เพโรสไปโรน (Perospirone)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 19 กันยายน 2560
- Tweet
- บทนำ
- เพโรสไปโรนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- เพโรสไปโรนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เพโรสไปโรนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เพโรสไปโรนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- เพโรสไปโรนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เพโรสไปโรนอย่างไร?
- เพโรสไปโรนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเพโรสไปโรนอย่างไร?
- เพโรสไปโรนมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- โรคจิต (Psychosis)
- อารมณ์สองขั้ว หรือ ไบโพล่า (Bipolar disorder)
- เซโรโทนิน-โดพามีน แอนตาโกนิสต์/เอสดีเอ (Serotonin-Dopamine Antagonists)
- จิตเภท
- กลุ่มอาการยึกยือเหตุจากยา (Tardive dyskinesia)
บทนำ
ยาเพโรสไปโรน(Perospirone หรือ Perospirone hydrochloride หรือ Perospirone HCl หรือ Perospirone hydrochloride hydrate) เป็นยาที่ใช้รักษาโรคจิต(Atypical antipsychotic) รวมถึงโรคอารมณ์สองขั้วชนิดเฉียบพลันที่มีอาการเพ้อคลั่ง(Bipolar mania) และมีการใช้ทางคลินิกครั้งแรกในประเทศญี่ปุ่น เมื่อปี ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544)
ยาเพโรสไปโรนมีรูปแบบเภสัชภัณฑ์เป็นยาชนิดรับประทาน หลังถูกดูดซึมจากระบบทางเดินอาหาร ตัวยาในกระแสเลือดจะถูกตับทำลายอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 1.9–2.5 ชั่วโมง เพื่อกำจัดยานี้ทิ้งไปกับปัสสาวะ
ยาเพโรสไปโรน เป็นยาในกลุ่ม Serotonin-dopamine antagonist มีกลไก การออกฤทธิ์ในสมองกับตัวรับ(Receptor)ที่มีชื่อเรียกว่า Dopamine 2 receptors, Serotonin 2A receptors และ Serotonin 1A receptors ส่งผลกับสมดุลของสารสื่อประสาทที่มีอิทธิพลต่อกระบวนการรับรู้ของผู้ป่วย โดยทั่วไป ผู้ป่วยที่มีอาการทางจิตเภทและได้รับประทานยานี้ จะมีอาการดีขึ้นเป็นลำดับภายในระยะเวลาประมาณ 7 วัน แต่อาจต้องใช้เวลาอยู่นานหลายสัปดาห์ จึงจะทำให้อาการทางจิตฟื้นสภาพได้อย่างเต็มที่ โดยผู้ป่วยต้องใช้ยานี้อย่างต่อเนื่องเฉลี่ยประมาณ 4–6 สัปดาห์เป็นอย่างต่ำ อย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยบางกลุ่มอาจต้องใช้ยาเพโรสไปโรนยาวนาน 16–20 สัปดาห์ จึงจะทำให้อาการทางจิตกลับมาดูเหมือนปกติ
เราจะสังเกตได้ว่าผู้ที่ได้รับยาเพโรสไปโรนจะลดอารมณ์ความก้าวร้าวลง มีการตอบสนองและรับรู้ต่อสภาพทางสังคมได้ดีขึ้น และผู้ป่วยหลายคนที่ได้รับการบำบัดด้วยยานี้อย่างถูกต้อง จะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนคนปกติ มีหน้าที่การงานทำได้ไม่แตกต่างจากคนทั่วไป
กรณีที่ใช้ยาเพโรสไปโรนแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะหันมาพิจารณาใช้ยารักษาโรคจิตตัวอื่น อาทิยา Risperidone, Olanzapine, Quetiapine, Aripiprazole, Paliperidone, Asenapine, Iloperidone, และ Lurasidone แต่หากอาการผู้ป่วยยังไม่ดีขึ้นอีก แพทย์อาจพิจารณาใช้ยาClozapine มาทดแทน และกรณีที่ยาClozapine ยังไม่สามารถทำให้อาการป่วยดีขึ้น แพทย์มีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนมาใช้ยา Valproate หรือ Lamotrigine ในทางทฤษฎี การใช้ยาอย่างเป็นลำดับขั้นดังกล่าว จะช่วยทำให้อาการทางจิตประสาทดีขึ้น
ระหว่างที่ใช้ยาเพโรสไปโรน ยังต้องเฝ้าระวังเรื่องน้ำหนักตัวผู้ป่วยที่อาจเพิ่มขึ้น รวมถึงระดับน้ำตาลในเลือดและระดับไขมันในเลือด ที่อาจสูงขึ้นผิดปกติ นอกจากนี้ยังต้องพิจารณา การทำงานของหัวใจ ความผิดปกติของจำนวนเม็ดเลือดขาว และหมั่นตรวจวัดความดันโลหิตว่าสูงขึ้นหรือไม่
ยาเพโรสไปโรนอาจก่อให้เกิดอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)ที่อาจเป็นอุปสรรคหรือรบกวนการดำเนินชีวิตประจำวันของผู้ป่วย เช่น เกิดอาการ คลื่นไส้อาเจียน อาการชัก อนึ่ง การใช้ยานี้กับผู้สูงอายุอาจทำให้มีภาวะความจำเสื่อมและตัวยานี้ สามารถกระตุ้นให้เกิดโรคหลอดเลือดสมองจนเป็นเหตุให้เสียชีวิตได้
กรณีที่อาการผู้ป่วยดีขึ้นและแพทย์พิจารณาว่าสมควรหยุดการใช้ยาเพโรสไปโรน ในทางปฏิบัติ แพทย์จะค่อยๆปรับลดขนาดการรับประทานทีละน้อยเป็นลำดับ ซึ่งอาจต้อง ใช้เวลาประมาณ 6–8 สัปดาห์ จึงหยุดการใช้ยานี้ได้อย่างปลอดภัย การหยุดใช้ยานี้ทันทีหรือหยุดใช้กะทันหัน อาจทำให้ภาวะทางจิตกลับมามีอาการรุนแรงมากขึ้น
การใช้ยารักษาอาการทางจิตประสาทกับผู้ป่วยทุกรายรวมถึงยาเพโรสไปโรน ยังต้อง อาศัยญาติเข้ามามีบทบาทในการควบคุมการรับประทานยาให้เป็นไปตามคำสั่งแพทย์ และคอยเฝ้าสังเกตอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด ตลอดจนให้กำลังใจกับผู้ป่วยเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจให้กลับมาเป็นปกติโดยเร็ว
ทั้งนี้ ในตลาดการค้ายาแผนปัจจุบัน เราจะพบเห็นการจัดจำหน่ายตัวยาเพโรสไปโรนภายใต้ชื่อการค้าว่า Lullan
เพโรสไปโรนมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาเพโรสไปโรนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เพื่อ
- รักษาอาการทางจิตเภท และโรคอารมณ์สองขั้วที่มีอาการเพ้อคลั่ง
เพโรสไปโรนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาเพโรสไปโรนเป็นยาประเภท Serotonin-dopamine antagonist มีกลไกออกฤทธิ์กับตัวรับในสมอง ดังนี้
- ปิดกั้นตัวรับที่มีชื่อเรียกว่า Dopamine 2 receptors ส่งผลให้อาการทางจิตประสาท ดีขึ้น
- ปิดกั้นตัวรับที่มีชื่อเรียกว่า Serotonin 2A receptors ทำให้มีการปลดปล่อยสารสื่อประสาท โดพามีน/Dopamine ในสมองได้มากขึ้น ส่งผลให้การรับรู้ของผู้ป่วยกลับมาเป็นปกติ
- รบกวนหรือก่อกวนการทำงานของตัวรับชนิด Serotonin 1A receptors ซึ่งจะส่งผลดีต่อกระบวนการรับรู้ของสมอง
จากกลไกดังกล่าว ทำให้เกิดการออกฤทธิ์รักษาสภาพจิต และเป็นที่มาของสรรพคุณ
เพโรสไปโรนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเพโรสไปโรนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Perospirone ขนาด 4 และ 8 มิลลิกรัม/เม็ด
เพโรสไปโรนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาเพโรสไปโรนมีขนาดรับประทาน เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทานเริ่มต้น 4 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวัน แพทย์อาจปรับเพิ่มขนาดรับประทานจนสูงถึง 16 มิลลิกรัม 3 ครั้งต่อวันโดยขึ้นกับอาการและการตอบสนองต่อยานี้ของผู้ป่วย และรับประทานยานี้ หลังอาหาร
- เด็ก: ยังไม่มีข้อมูลทางคลินิก ด้านความปลอดภัยของการใช้ยานี้กับเด็ก
อนึ่ง:
- การปรับเพิ่มหรือลดขนาดรับประทานของยานี้ ต้องอยู่ภายใต้คำสั่งแพทย์เท่านั้น
- กรณีผู้สูงอายุ แพทย์จะใช้ยานี้ในขนาดต่ำๆก่อน
- อาการข้างเคียงบางอย่างจากการใช้ยาเพโรสไปโรนคือ ทำให้ผู้ป่วยมีความรู้สึกกระวนกระวายทางจิตใจ และส่งผลต่อกล้ามเนื้อ ทำให้ผู้ป่วยต้องเปลี่ยนท่าทางบ่อยๆหรือที่เรียกกันว่า Akathisia กรณีนี้แพทย์อาจใช้ยาในกลุ่มBenzodiazepines มาช่วยบรรเทาอาการดังกล่าว
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาเพโรสไปโรน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ อย่างเช่น โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ โรความดันโลหิตสูง โรคความดันโลหิตต่ำ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเพโรสไปโรนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาเพโรสไปโรน สามารถรับประทานทันทีเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า ให้รับประทานยาที่ขนาดปกติ
แต่เพื่อประสิทธิผลของการรักษา ควรรับประทานยาเพโรสไปโรนตรงเวลา
เพโรสไปโรนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเพโรสไปโรน สามารถก่อให้เกิด ผลไม่พึงประสงค์จากยา(ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกาย ดังนี้ เช่น
- ผลต่อสภาพจิตใจ: เช่น รู้สึกอยู่ไม่เป็นสุขต้องเคลื่อนที่ตลอดเวลา มีอาการนอนไม่หลับ วิตกกังวล
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ง่วงนอน ปวดศีรษะ เกิดภาวะTardive dyskinesia
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น มีอาการ ท้องผูก คลื่นไส้ อาเจียน
- ผลต่อระบบการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น น้ำตาลในเลือดสูง ไขมันในเลือดสูง เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง
- ผลต่อสมอง: เช่น อาจเกิดอาการป่วยด้วยโรคหลอดเลือดสมอง
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น เกิดภาวะเม็ดเลือดขาวต่ำ
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตสูง
มีข้อควรระวังการใช้เพโรสไปโรนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเพโรสไปโรน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้ใน หญิงตั้งครรภ์ ให้นมบุตร และเด็ก โดยไม่มีคำสั่งแพทย์
- ห้ามปรับเปลี่ยนขนาดรับประทานเอง
- ห้ามหยุดรับประทานยานี้อย่างกะทันหัน
- ระหว่างใช้ยาชนิดนี้ต้องเฝ้าระวัง โรคเบาหวาน น้ำหนักตัวขึ้นสูง ระดับไขมันในเลือดสูง รวมถึงความดันโลหิตสูง
- ระวังการใช้ยานี้ผู้ป่วย โรคตับ โรคไต โรคหัวใจ
- มาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจร่างกายและการตรวจอาการทางจิตประสาท ตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาเพโรสไปโรนด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพร ต่างๆเพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
เพโรสไปโรนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเพโรสไปโรนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเพโรสไปโรนร่วมกับยา Ketoconazole, Nefazodone, Fluvoxamine, Fluoxetine, ด้วยจะทำให้ระดับยาเพโรสไปโรนในกระแสเลือดมีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นจนทำให้ผู้ป่วยได้รับอาการข้างเคียงสูงขึ้นตามมาจากยาเพโรสไปโรน
- ห้ามใช้ยาเพโรสไปโรนร่วมกับยา Carbamazepine เพราะจะทำให้ระดับตัวยา เพโรสไปโรนในกระแสเลือดลดน้อยลงจนส่งผลทำให้ประสิทธิภาพการรักษาของยาเพโรสไปโรนด้อยลงตามไปด้วย
ควรเก็บรักษายาเพโรสไปโรนอย่างไร?
ควรเก็บยาเพโรสไปโรนตามคำแนะนำในเอกสารกำกับยา ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
เพโรสไปโรนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเพโรสไปโรน มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Lullan (ลัลแลน) | Dainippon Sumitomo Pharma |