เลโวคาบาสทีน (Levocabastine)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 5 พฤศจิกายน 2565
- Tweet
สารบัญ
- บทนำ: คือยาอะไร?
- เลโวคาบาสทีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
- เลโวคาบาสทีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เลโวคาบาสทีนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เลโวคาบาสทีนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร?
- เลโวคาบาสทีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เลโวคาบาสทีนอย่างไร?
- เลโวคาบาสทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเลโวคาบาสทีนอย่างไร?
- เลโวคาบาสทีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
บทความที่เกี่ยวข้อง
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- เอช 1 แอนตาโกนิสต์ (H1 antagonists)
- เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้ (Allergic conjunctivitis)
- ยาพ่นจมูก (Nasal Sprays)
- ยาหยอดตา (Eye drops)
- โรคภูมิแพ้ (Allergy)
- ยาแก้แพ้ ยาลดน้ำมูก ยาแอนติฮิสตามีน (Antihistamine drug)
บทนำ: คือยาอะไร?
เลโวคาบาสทีน (Levocabastine) คือ ยาแก้แพ้/ ยาต้านฮิสตามีน(Histamine) ในกลุ่มยา เอช 1 แอนตาโกนิสต์ (H1antagonists/ Histamine 1 receptor antagonist), โดยถูกนำมาใช้รักษาอาการแพ้ เช่น เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้, รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยานี้ เช่น ยาพ่นจมูก ยาหยอดตา, แต่ในบทความนี้จะกล่าวถึงรูปแบบของ 'ยาหยอดตา' เท่านั้น
ยาเลโวคาบาสทีน ถูกค้นพบในปี ค.ศ.1979 (พ.ศ.2522), มีกลไกการออกฤทธิ์โดยป้องกันอาการแพ้ของตาจากสารฮิสตามีน และการใช้ยานี้จะต้องเป็นไปตามคำสั่งของแพทย์ผู้ตรวจรักษาเท่านั้น
ก่อนการสั่งจ่ายยาหยอดตาเลโวคาบาสทีน แพทย์จะพิจารณาเงื่อนไขต่างๆ มาประกอบ เช่น
- ผู้ป่วยมีประวัติแพ้ยาเลโวคาบาสทีน หรือแพ้ยาอื่นๆมาก่อนหรือไม่
- หากเป็นผู้ป่วยเด็ก(นิยามคำว่าเด็ก)ที่อายุต่ำกว่า 12ปีลงมา ไม่สมควรที่จะใช้ยานี้ด้วยยัง ไม่มีข้อมูลทางคลินิกมาสนับสนุนความปลอดภัยของการใช้ยากับผู้ป่วยกลุ่มนี้
- ต้องเพิ่มความระวังอย่างมากหากจะใช้ยาหยอดตาชนิดนี้กับ สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร รวมถึงผู้สูงอายุ ด้วยยังไม่มีการศึกษาความปลอดภัยทางคลินิกอย่างเพียงพอ
- มีการใช้ยาหยอดตาชนิดใดอยู่ก่อนหรือไม่ ด้วยยาบางประเภทอาจรบกวนการออกฤทธิ์ซึ่งกันและกันได้, และหากผู้ป่วยได้รับยาหยอดตากับยาขี้ผึ้งป้ายตาในเวลาเดียวกัน ให้ใช้ยาหยอดตาก่อนและทิ้งเวลาประมาณ 5 – 10 นาที แล้วจึงใช้ยาขี้ผึ้งป้ายตา
นอกจากนั้น การใช้ยาหยอดตาเลโวคาบาสทีน ยังต้องคำนึงถึงสุขอนามัย หรือการปฏิบัติตัวก่อนใช้เสมอ เช่น ต้องล้างทำความสะอาดมือทุกครั้งก่อนใช้ยา, ไม่ควรให้ปลายหลอดหยดยาสัมผัสกับตา เปลือกตา/หนังตา นิ้วมือ หรือสัมผัสฝุ่นผง, ทั้งนี้เพื่อหลีกเลี่ยงการปนเปื้อนต่างๆซึ่งจะทำให้เกิดสิ่งผิดปกติในตาและมีอาการติดเชื้อติดตามมา
กรณีมีผู้ป่วยใส่คอนแทคเลนส์ ควรต้องถอดเก็บให้เรียบร้อยแล้วจึงใช้ยาหยอดตา, และควรต้องรอให้ยาออกฤทธิ์ประมาณ 15 นาทีเป็นอย่างต่ำ จึงใส่คอนแทคเลนส์ได้ใหม่
ห้ามใช้ยาหยอดตาเลโวคาบาสทีนแบบผิดวัตถุประสงค์ เช่น นำไปหยอดจมูก หรือรับประทาน
ก่อนหยอดตาด้วยยาหยอดตาทุกชนิดรวมยาเลโวคาบาสทีน ต้องเรียนรู้เทคนิคการใช้ยาหยอดตาอย่างถูกต้องจากแพทย์ พยาบาล เภสัชกร เช่น ดึงเปลือกตาล่างลงอย่างพอเหมาะแล้วค่อยทำการหยอดยา, หลับตาโดยไม่ต้องกระพริบตาเป็นเวลาประมาณ 1 – 2 นาที, เพื่อช่วยให้ยากระจายไปทั่วลูกตา
หลังใช้ยาหยอดตา ต้องเก็บ โดยปิดปากขวดให้สนิท และเก็บในที่เหมาะสม, โดยทั่วไปยาหยอดตาที่เปิดใช้แล้ว สามารถใช้ต่อเนื่องได้นานไม่เกิน 1 เดือน ทั้งนี้เพื่อลดความเสี่ยงของประสิทธิภาพการรักษา เพราะการสัมผัสกับอากาศทุกครั้งที่เปิดใช้ยา อาจทำให้ยาเสื่อมคุณภาพลง รวมถึงเพื่อลดความเสี่ยงจากการปนเปื้อนสิ่งสกปรกต่างๆ ด้วย
การใช้ยาเลโวคาบาสทีนเพื่อรักษาอาการแพ้ อาจจะเห็นผลอย่างชัดเจนเมื่อผู้ป่วยใช้ยาต่อเนื่องในขนาดตามแพทย์สั่งไปแล้วเป็นเวลาประมาณ 2 – 3 วัน
สามารถใช้ยาเลโวคาบาสทีนหยอดตาได้อย่างต่อเนื่อง และหยุดใช้ยาตามความเหมาะสม แต่ทั้งนี้ต้องอยู่ภายใต้การกำกับดูแลของแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น
เลโวคาบาสทีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) รักษาโรคอะไร?
ยาเลโวคาบาสทีนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้: เช่น
- บำบัดรักษาอาการแพ้ของตา (เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้) เช่น ตาเกิดอาการ คัน ระคายเคือง มีอาการบวม ตาแดง และน้ำตาออกมาก
เลโวคาบาสทีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาเลโวคาบาสทีนมีกลไกการออกฤทธิ์ โดยตัวยาจะยับยั้งการทำงานของสารฮิสตามีน ซึ่งเป็นตัวกระตุ้นให้ตาเกิดอาการแพ้ (เยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้), จากกลไกนี้ จะช่วยให้อาการแพ้ต่างๆ เช่น การระคายเคืองตา อาการคันของตาทุเลา และดีขึ้นเป็นลำดับ
เลโวคาบาสทีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเลโวคาบาสทีน มีรูปแบบการจัดจำหน่าย: เช่น
- ยาหยอดตา ขนาดความเข้มข้น 0.05%
- ยาพ่นจมูก (ไม่กล่าวในบทความนี้)
เลโวคาบาสทีนมีขนาดการบริหารยาอย่างไร?
ยาเลโวคาบาสทีน มีขนาดการบริหารยา/ใช้ยา: เช่น
- ผู้ใหญ่และเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปีขึ้นไป: เช่น หยอดยาในตาข้างที่มีอาการแพ้ 1 หยด, วันละ 2 – 4 ครั้ง
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี: ทางคลินิก ยังไม่มีข้อมูลเรื่องผลข้างเคียงของยานี้ในเด็กกลุ่มนี้อย่างชัดเจน การใช้ยานี้ในเด็กกลุ่มนี้ จึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีไป
*อนึ่ง: อาการแพ้ จะค่อยๆดีขึ้นหลังจากเริ่มใช้ยานี้ กรณีที่ใช้ยานี้ไปแล้วประมาณ 3 วัน แล้วอาการยังไม่ดีขึ้นหรือกลับแย่ลง, ให้รีบพาผู้ป่วยกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาล เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาเลโวคาบาสทีน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และเภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก/หอบเหนื่อย
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเลโวคาบาสทีน อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนม หรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมใช้ยาควรทำอย่างไร?
หากลืมหยอดยาเลโวคาบาสทีน ให้หยอดยาทันทีที่นึกขึ้นได้ หากเวลาใกล้เคียงกับการหยอดยาในครั้งถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดที่ใช้หยอดยาเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ตาม เพื่อประสิทธิภาพของการรักษา ควรหยอดยาเลโวคาบาสทีน ตรงตามเวลา
เลโวคาบาสทีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ที่อาจพบได้จากการใช้ยาเลโวคาบาสทีน: เช่น
- ปวดตา
- แสบคันตา
- เยื่อตามีสีแดง/ตาแดง
- การมองภาพในขณะหยอดยาไม่ชัดเจน
*กรณีเกิดอาการข้างเคียงแบบรุนแรง ผู้ป่วยอาจมีผื่นคันตามผิวหนัง, แน่นอึดอัด/หายใจไม่ออก/หายใจลำบาก, ปาก-ตา-ใบหน้าบวม, *หากพบอาการเหล่านี้หลังใช้ยานี้ ต้องหยุดใช้ยานี้ แล้วรีบนำตัวผู้ป่วยมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยเร็ว ทันที/ฉุกเฉิน
มีข้อควรระวังการใช้เลโวคาบาสทีนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเลโวคาบาสทีน: เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร เด็ก และผู้สูงอายุ โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์
- ห้ามรับประทานยานี้ หรือนำไปหยอดหู
- ห้ามปรับขนาดการใช้ยาด้วยตนเอง
- ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
- ห้ามหยอดยานี้ขณะใส่คอนแทคเลนส์
- หลังเปิดใช้ยานี้แล้ว ห้ามใช้ยานี้นานเกิน 1 เดือน
- ห้ามล้างปลายหลอด/ขวดที่ใช้หยอดยานี้ ด้วยจะเกิดการปนเปื้อนจากน้ำ
- หลีกเลี่ยงการขับขี่ยวดยานพาหนะ และ/หรือการทำงานกับเครื่องจักร ขณะที่มีการหยอดยานี้ เพราะการมองภาพในขณะหยอดยาจะไม่ชัดเจน จึงอาจเกิดอุบัติเหตุได้ง่าย
- ขณะหยอดยานี้ ห้ามมิให้ปลายหลอดหยดยาสัมผัสตา เปลือกตา/หนังตา หรือนิ้วมือ
- ยาเลโวคาบาสทีน เป็นยาแก้แพ้ ไม่สามารถนำไปบำบัดการติดเชื้อของตาได้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำในการใช้ยานี้ของแพทย์อย่างเคร่งครัด
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ "ยา" ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาเลโวคาบาสทีนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
เลโวคาบาสทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยังไม่มีรายงานการเกิดปฏิกิริยาระหว่างยาหยอดตาเลโวคาบาสทีน กับยาชนิดรับประทานใดๆ
ควรเก็บรักษาเลโวคาบาสทีนอย่างไร?
ควรเก็บยาเลโวคาบาสทีน: เช่น
- เก็บยาในช่วงอุณหภูมิ 15 – 30 องศาเซลเซียส(Celsius)
- ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น
- ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
*อนึ่ง: หากเปิดใช้ยาเลโวคาบาสทีนแล้ว ไม่ควรใช้ยาเกิน 30 วัน
เลโวคาบาสทีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเลโวคาบาสทีน มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Livostin (ลิโวสติน) | Janssen |