เอปทิฟิบาไทด์ (Eptifibatide)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 11 ธันวาคม 2560
- Tweet
- บทนำ
- เอปทิฟิบาไทด์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- เอปทิฟิบาไทด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เอปทิฟิบาไทด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เอปทิฟิบาไทด์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- เอปทิฟิบาไทด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เอปทิฟิบาไทด์อย่างไร?
- เอปทิฟิบาไทด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเอปทิฟิบาไทด์อย่างไร?
- เอปทิฟิบาไทด์มีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ไกลโคโปรตีน IIบี/IIIเออินฮิบิเตอร์
- ยาต้านเกล็ดเลือด (Antiplatelet drug)
- โรคหัวใจ: การซ่อมรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ (Coronary heart disease: Ballooning and bypass)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
บทนำ
ยาเอปทิฟิบาไทด์(Eptifibatide)เป็นยาต้านเกล็ดเลือดประเภท ไกลโคโปรตีน IIบี/IIIเออินฮิบิเตอร์ (Glycoprotein IIb/IIIa inhibitors) ทางคลินิกนำยานี้มาใช้รักษาภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายจากหลอดเลือดหัวใจที่ตีบ(Unstable angina) และยังใช้เป็นยาป้องกันการจับตัว/รวมตัวของเกล็ดเลือดขณะทำการขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน(Angioplasty) ยาเอปทิฟิบาไทด์เป็นอนุพันธ์ประเภทสารโปรตีนที่พบได้ในพิษงูหางกระดิ่ง(Sistrurus miliarius barbouri) รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของยาเอปทิฟิบาไทด์เป็นยาฉีด ร่างกายจะต้องใช้เวลาประมาณ 2.5 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านไปกับปัสสาวะ
ยาเอปทิฟิบาไทด์ จัดอยู่ในประเภทยาอันตรายที่มีอันตรายสูง ประกอบกับมีข้อจำกัดการใช้งานอยู่หลายประการ ซึ่งพอจะสรุปได้ดังนี้
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีภาวะตกเลือดภายใน 30 วันที่ผ่านมา
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติหลอดเลือดสมองแตก
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีระดับเกล็ดเลือดต่ำกว่า 100,000 เซลล์/ไมโครลิตร
- ห้ามใช้กับผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดใหญ่ภายใน 6 สัปดาห์ที่ผ่านมา
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการล้างไตเป็นประจำ
- ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีความดันโลหิตสูงมากกว่า 200/110 มิลลิเมตรปรอท (Systolic blood pressure >200 mm Hg / diastolic blood pressure >110 mm Hg) การที่จะใช้ยาเอปทิฟิบาไทด์กับผู้ป่วยกลุ่มนี้ แพทย์จะต้องใช้ยาควบคุมความดันโลหิตให้กลับมาเป็นปกติเสียก่อน
- การใช้ยานี้กับสตรีมีครรภ์/ตั้งครรภ์ สตรีในช่วงให้นมบุตร ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งของแพทย์เท่านั้น
- การจะใช้ยาอื่นใดร่วมกับยาต้านเกล็ดเลือดทุกประเภทรวมยาเอปทิฟิบาไทด์ต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์เท่านั้น
ในทางปฏิบัติแพทย์สามารถใช้ยาเอปทิฟิบาไทด์ร่วมกับยาต่างๆได้ เช่น Alteplase, Atropine, Dobutamine, Heparin, Lidocaine, Meperidine, Metoprolol Midazolam, Morphine, Nitroglycerin, หรือ Verapamil แต่ห้ามนำยาเอปทิฟิบาไทด์ ผสมร่วมกับ ยาFurosemide สิ่งสำคัญก่อนใช้ยาเอปทิฟิบาไทด์ บุคลากรทางการแพทย์จะต้องตรวจสภาพของภาชนะบรรจุยา ต้องไม่มีรอยปริแตกหรือมีสิ่งปนเปื้อนใดๆลงในตัวยาเอปทิฟิบาไทด์ สีของยานี้ต้องเป็นลักษณะดั้งเดิมเหมือนกับที่เริ่มต้นผลิต และห้ามใช้ยาที่หมดอายุแล้ว การเตรียมยาเอปทิฟิบาไทด์เพื่อฉีดให้ผู้ป่วย สามารถเจือจางตัวยานี้ร่วมกับสารละลาย 0.9% Sodium chloride หรือ 5% Dextrose
* ทั้งนี้ มีบันทึกงานวิจัยเกี่ยวกับการให้ยาเอปทิฟิบาไทด์เกินขนาดในสัตว์ทดลอง และพบว่าตัวยาจะทำให้ร่างกายของสัตว์ไม่ตอบสนองต่อสิ่งเร้าต่างๆ มีอาการหายใจขัด/หายใจลำบาก หนังตาตก การบีบหดตัวหรือการทำงานของกล้ามเนื้อลดลง อาการดังกล่าวสามารถใช้ทำนายผลลัพธ์ที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่ได้รับยาเอปทิฟิบาไทด์เกินขนาดได้เช่นเดียวกัน การช่วยเหลือในกรณีนี้ แพทย์จะใช้วิธีการฟอกเลือด เพียงสถานเดียว จากเหตุผลที่กล่าวมา บุคลากรทางการแพทย์ที่จะใช้ยานี้กับผู้ป่วย จะต้องได้รับการฝึกฝนจนชำนาญและปฏิบัติขั้นตอนการให้ยานี้กับผู้ป่วยอย่างถูกต้องโดยไม่มีข้อผิดพลาด
อนึ่ง หากมีข้อสงสัยเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อมูลของยาเอปทิฟิบาไทด์ ผู้ป่วย/ผู้บริโภคสามารถสอบถามเพิ่มเติมได้จากแพทย์ผู้ที่ให้การตรวจรักษา หรือจาก เภสัชกรในสถานพยาบาลนั้นๆได้
เอปทิฟิบาไทด์มีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาเอปทิฟิบาไทด์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- ป้องกันการจับตัว/รวมตัวของเกล็ดเลือดขณะขยายหลอดเลือดด้วยบอลลูน
- บำบัดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายจากหลอดเลือดหัวใจตีบ(Unstable angina) แนะนำอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง “โรคหัวใจ: การซ่อมรักษาหลอดเลือดหัวใจตีบ
เอปทิฟิบาไทด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาเอปทิฟิบาไทด์ มีกลไกการออกฤทธ์โดย ตัวยาจะเข้ารวมตัวกับตัวรับ(Receptor) ที่อยู่บริเวณพื้นผิวของเกล็ดเลือด ที่มีชื่อว่า Glycoprotein IIb receptor หรือ Glycoprotein IIIa receptor ส่งผลทำให้เกล็ดเลือดหมดความสามารถที่จะรวมตัวกับสารหรือโปรตีนบางอย่างที่จะก่อให้เกิดกระบวนการแข็งตัวของเลือด อย่างเช่น Fibrinogen , von willebrand factor จากกลไกที่กล่าวมา จึงทำให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
เอปทิฟิบาไทด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเอปทิฟิบาไทด์มีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาฉีด ที่มีส่วนประกอบของตัวยา Eptifibatide ขนาด 0.75 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร และ 2 มิลลิกรัม/มิลลิลิตร
เอปทิฟิบาไทด์มีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาเอปทิฟิบาไทด์ มีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา เช่น
ก. สำหรับการป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือดขณะการทำบอลลูน:
- ผู้ใหญ่: ฉีดยา 180 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เข้าหลอดเลือดดำก่อนเข้ารับการทำบอลลูน
• จากนั้น แพทย์จะให้หยดยาเอปทิฟิบาไทด์เข้าหลอดเลือดฯขนาด 2 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที
• ระหว่างนี้ แพทย์อาจให้ยาครั้งที่สอง โดยฉีดยาเข้าหลอดเลือดฯขนาด 180 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม โดยเว้นห่างจากการให้ยาครั้งแรก ไปแล้วประมาณ 10 นาที
• การหยดยาเข้าหลอดเลือดฯของผู้ป่วย จะสิ้นสุดเมื่อมีคำสั่งจากแพทย์ให้ผู้ป่วย
• กลับบ้านได้ หรืออาจใช้เวลาการหยดยาเข้าหลอดฯเลือดนาน 18-24 ชั่วโมง
• เวลาการหยดยาเข้าหลอดเลือด ไม่ควรน้อยกว่า 12 ชั่วโมง เป็นอย่างต่ำ
ข. สำหรับบำบัดอาการกล้ามเนื้อหัวใจตายด้วยหลอดเลือดหัวใจตีบ:
- ผู้ใหญ่: ฉีดยา 180 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม เข้าหลอดเลือดฯ
• จากนั้นให้หยดยาเข้าหลอดเลือดฯ 2 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที
• การหยดยาเข้าหลอดเลือดฯของผู้ป่วยจะสิ้นสุด เมื่อแพทย์มีคำสั่งให้ผู้ป่วยกลับบ้าน หรือใช้เวลาถึง 72 ชั่วโมง
• กรณีที่ผู้ป่วยต้องได้รับการทำบอลลูน หรือต้องเข้ารับหัตถการผ่าตัดหลอดเลือดหัวใจ(บายพาสหัวใจ)เพิ่มเติม แพทย์อาจสั่งให้หยดยานี้เข้าหลอดเลือดฯหลังการทำหัตถการดังกล่าวต่ออีก 18–24 ชั่วโมงโดย อาจต้องหยดยาเข้าหลอดเลือดนานถึง 96 ชั่วโมง
อนึ่ง:
- กรณีผู้ป่วยที่มีค่าครีเอตินินเคลียร์แรนซ์(Creatinine clearance) น้อยกว่า 50 มิลลิลิตร/นาที แพทย์จะลดขนาดการหยดยาเข้าหลอดเลือดฯเหลือเพียง 1 ไมโครกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/นาที
- เด็ก: ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิกที่แน่ชัดถึง ขนาดยานี้ ผลข้างเคียง และความปลอดภัยในการใช้ยานี้ในเด็ก การใช้ยานี้ในเด็ก จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยา เอปทิฟิบาไทด์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเอปทิฟิบาไทด์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยา กับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
เอปทิฟิบาไทด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเอปทิฟิบาไทด์สามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น อาจมีเลือดออกในกะโหลกศีรษะ/เลือดออกในสมอง
- ผลต่อกล้ามเนื้อ: เช่น ปวดหลัง
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น เลือดออกในทางเดินอาหาร
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น มีภาวะความดันโลหิตต่ำ
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น มีปริมาณเกล็ดเลือดต่ำจนเกิดภาวะเลือดออกง่าย
- ผลต่อระบบทางเดินหายใจ: เช่น เลือดออกในปอด
มีข้อควรระวังการใช้เอปทิฟิบาไทด์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเอปทิฟิบาไทด์ เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้ และ/หรือแพ้ส่วนประกอบของยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีมีครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร นอกจากมีคำสั่งแพทย์
- หลีกเลี่ยง กิจกรรมต่างๆ กีฬาต่างๆ ที่อาจก่อให้เกิดการบาดเจ็บหรือบาดแผลตามร่างกายหลังจากได้รับยานี้มาใหม่ๆ เพราะจะทำให้เกิดภาวะตกเลือดจากแผลนั้นๆได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของ แพทย์ พยาบาล เภสัชกร และมารับการตรวจรักษา/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาเอปทิฟิบาไทด์ด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
เอปทิฟิบาไทด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเอปทิฟิบาไทด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การใช้ยาเอปทิฟิบาไทด์ร่วมกับ ยาต้านเกล็ดเลือดชนิดอื่นๆ แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันภาวะเลือดออกง่าย รวมถึงอาการข้างเคียงต่างๆจากยาต่างๆที่ใช้ร่วมกัน
- การใช้ยาเอปทิฟิบาไทด์ร่วมกับยา Urokinase, Ticlopidine, จะก่อให้เกิดภาวะเลือดออกง่าย หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีบุคคลไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเอปทิฟิบาไทด์ร่วมกับยา Apixaban, Tipranavir, ด้วยจะเสี่ยงต่อการเกิดภาวะเลือดออกง่าย
ควรเก็บรักษาเอปทิฟิบาไทด์อย่างไร?
ควรเก็บยาเอปทิฟิบาไทด์ภายใต้อุณหภูมิ 2–8 องศาเซลเซียส(Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
เอปทิฟิบาไทด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเอปทิฟิบาไทด์ มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Integrilin (อินเทกริลิน) | Patheon |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Eptifibatide [2017,Nov25]
- https://www.merck.com/product/usa/pi_circulars/i/integrilin/integrilin_pi.pdf [2017,Nov25]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/eptifibatide?mtype=generic [2017,Nov25]
- https://www.drugs.com/integrilin.html [2017,Nov25]
- https://www.drugs.com/dosage/integrilin.html [2017,Nov25]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/eptifibatide,integrilin-index.html?filter=3&generic_only= [2017,Nov25]