“เบเซ็ท” โรคหายาก (ตอนที่ 2)

เบเซ็ท-2

ทั้งนี้ อวัยวะส่วนใหญ่ที่ถูกกระทบจากโรคเบเซ็ท ได้แก่

  • ปาก – เป็นบริเวณที่มีอาการมากที่สุดในผู้ป่วยโรคเบเซ็ท โดยมีอาการคล้ายแผลร้อนใน (Canker sores) เป็นจำนวนมากและเป็นบ่อย แผลใหญ่และเจ็บ อาจเป็นแผลเดี่ยวหรืออยู่กันเป็นกลุ่ม อาการเจ็บมักหายใน 1-3 สัปดาห์ และเกิดขึ้นอีก
  • ผิวหนัง – บางคนอาจมีอาการเจ็บเหมือนเป็นสิวที่ร่างกายหรือที่เรียกว่า “ขนคุด” (Pseudofolliculitis) บางคนอาจมีตุ่มแดงหรือที่เรียกว่า Erythema nodosum ซึ่งเป็นการอักเสบที่เกิดกับชั้นไขมันใต้ผิวหนังที่มีลักษณะเป็นสีแดงนูนขึ้นมา โดยเฉพาะบริเวณขาส่วนล่าง
  • อวัยวะเพศ (Genitals) – มักปวดแดงเป็นแผลที่ถุงอัณฑะ (Scrotum) หรือ ปากช่องคลอด (Vulva) การเป็นแผลที่อวัยวะเพศมักจะทิ้งรอยแผลไว้ ทั้งนี้ แผลที่เกิดจากโรคเบเซ็ทจะไม่ติดต่อทางเพศสัมพันธ์
  • ตา – โรคเบเซ็ทอาจเป็นสาเหตุให้เกิดการอักเสบในตาที่เรียกว่า ม่านตาอักเสบ (Uveitis) ทำให้ตาแดง ปวด เห็นภาพไม่ชัด ในตาข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้งสองข้าง โดยเป็นๆ หายๆ หรืออาจเป็นสาเหตุทำให้ตาบอดได้
  • ข้อต่อ – ทำให้ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อศอก ข้อมือ ปวดบวม ซึ่งอาจจะหายเองใน 1-3 สัปดาห์
  • ระบบไหลเวียนโลหิต (Vascular system) – หลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดงอาจอักเสบ ทำให้แขนหรือขาปวดบวมแดงเมื่อมีการตีบของหลอดเลือด และหากมีการอักเสบในหลอดเลือดแดงใหญ่ก็สามารถทำให้เกิดอาการแทรกซ้อนได้ เช่น หลอดเลือดตีบตัน หรือ หลอดเลือดโป่งพอง (Aneurysms)
  • ระบบย่อยอาหาร (Digestive system) – การอักเสบเกิดขึ้นได้ตลอดระบบทางเดินอาหารตั้งแต่ปากจนถึงทวารหนัก โดยเฉพาะลำไส้เล็กส่วนปลาย (Terminal ileum) และลำไส้ใหญ่ส่วนต้น (Cecum) ซึ่งโรคเบเซ็ทอาจทำให้มีอาการปวดท้อง อาเจียน ท้องเสีย อาหารไม่ย่อย เบื่ออาหาร และเลือดออกในช่องท้องได้
  • หลอดเลือด – ทำให้มีลิ่มเลือด (Blood clots) เกิดขึ้น ที่เห็นได้ชัดคือ เส้นเลือดขอด (Deep vein thrombosis = DVT) หลอดเลือดดำในสมองอุดตัน (Cerebral venous thrombosis = CVT)
  • สมอง – โรคเบเซ็ทอาจเป็นสาเหตุให้สมองและระบบประสาทอักเสบ ซึ่งทำให้มีอาการปวดศีรษะ เป็นไข้ งุนงงสับสน (Disorientation) การทรงตัวไม่ดี (Poor balance) เยื่อหุ้มสมองอักเสบที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ (Aseptic meningitis) หรือ หลอดเลือดสมองตีบ (Stroke)

อาการแทรกซ้อนของโรคเบเซ็ทจะขึ้นอยู่กับบริเวณที่มีเป็น เช่น ถ้าเกิดที่ตา อาจทำให้การเห็นลดลงหรือตาบอดได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างต่อเนื่อง

ปัจจุบันยังไม่มีวิธีวินิจฉัยโรคที่แน่ชัดสำหรับโรคเบเซ็ท ดังนั้นแพทย์อาจจะให้ทำการทดสอบหลายวิธีเพื่อหาสาเหตุ เช่น

  • การตรวจเลือด
  • การตรวจปัสสาวะ
  • การสแกน เช่น ซีทีสแกน เอ็มอาร์ไอ
  • การตัดชิ้นเนื้อจากผิวหนังส่งตรวจ (Skin biopsy)
  • การทำ Pathergy test ด้วยการทำให้เกิดรอยข่วนขึ้นที่ผิวหนังผู้ป่วย เพื่อดูว่าจะเกิดตุ่มแดงและเจ็บภายใน 24-48 ชั่วโมงหลังเกิดรอยข่วนหรือไม่ เพราะผู้ป่วยโรคนี้มักมีผิวที่แพ้ง่าย (Sensitive skin) อย่างไรก็ดี โรคเบเซ็ทก็ตอบสนองต่อการตรวจวิธีได้น้อย ดังนั้น จึงไม่อาจตรวจพบได้ 100%

แหล่งข้อมูล:

  1. Behçet's disease. http://www.nhs.uk/conditions/Behcets-disease/Pages/introduction.aspx [2017, December 30].
  2. Behcet's disease. http://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/behcets-disease/home/ovc-20178984 [2017, December 30].
  3. Behcet’s Disease. https://www.hopkinsvasculitis.org/types-vasculitis/behcets-disease/ [2017, December 30].