เลือดจาง....ไปไหนกัน (ตอนที่ 2)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 13 มิถุนายน 2557
- Tweet
ภาวะเลือดจาง (Anemia) เป็นภาวะที่ร่างกายขาดเซลล์เม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบิน (Hemoglobin) เพราะฮีโมโกลบินเป็นส่วนสำคัญของเซลล์เม็ดเลือดแดงและเป็นตัวนำออกซิเจนไปสู่ส่วนต่างๆ ของร่างกาย ดังนั้นหากมีเซลล์เม็ดเลือดแดงหรือฮีโมโกลบินที่ผิดปกติหรือต่ำ เซลล์ต่างๆ ในร่างกายก็จะได้รับออกซิเจนไม่พอ
ภาวะเลือดจางเป็นภาวะที่เกิดขึ้นปกติในสหรัฐอเมริกา มีชาวอเมริกันประมาณ 3.5 ล้านคนที่มีภาวะเลือดจาง ผู้หญิงและคนที่เป็นโรคเรื้อรังจะมีความเสี่ยงสูงในการมีภาวะเลือดจาง ทั้งนี้ ปัจจัยความเสี่ยงที่เป็นสาเหตุ มีดังนี้
- การขาดวิตามิน โดยเฉพาะธาตุเหล็ก วิตามินบี 12 และโฟเลต
- มีความผิดปกติของลำไส้ในการดูดซึมสารอาหาร เช่น เป็นโรคโรคโครนส์ (Crohn's disease) หรือที่เรียกว่า ลำไส้เล็กอุดตันบางส่วน โรคลำไส้อักเสบ (Celiac disease) หรือมีการผ่าตัดลำไส้เล็กในส่วนที่ทำหน้าที่ดูดซึมสารอาหารออกไป
- การมีประจำเดือน ที่ทำให้มีการสูญเสียเลือด
- การตั้งครรภ์ เพราะทารกใช้ฮีโมโกลบินในการเจริญเติบโต
- การเป็นโรคเรื้อรัง เช่น มะเร็ง ไต หรือตับ ที่เป็นสาเหตุให้เซลล์เม็ดเลือดแดงขาด
- มีประวัติครอบครัวเป็น
- ปัจจัยอื่น เช่น มีการติดเชื้อ เป็นโรคเลือด ภูมิต้านทานผิดปกติ เป็นโรคพิษสุราเรื้อรัง (Alcoholism) ได้รับสารเคมีที่เป็นพิษ และมีการใช้ยาที่มีผลต่อการผลิตเซลล์เม็ดเลือด
ภาวะเลือดจางมีหลายชนิด มีสาเหตุและการรักษาที่ต่างกันไป ภาวะเลือดจางจากการขาดธาตุเหล็กเป็นชนิดที่พบมากที่สุด ซึ่งสามารถรักษาได้ด้วยการเปลี่ยนแปลงอาหารและการกินธาตุเหล็กเสริม
ภาวะเลือดจางมีมากกว่า 400 ชนิด ซึ่งแบ่งออกได้เป็น 3 กลุ่มใหญ่ๆ คือ 1) ภาวะเลือดจางจากการสูญเสียเลือด 2) ภาวะเลือดจางจากการผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงได้น้อยลง และ 3) ภาวะเลือดจางจากการที่เซลล์เม็ดเลือดแดงถูกทำลาย
- ภาวะเลือดจางจากการสูญเสียเลือด - สามารถเกิดขึ้นได้อย่างช้าๆ เป็นระยะเวลานาน โดยที่เราอาจไม่รู้ ซึ่งอาจมีสาเหตุจากการ
- เป็นแผลเปื่อย (Ulcers) ริดสีดวงทวารหนัก (Hemorrhoids) กระเพาะอาหารอักเสบ (Gastritis) และมะเร็ง
- เกิดจากการใช้ยาต้านอักเสบที่ไม่ใช่สตีรอยด์ (Nonsteroidal anti-inflammatory drugs = NSAIDs) เช่น ยาแอสไพริน ยาไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ซึ่งอาจทำให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร
- การมีประจำเดือนและการคลอดบุตรของผู้หญิง โดยเฉพาะเวลาที่ประจำเดือนมามากหรือมีการตั้งครรภ์บ่อย
แหล่งข้อมูล
1. Understanding Anemia -- the Basics. http://www.webmd.com/a-to-z-guides/understanding-anemia-basics [2014, June 12].
2. Risk factors. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/anemia/basics/risk-factors/con-20026209 [2014, June 12].