เข้าครัวกับโภชนากร (โรงพยาบาล) ตอน: กินอย่างไรเมื่อต้องล้างไต ตอนที่ 1
- โดย อาจารย์พรพิศ เรืองขจร
- 18 ตุลาคม 2557
- Tweet
การล้างไตคือ การทำหน้าที่แทนไตในการขับถ่ายของเสียออกจากร่างกาย และพยายามที่จะรักษาสมดุลของกรดด่าง เกลือแร่ และน้ำในร่างกายไว้ให้ได้ การล้างไตสามารถทำได้ 2 แบบ คือ การล้างไตด้วยน้ำยาทางช่องท้อง (continuous ambulatory peritoneal dialysis, CAPD) หรือการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
ผู้ป่วยไตวายเมื่อได้รับการรักษาโดยการล้างไตแล้ว มักเข้าใจผิดคิดว่าสามารถกินอาหารได้ทุกอย่างตามสบาย ไม่ต้องควบคุมอาหารอีกต่อไป เพราะคิดว่ามีเครื่องมือมาช่วยในการขจัดของเสียในร่างกาย ซึ่งในความเป็นจริงการล้างไตไม่ว่าจะวิธีใดก็ตามไม่สามารถทดแทนการทำงานของไตได้ทั้ง 100 เปอร์เซ็นต์โดยปกติไตจะทำงานตลอดทั้งวันไม่เคยหยุดเฉลี่ยสัปดาห์ละ 168 ชั่วโมง
- การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม ขจัดของเสียออกจากเลือดแทนไตผู้ป่วยทำงานได้เพียง 8-12 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ หรือประมาณเท่ากับ 6-7 เปอร์เซ็นต์ของชั่วโมงการทำงานของไตปกติ เหลือประมาณกว่า 150 ชั่วโมงเป็นช่วงเวลาที่ของเสียยังค้างสะสมในร่างกาย
- การล้างไตทางช่องท้อง ซึ่งทำเองได้ที่บ้านทุกวันมีประสิทธิภาพในการกำจัดของเสียเพียง 10-20 เปอร์เซ็นต์ของไตปกติเท่านั้น
ภายหลังการล้างช่องท้องหรือการฟอกเลือดแล้ว ยังมีของเสียตกค้างอยู่ในร่างกายอีกมากมาย
ผู้ป่วยไตวายที่อยู่ระหว่างการฟอกเลือดด้วยเครื่องล้างไตเทียม หรือล้างไตผ่านทางช่องท้อง จะมีการสูญเสียสารอาหารต่างๆ ไปพร้อมกับของเสียที่ถูกกำจัดออกด้วย โดยเฉพาะการสูญเสียโปรตีน และกรดอะมิโนที่จำเป็นกับร่างกาย ดังนั้น จึงต้องดูแลการรับประทานอาหาร น้ำ และเกลือแร่อย่างเหมาะสมด้วย
หลักเกณฑ์ในการรับประทานอาหารโปรตีนสำหรับผู้ป่วยล้างไต
โปรตีน ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังต้องการสารอาหารโปรตีนสูงกว่าธรรมดา (คนปกติควรได้โปรตีนวันละ 0.8-1.0 กรัม ต่อน้ำหนักตัวมาตรฐานหนึ่งกิโลกรัม) ผู้ป่วยโรคไตเรื้อรังควรได้รับประมาณ 1.2-1.5 กรัม ต่อน้ำหนักมาตรฐานหนึ่งกิโลกรัม ควรเป็นโปรตีนจากเนื้อสัตว์ประมาณร้อยละ 60
โปรตีนจากเนื้อสัตว์เป็นโปรตีนชนิดที่มีกรดอะมิโนครบถ้วนตามความต้องการของร่างกาย ผู้ป่วยควรจะได้โปรตีนจากเนื้อสัตว์ ประมาณ 9 – 10 ช้อนกินข้าวต่อวัน ควรเป็นเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เพื่อหลีกเลี่ยงไขมันที่มาจากสัตว์ ซึ่งเป็นกรดไขมันชนิดอิ่มตัว และมีโคเลสเตอรอลด้วย เนื้อสัตว์ที่สุกแล้ว ถ้าผู้ป่วยต้องการดื่มนมแทนเนื้อสัตว์ก็ได้ แต่ควรดื่มนมชนิดพร่องมันเนย ที่มีไขมันต่ำแทน
ในอดีตพยายามให้ผู้ป่วยกินโปรตีนให้มาก เพื่อใช้ทดแทนโปรตีน(อัลบูมิน)ที่ออกมากับปัสสาวะ แต่ก็ไม่มีผลแต่อย่างไร กลับจะทำให้มีการรั่วและทำลายไตมากขึ้นซึ่งในปัจจุบันได้ให้ผู้ป่วยกินโปรตีนตามปกติแต่อย่างไรก็ตามการลดการเพิ่มสารอาหารต่างๆ นั้น ขึ้นอยู่กับสภาพของไตของผู้ป่วยแต่ละรายว่ามีกำลังการทำงานได้มากน้อยเพียงใด
อาหารที่ควรหลีกเลี่ยง
- เนื้อสัตว์ที่มีไขมันและโคเลสเตอรอลมาก ได้แก่ ไข่แดง เครื่องในสัตว์ หนังหมู หนังไก่ เนื้อหมู เนื้อวัวที่ติดมัน ซี่โครงหมูติดมันมากๆ เป็ดปักกิ่ง หมูสามชั้น หมูกรอบ เป็ดย่าง ไข่ปลา ฯลฯ
- เนื้อสัตว์ที่มีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบ หรือโปรตีนคุณภาพไม่ดี ทำให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการขับถ่ายของเสีย ได้แก่ เอ็นสัตว์ต่างๆ เอ็นหมู เอ็นวัว เอ็นไก่ หูฉลาม ตีนเป็ด ตีนไก่ กระดูกอ่อน
- ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นโปรตีนที่มีกรดอะมิโนจำเป็นไม่ครบถ้วน จัดเป็นโปรตีนคุณภาพไม่ดี เมื่อรับประทานเข้าไป จะมีของเสียออกทางไตมาก ถั่วเมล็ดแห้งยังมีฟอสฟอรัสมากผู้ป่วยโรคไตจะขับถ่ายฟอสฟอรัสได้น้อย ทำให้ฟอสฟอรัสในเลือดสูง ไตเสื่อมสภาพเร็วขึ้น และยังมีผลรบกวนการดูดซึมของแคลเซียมในระบบทางเดินอาหาร ทำให้เสียสมดุลแคลเซียมและฟอสฟอรัส จะทำให้โรคกระดูกพรุน ปวดกระดูก กระดูกหักง่าย คันตามผิวหนัง ฯลฯ
- น้ำนม เป็นอาหารที่มีโปรตีนคุณภาพดี นม 1 กล่อง ( 240 มิลลิลิตร ) มีโปรตีน 8 กรัม ซึ่งเท่ากับเนื้อสัตว์ ในน้ำนมมีแคลเซียม ฟอสฟอรัส โปแตสเซียมสูง จึงรับประทานได้ แต่ไม่ควรเกิน 240 ซีซีต่อวัน หากรับประทานนมก็ต้องลดปริมาณเนื้อสัตว์ในวันนั้นด้วย
อ้างอิงจาก
ชนิดา ปโชติการ . โภชนบำบัดสำหรับผู้ป่วยโรคไตเรื้อรัง. การประชุมอบรมเชิงปฏิบัติการ เรื่อง การอบรมแนวทางการให้คำปรึกษาด้านโภชนบำบัดแก่ผู้ป่วยในโรงพยาบาล ; วันที่ 29 – 31 กรกฏาคม 2552; ณ ห้องพญาไท ชั้น 11 อาคารเฉลิมพระเกียรติ ร.พ. ราชวิถี. กรุงเทพฯ.