เฮชไอวี VS เอดส์ (ตอนที่ 4)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 21 ธันวาคม 2558
- Tweet
ระยะที่ 2 เรียกว่า ระยะแฝง (Asymptomatic / latent period) เป็นระยะที่ไม่แสดงอาการ ซึ่งอาจกินเวลานานถึง 10 ปีหรือมากกว่า โดยคนอาจจะไม่รู้ว่าตัวเองติดเชื้อ ทำให้มีการแพร่เชื้อเฮชไอวีไปยังผู้อื่นได้
ระยะนี้เชื้อเฮชไอวีจะค่อยๆ ทำลายระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย ด้วยการทำลายเซลล์ CD4 T-cells
ระยะที่ 3 เป็นระยะเอดส์ (Acquired immune deficiency syndrome = AIDS) เกิดเมื่อจำนวน CD4 T-cells ได้ลดลงน้อยกว่า 200 ในระยะนี้หากไม่ได้รับการรักษามักจะเสียชีวิตภายในเวลาประมาณ 3 ปี แต่หากว่ามีการติดเชื้ออื่นเพิ่มเติมด้วยแล้วไม่รักษาก็จะเสียชีวิตภายในเวลาประมาณ 1 ปี
คนที่เป็นเอดส์จะมีความเสี่ยงสูงต่อการติดเชื้อ หรือที่เรียกว่า ความเจ็บป่วยของระยะเอดส์ (AIDS-defining illnesses) ที่มักจะแสดงออกด้วยอาการของ
- โรคมะเร็งคาโปซิซาร์โคมา (Kaposi's sarcoma) หรือที่แพทย์บางท่านเรียกย่อๆ ว่า โรคเคเอส (KS) ซึ่งมีลักษณะเป็นก้อนเนื้อหรือจุดสีคล้ำหรือม่วงที่ผิวหนังหรือในปาก
- โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง (Lymphoma)
- จิตใจเปลี่ยนแปลงและปวดศีรษะ เนื่องจากการติดเชื้อราหรือมีก้อนเนื้อในสมองและไขสันหลัง
- หายใจลำบากเพราะมีการติดเชื้อเกิดขึ้นที่ปอด
- สมองเสื่อม (Dementia)
- ขาดสารอาหารอย่างรุนแรง (Severe malnutrition)
- ท้องเสียเรื้อรัง
- Standard tests – เป็นการตรวจหาภูมิ (HIV antibodies) โดยอาศัยหลักที่ว่า ร่างกายจะสร้างภูมิเพื่อต่อสู้กับเชื้อ อย่างไรก็ดีวิธีนี้ไม่สามารถใช้ตรวจเชื้อเฮชไอวีในเลือดหลังการติดเชื้อทันที เพราะร่างกายต้องใช้เวลาในการสร้างภูมิอีกประมาณ 2-8 สัปดาห์ หรือบางทีก็กินเวลานาน 6 เดือน
- Rapid antibody tests สามารถทราบผลภายใน 30 นาที
- Antibody / antigen tests วิธีนี้เป็นการตรวจจากเลือดอย่างเดียว โดยใช้หาสารก่อภูมิต้านทานของเชื้อ (HIV antigen) ซึ่งสามารถทำได้หลังการติดเชื้อ 2-4 สัปดาห์ เป็นวิธีที่หน่วยงานป้องกันโรคติดต่อในสหรัฐอเมริกา (Centers for Disease Control = CDC) แนะนำให้ใช้
- Rapid antibody / antigen test สามารถทราบผลภายใน 20 นาที
- HIV and AIDS. http://www.nhs.uk/conditions/HIV/Pages/Introduction.aspx [2015, October 20].
- About HIV/AIDS. http://www.cdc.gov/hiv/basics/whatishiv.html [2015, October 20].
- HIV & AIDS Overview. http://www.webmd.com/hiv-aids/ [2015, October 20].
การที่จะรู้ว่าติดเชื้อเฮชไอวีหรือไม่ ทำได้ด้วยการตรวจหาเชื้อในเลือด (HIV test) ซึ่งถ้าได้ผลเป็นบวกแสดงว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้น ให้ทำการตรวจซ้ำอีก และให้รีบทำการรักษาทันที การทดสอบสามารถทำได้ด้วย
การทดสอบวิธีนี้จะใช้ตัวอย่างจากเลือด หรือปัสสาวะ หรือของเหลวที่ได้จากปาก นำไปวิเคราะห์ในห้องแล็ป
แหล่งข้อมูล