยานี้กับผิวหนังที่แพ้เป็นผื่นจากผื่นผ้าอ้อม และการใช้ยานี้กับเด็ก ต้องเพิ่มความระวังเป็นพิเศษ ด้วยยากลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์(รวมยาโคลเบทาซอล)มีฤทธิ์กดการเจริญเติบโตของเด็กนั่นเอง
ยาโคลเบทาซอล อาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)ได้บ้าง อย่างเช่น เกิดการระคายเคืองและแสบคันกับผิวหนังส่วนที่สัมผัสกับยานี้ เป็นต้น
สำหรับประเทศไทย มีสูตรตำรับที่ขึ้นทะเบียนเป็นยาแผนปัจจุบันของยาโคลเบทาซอลเป็นจำนวนมาก(ดังกล่าวในบทความนี้ หัวข้อ “ โคลเบทาซอลมีชื่ออื่นอีกไหม”) ด้วยเป็นรายการยาที่บรรจุอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ และคณะกรรมการอาหารและยา ระบุการใช้ตัวยาโคลเบทาซอล โพรพิโอเนต (Clobetasol propionate) โดยมีเงื่อนไข ดังนี้
- ยาโคลเบทาซอลในรูปแบบยาขี้ผึ้ง/ครีม ให้ใช้สำหรับโรคผิวหนังเรื้อรังที่ไม่ตอบสนองต่อยาอื่น เช่น โรคสะเก็ดเงินที่เล็บซึ่งเป็นบริเวณที่หนา จึงต้องใช้ยาที่เพิ่มการดูดซึมเข้ารอยโรค(ยาโคลเบทาซอล) เพื่อให้เกิดประสิทธิผลในการรักษา
อนึ่ง ผู้บริโภคสามารถสอบถามข้อมูลการใช้ยาโคลเบทาซอล เพิ่มเติมได้จากแพทย์ผู้รักษา หรือจากเภสัชกรโดยทั่วไป
โคลเบทาซอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาโคลเบทาซอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- บำบัดอาการอักเสบทางผิวหนัง อย่างเช่น โรคเรื้อนกวาง/ สะเก็ดเงิน โรค Lichen sclerosus และโรค Lichen planus
- บำบัดอาการผิวหนังไหม้จากผิวแพ้แสงแดดแบบเฉียบพลัน
โคลเบทาซอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาโคลเบทาซอล มีกลไกการออกฤทธิ์ โดยตัวยาจะกระตุ้นการทำงานของสารโปรตีนในร่างกาย ทีมีชื่อว่า Lipocortins โดยโปรตีนชนิดนี้จะช่วยยับยั้งการสังเคราะห์สารที่กระตุ้นการอักเสบของเนื้อเยื่อผิวหนัง ยานี้จึงบำบัดรักษาความผิดปกติของเนื้อเยื่อผิวหนังที่มีรอยโรคได้ตามสรรพคุณ
โคลเบทาซอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาโคลเบทาซอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาขี้ผึ้ง ขนาดความเข้มข้น 0.05%
- ยาครีม ขนาดความเข้มข้น 0.05%
โคลเบทาซอลมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาโคลเบทาซอลมีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น
- ผู้ใหญ่และเด็กมีอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป: ทายาบริเวณที่มีผิวหนังอักเสบ หรือเกิดรอยโรคอย่างบางๆ วันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น หรือตามคำสั่งแพทย์ ห้ามทายาติดต่อกันเกิน 2 สัปดาห์ และ ห้ามใช้ยาเกิน 50 กรัม/สัปดาห์
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี: ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปีลงมา
*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาโคลเบทาซอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาโคลเบทาซอล อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมทายาควรทำอย่างไร?
หากลืมทายาโคลเบทาซอล สามารถทายาเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการทายาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
โคลเบทาซอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
การใช้ยาโคลเบทาซอล สามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบต่อมไร้ท่อ: เช่น อาจทำให้เกิดกลุ่มอาการ Cushing syndrome และมีการกดการทำงานของต่อมหมวกไต
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น เกิดสิว ผิวหนังบางลง ผิวแห้ง และระคายเคือง เกิดลมพิษ สีผิวเปลี่ยนไป เจ็บผิวหนังส่วนที่สัมผัสยานี้ ผมร่วง สีผมเปลี่ยนไป
- ผลต่อตา: เช่น อาจทำให้มีอาการแสบ-คัน ตา
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ วิงเวียน
มีข้อควรระวังการใช้โคลเบทาซอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาโคลเบทาซอล เช่น
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 12 ปี
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้ต่อเนื่องเกิน 2 สัปดาห์ เพื่อป้องกันการดูดซึมยานี้เข้าสู่ร่างกายจนส่งผลต่อการทำงานของระบบอวัยวะต่างๆภายในร่างกาย
- ระหว่างการใช้ยานี้ ถ้าเกิดอาการระคายเคืองในบริเวณที่ทายา ควรหยุดการใช้ยานี้ทันที แล้วรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลอีกครั้ง เพื่อแพทย์พิจารณาปรับการรักษา
- ห้ามใช้ยานี้ในบริเวณผิวหนังที่มีการติดเชื้อ
- ห้ามรับประทานหรือทายานี้บริเวณตา
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคหัวใจล้มเหลว ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ผู้ป่วยโรคลมชัก ผู้ป่วยโรคต้อหิน ผู้ที่มีภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ/ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน ผู้ป่วยโรคตับ โรคไต ผู้ที่มีอาการทางจิต ด้วยตัวยานี้อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นกำเริบมากขึ้น
- หยุดการใช้ยานี้ทันทีเมื่อพบอาการแพ้ยานี้ เช่น ตัวบวม เกิดผื่นคัน หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก แล้วรีบมาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- การใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร จะต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์เท่านั้น
- ห้ามใช้ยานี้รักษาในภาวะร่างกายติดเชื้อไวรัส เช่น เริม หรือติดเชื้อรา หรือเชื้อแบคทีเรีย ด้วยจะทำให้อาการโรครุนแรงมากขึ้น
- ขณะใช้ยานี้ ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ พยาบาล เภสัชกร อย่างเคร่งครัด และมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาโคลเบทาซอลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
โคลเบทาซอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ด้วยยาโคลเบทาซอลเป็นยาใช้ภายนอก จึงยังไม่พบรายงานเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยารับประทานชนิดใดๆ
ควรเก็บรักษาโคลเบทาซอลอย่างไร?
ควรเก็บยาโคลเบทาซอลภายใต้อุณหภูมิ 25 องศาเซลเซียส(Celsius) ห้ามเก็บในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อน และความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
โคลเบทาซอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาโคลเบทาซอล ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Betasol (เบทาซอล) | Chew Brothers |
Chinovate (ชิโนเวท) | Chinta |
Clinoderm (ไคลโนเดอร์ม) | Bangkok Lab & Cosmetic |
Clobasone (โคลบาโซน) | Pharmaland |
Clobet Cream (โคลเบท ครีม) | Biolab |
Clobex (โคลเบ็กซ์) | Galderma |
Cobesol (โคเบซอล) | Community Pharm PCL |
Dergemate (เดอร์จีเมท) | General Drugs House |
Dermovate (เดอร์โมเวท) | GlaxoSmithKline |
Dermazone (เดอร์มาโซน) | Millimed |
P-Vate (พี-เวท) | Osoth Interlab |
Selma (เซลมา) | Greater Pharma |
Uniderm (ยูนิเดอร์ม) | Unison |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Clobetasol_propionate [2016,July30]
- https://www.drugs.com/cdi/clobetasol-cream.html [2016,July30]
- http://drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/medicine/essential/list/188#item-9031 [2016,July30]
- http://www.drugbank.ca/drugs/DB01013 [2016,July30]