เบธานีคอล (Bethanechol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 22 พฤษภาคม 2561
- Tweet
- บทนำ
- เบธานีคอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
- เบธานีคอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- เบธานีคอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- เบธานีคอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยา ควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- เบธานีคอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้เบธานีคอลอย่างไร?
- เบธานีคอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาเบธานีคอลอย่างไร?
- เบธานีคอลมีชื่ออื่นอีกไหม?ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- พาราซิมพาโทมิเมติก (Parasympathomimetic drugs) หรือ คอลิเนจิก (Cholinergic drugs)
- กายวิภาคและสรีรวิทยาของระบบทางเดินปัสสาวะ (Anatomy and physiology of Urinary tract)
- กายวิภาคและสรีรวิทยาระบบประสาท (Anatomy and physiology of nervous system)
- ประสาทอัตโนมัติ ระบบประสาทอัตโนมัติ (Autonomic nervous system)
- อะโทรปีน (Atropine)
บทนำ
ยาเบธานีคอล (Bethanechol หรือ Bethanechol chloride หรือ Bethanechol Cl) เป็นกลุ่มยาพาราซิมพาโทมิเมติติก(Parasympathomimetic drugs หรือ Cholinomimetic drugs) ทางคลินิกใช้บำบัดอาการปัสสาวะไม่ออก/ปัสสาวะขัด (Urinary retention)ที่มีสาเหตุดังต่อไปนี้
- ได้รับยาชาในระหว่างการผ่าตัด ทำให้กระเพาะปัสสาวะบีบตัวน้อยลง
- ผู้ป่วยเบาหวานที่เกิดความผิดปกติตรงระบบประสาทควบคุมการบีบตัวของ กระเพาะปัสสาวะ
- ผู้ที่ได้รับผลข้างเคียงจากการใช้ยาต้านเศร้า (Antidepressants)ที่ก่อให้เกิดภาวะปัสสาวะไม่ออก
บางกรณี ยาเบธานีคอลยังนำมาใช้บำบัดอาการผู้ป่วยที่ระบบทางเดินอาหารมีการบีบตัวน้อยได้ด้วย รูปแบบเภสัชภัณฑ์ของยานี้มีทั้งยารับประทานและแบบยาฉีดเข้าใต้ผิวหนัง
อย่างไรก็ตามมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ไม่เหมาะกับการใช้ยาเบธานีคอล เช่น ผู้ป่วยด้วยโรค หืด ผู้ที่มีความดันโลหิตต่ำ ผู้ป่วยที่มีภาวะเลือดไปเลี้ยงหัวใจไม่เพียงพอ ผู้ที่มีภาวะหัวใจ เต้นช้า ผู้ป่วยโรคแผลในระบบทางเดินอาหาร ผู้ที่มีภาวะลำไส้เล็กตีบตัน ผู้ที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดกระเพาะปัสสาวะ และผู้ป่วยโรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ด้วยยาเบธานีคอลจะทำให้อาการของผู้ป่วยกลุ่มดังกล่าวทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น
นอกจากนี้ยังมีผลข้างเคียงจากการใช้ยาเบธานีคอลบางประการที่ต้องเฝ้าระวังและเมื่อพบเห็นอาการดังต่อไปนี้ ต้องรีบนำผู้ป่วยส่งโรงพยาบาลทันที เช่น เกิดผื่นคันตามร่างกาย ผิวหนังลอกหรือเกิดแผลพุพอง อาจมีไข้หรือไม่มีไข้ร่วมด้วยก็ได้ อึดอัด/แน่นหน้าอก หายใจลำบาก และการกลืนลำบาก หรือมีอาการวิงเวียนอย่างรุนแรง เป็นต้น
ประเทศไทย จะพบเห็นการใช้ยาเบธานีคอลในรูปแบบยารับประทานตามสถาน พยาบาลหลายแห่ง และมีจำหน่ายตามร้านขายยาขนาดใหญ่
ยาเบธานีคอลจัดอยู่ในประเภทยาอันตราย และการใช้ยาชนิดนี้ได้อย่างปลอดภัยต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์แต่ผู้เดียว
เบธานีคอลมีสรรพคุณ(คุณสมบัติ)อย่างไร?
ยาเบธานีคอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- ใช้บำบัดอาการปัสสาวะไม่ออกด้วยเหตุ จากหัตถการผ่าตัด จากการคลอดบุตร จากโรคเบาหวาน จากผลข้างเคียงของยาต้านเศร้า
อนึ่ง ก่อนใช้ยานี้ ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อน จึงสามารถใช้ยานี้ได้อย่างเหมาะสม
เบธานีคอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาเบธานีคอล มีกลไกการออกฤทธิ์โดย ตัวยาจะกระตุ้นระบบประสาทอัตโนมัติประเภทพาราซิมพาเทติก(Parasympathetic) ทำให้การหลั่งสารสื่อประสาทที่ชื่อ Acetylcholine ออกมาที่ปลายประสาท เป็นผลกระตุ้นกล้ามเนื้อเรียบของกระเพาะปัสสาวะให้มีการบีบตัวเพื่อขับปัสสาวะออกมาได้
อย่างไรก็ตาม ยานี้ยังออกฤทธิ์กระตุ้นให้อวัยวะในระบบทางเดินอาหารบีบตัวไปด้วยเช่นกัน จึงอาจทำให้เกิดอาการข้างเคียง(ผลข้างเคียง)ต่อกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็กและลำไส้ใหญ่ตามมา
เบธานีคอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาเบธานีคอลมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ดชนิดรับประทาน ที่ประกอบด้วย Bethanechol Cl ขนาด 5 และ 10 มิลลิกรัม/เม็ด
เบธานีคอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาเบธานีคอลมีขนาดรับประทาน เช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทานยา 10–50 มิลลิกรัม วันละ 3–4 ครั้ง หรือตามคำสั่งแพทย์
- เด็ก: การใช้ยานี้กับเด็ก ต้องอยู่ภายใต้ดุลยพินิจของแพทย์เท่านั้น
อนึ่ง:
- การใช้ยานี้ แพทย์อาจเริ่มที่ขนาดต่ำก่อน เช่น 5–10 มิลลิกรัมในระยะเริ่มต้น แล้วจึงค่อยๆปรับขนาดรับประทานเพิ่มขึ้นตามการตอบสนองของแต่ละผู้ป่วย
- ควรรับประทานยานี้ก่อนอาหาร 1 ชั่วโมง หรือหลังรับประทานอาหารไปแล้ว 2 ชั่วโมง
*****หมายเหตุ: ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาเบธานีคอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาล และเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยา/ใช้ยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือ แน่นหายใจติดขัด/หายใจขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาเบธานีคอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กิน/ที่ใช้อยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์/มีครรภ์ หรือ กำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรก และเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
กรณีลืมรับประทานยาเบธานีคอล สามารถรับประทานทันทีที่นึกขึ้นได้ หากเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ห้ามเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า ให้รับประทานยานี้ที่ขนาดปกติเท่านั้น
เบธานีคอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาเบธานีคอลสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์จากยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง)ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้ เช่น
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น คลื่นไส้อาเจียน ปวดท้อง ท้องเสีย น้ำลายไหลออกมามาก เกิดการติดเชื้อในร่างกายจากภาวะกรดไหลย้อน
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น ปวดศีรษะ มีอาการชัก
- ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น มีภาวะปวดปัสสาวะอย่างฉับพลัน
- ผลต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด: เช่น ความดันโลหิตต่ำ ใบหน้าแดง
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น เหงื่อออกมาก
- ผลต่อตา: เช่น รูม่านตาเล็กลง มีน้ำตาหลั่งออกมา
อนึ่ง กรณีได้รับยานี้เกินขนาดจะพบอาการ คลื่นไส้ น้ำลายมาก หัวใจเต้นช้า ชีพจรเต้นผิดปกติ หัวใจหยุดเต้น กรณีเหล่านี้แพทย์จะใช้ยา Atropine sulfate ขนาด 1–2 มิลลิกรัมฉีดเข้าหลอดเลือดดำหรือฉีดเข้ากล้ามเนื้อ และดูแลผู้ป่วยตามอาการที่เกิดขึ้น(การรักษาประคับประคองตามอาการ)
มีข้อควรระวังการใช้เบธานีคอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาเบธานีคอล เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับ สตรีมีครรภ์ สตรีในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีระบบทางเดินอาหารอุดตัน ผู้ป่วยโรคหัวใจ ผู้ที่มีภาวะ/โรคความดันโลหิตต่ำ ผู้ป่วยด้วยต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ผู้ที่มีแผลในกระเพาะอาหาร และผู้ป่วยโรคหืด
- ก่อนใช้ยาชนิดนี้ ผู้ป่วยต้องได้รับการตรวจร่างกายจากแพทย์ก่อนเสมอ
- มาโรงพยาบาลเพื่อรับการตรวจร่างกายจากแพทย์ ตามแพทย์นัดหมายทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา”ที่รวมถึง ยาแผนปัจจุบันทุกชนิด(รวมยาเบธานีคอลด้วย) ยาแผนโบราณ อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้ง ควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอ
เบธานีคอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาเบธานีคอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- ห้ามใช้ยาเบธานีคอลร่วมกับยา Tramadol , Bupropion ด้วยจะกระตุ้นให้เกิดภาวะลมชักตามมา
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเบธานีคอลร่วมกับยา Atropine , Hyoscyamine ด้วยอาจทำให้ประสิทธิภาพของการรักษาโรคของยาตัวใดตัวหนึ่งหรือทั้ง 2 ตัวด้อยลง หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกัน แพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
- หลีกเลี่ยงการใช้ยาเบธานีคอลร่วมกับยา Physostigmine เพราะจะทำให้เพิ่มปริมาณของยาเบธานีคอลในกระแสเลือดจนส่งผลให้มีอาการ คลื่นไส้อาเจียน ท้องเสีย และปวดท้องตามมา
ควรเก็บรักษาเบธานีคอลอย่างไร?
ควรเก็บยาเบธานีคอลภายใต้อุณหภูมิ 20–25 องศาเซลเซียส (Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดด ความร้อนและความชื้น ไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์ และเก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
เบธานีคอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาเบธานีคอล มียาชื่อการค้า และบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่าย เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Ucholine (ยูโคไลน์) | M & H Manufacturing |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Bethanechol [2018,May5]
- https://www.drugs.com/cdi/bethanechol.html [2018,May5]
- https://www.drugs.com/drug-interactions/bethanechol-index.html?filter=3&generic_only= [2018,May5]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/ucholine/?type=brief [2018,May5]
- https://www.mims.com/philippines/drug/info/bethanechol?mtype=generic [2018,May5]