เบตาฮีสทีน (Betahistine)

สารบัญ บทความที่เกี่ยวข้อง

บทนำ

เบตาฮีสทีน (Betahistine) หรือ Betahistine hydrochloride หรือ Betahistine HCl หรือ Betahistine mesilate หรือ Betahistine dihydrochloride เป็นยาที่ใช้บำบัดรักษาอาการวิงเวียนศีรษะ และช่วยรักษาสม ดุลในการทรงตัวของร่างกาย ยาเบตาฮีสทีนถูกจดทะเบียนครั้งแรกในปี ค.ศ. 1970 (พ.ศ. 2513) และแพร่กระจายเข้ามาในเอเชียตลอดจนประเทศไทย

จากการศึกษาด้านเภสัชจลศาสตร์ (Phamacokinetics: การเป็นไปของยาเมื่อเข้าสู่ร่าง กาย) หลังจากที่ร่างกายได้รับยานี้เข้าสู่กระแสเลือดพบว่า เบตาฮีสทีน มีการจับตัวกับโปรตีนในกระแสเลือดน้อยมาก และถูกส่งไปเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีที่ตับ ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 3 - 4 ชั่วโมงในการกำจัดยาออกจากกระแสเลือด 50% โดยผ่านมากับปัสสาวะ

เบตาฮีสทีน จัดอยู่ในหมวดยาอันตราย การใช้ยาจึงต้องอยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของแพทย์เท่านั้น

ยาเบตาฮีสทีนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?

เบตาฮีสทีน

ยาเบตาฮีสทีนมีสรรพคุณดังนี้

  • รักษาอาการวิงเวียนที่มีภาวะคลื่นไส้ และ/หรืออาเจียนร่วมด้วย (Meniere’s syndrome)
  • รักษาอาการหูอื้อที่ทำให้ฟังเสียงได้ไม่ชัดเจน

ยาเบตาฮีสทีนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?

ยาเบตาฮีสทีน มีกลไกการออกฤทธิ์ โดยตัวยาจะเพิ่มการไหลเวียนของเลือดในหูชั้นใน ทำให้ของเหลวที่มาหล่อเลี้ยงบริเวณดังกล่าวมีการถ่ายเท หมุนเวียนได้ดีขึ้น ส่งผลให้บรรเทาอาการวิงเวียน และเพิ่มสมดุลในการทรงตัวของร่างกาย

ยาเบตาฮีสทีนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?

ยาเบตาฮีสทีน มีรูปแบบการจัดจำหน่าย ในรูปแบบยาเม็ด ขนาดความแรง 6, 12, 16, และ 24 มิลลิกรัม/เม็ด

ยาเบตาฮีสทีนมีขนาดรับประทานอย่างไร?

ยาเบตาฮีสทีนมีขนาดรับประทาน ดังนี้

ก.ผู้ใหญ่: รับประทาน 24 - 28 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน อาการจะเริ่มดีขึ้นและเห็นผลชัดเจนภายใน 2 สัปดาห์ โดยผลการรักษาที่ดีที่สุดเท่าที่พบ คือ การใช้ยาเพียงไม่กี่เดือนก็ยังสามารถป้องกันอาการกำเริบของหูอื้อหรือฟังเสียงไม่ชัดเจนได้เป็นอย่างดี สำหรับขนาดและระยะเวลารับประทานแพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการใช้ยาที่เหมาะสมต่อคนไข้เป็นราย บุคคลไป

ข. เด็ก:ไม่แนะนำการใช้ยาในผู้ที่อายุต่ำกว่า 18 ปี ด้วยยังไม่มีข้อมูลความปลอดภัยสนับ สนุนการใช้ยากับผู้ที่มีอายุในช่วงดังกล่าว

*****หมายเหตุ:

สำหรับขนาดและระยะเวลารับประทานยานี้ แพทย์จะเป็นผู้พิจารณาการใช้ยาที่เหมาะสมต่อคนไข้เป็นรายบุคคลไป

เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?

เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาเบตาฮีสทีน ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกร ดังนี้

  • ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
  • มีโรคประจำตัวต่างๆ รวมทั้งกำลังกินยาหรืออาหารเสริมอะไรอยู่ เพราะยาเบตาฮีสทีน อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
  • หากเป็นสุภาพสตรี ควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์ หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้

หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?

หากลืมรับประทานยาเบตาฮีสทีน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า

ยาเบตาฮีสทีนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?

ยาเบตาฮีสทีนสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ดังนี้ เช่น ปวดท้องและมีอาการคลื่นไส้ (แก้ไขได้โดยรับประทานยานี้หลังอาหาร หรือลดขนาดการรับ ประทานลง) อาหารไม่ย่อย ปวดศีรษะ

และอาจพบอาการแพ้ยา เช่น หายใจติดขัด/หายใจลำบาก ใบหน้าและคอบวมพร้อมกับมีอาการวิงเวียนร่วมด้วย นอกจากนี้ยังสามารถพบเห็นอาการคล้ายเป็นลมพิษ ผื่นคัน ได้เช่นเดียว กัน ซึ่งถ้ามีอาการของการแพ้ยา ต้องรีบพบแพทย์/ไปโรงพยาบาลทันที

มีข้อควรระวังการใช้ยาเบตาฮีสทีนอย่างไร?

มีข้อควรระวังการใช้ยาเบตาฮีสทีน ดังนี้

  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่แพ้ยาเบตาฮีสทีน
  • ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่เป็นโรคเนื้องอกที่ต่อมหมวกไต (Pheochromocytoma)
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีประวัติเป็นโรคหืด โรคแผลในกระเพาะอาหาร เพราะอาจทำให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น
  • ระวังการใช้ยานี้กับผู้ป่วยที่มีอาชีพหรือต้องทำงานเกี่ยวกับการขับขี่ยวดยาน หรือต้องควบคุมการทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร เพราะยานี้อาจทำให้เกิดอาการง่วงนอนได้
  • ระวังการใช้ยานี้กับหญิงตั้งครรภ์และหญิงที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
  • ห้ามใช้ยาหมดอายุ

***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาเบตาฮีสทีนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.comบทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน

ยาเบตาฮีสทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?

ยาเบตาฮีสทีนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นดังนี้คือ การใช้ยาเบตาฮีสทีนร่วมกับยากลุ่มต่อต้านสารฮิสตามีน (Antihistamine) อาจส่งผลให้ฤทธิ์การรักษาของยาต้านฮิสตามีนด้อยประ สิทธิภาพลง ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน ยาต้านฮิสตามีนกลุ่มดังกล่าว เช่น Diphenhydra mine, Cetirizine, และ Chlorpheniramine

ควรเก็บรักษายาเบตาฮีสทีนอย่างไร

ควรเก็บยาเบตาฮีสทีนที่อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส (Celsius) เก็บยาให้พ้นแสง แดดและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำ

ยาเบตาฮีสทีนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?

ยาเบตาฮีสทีนที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิต เช่น

ชื่อการค้าบริษัทผู้ผลิต
Behistin (บีฮีสทีน) Pharmasant Lab
Betahis 6/Betahis 12 (เบตาฮีส 6/เบตาฮีส 12)Farmaline
Betris (เบทริส)Siam Bheasach
Merislon (เมอริสลอน)Eisai
Merlin (เมอร์ลิน)T.O. Chemicals
Mertigo (เมอร์ทิโก)Sriprasit Pharma
Serc (เซิร์ก)Abbott
Stei (สเตย์)Sriprasit Pharma

อนึ่งยาชื่อการค้าอื่นของยานี้ เช่น Veserc, Hiserk, Betaserc, Vergo

บรรณานุกรม

  1. http://en.wikipedia.org/wiki/Betaserc [2017,Dec2]
  2. http://www.mims.com/THAILAND/Home/GatewaySubscription/?generic=betahistine [2017,Dec2]
  3. http://www.mims.com/Thailand/drug/info/Serc/?type=full#Indications [2017,Dec2]
  4. http://chealth.canoe.ca/drug_info_details.asp?channel_id=0&brand_name_id=4068&page_no=2#Precautions [2017,Dec2]
Updated 2017,Dec2