อีทิโอนาไมด์ (Ethionamide)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 25 พฤศจิกายน 2558
- Tweet
- บทนำ
- อีทิโอนาไมด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- อีทิโอนาไมด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- อีทิโอนาไมด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- อีทิโอนาไมด์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- อีทิโอนาไมด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้อีทิโอนาไมด์อย่างไร?
- อีทิโอนาไมด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาอีทิโอนาไมด์อย่างไร?
- อีทิโอนาไมด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ยาปฏิชีวนะ (Antibiotics)
- วัณโรค (Tuberculosis)
- วัณโรคปอดในเด็ก (Childhood tuberculosis)
- เชื้อดื้อยา ซูเปอร์บั๊ก (Superbug)
- โรคทางเดินหายใจ โรคระบบหายใจ โรคระบบทางเดินหายใจ (Respiratory tract disorder)
- แบคทีเรีย: โรคจากแบคทีเรีย (Bacterial infection)
- โรคปอด โรคของปอด โรคทางปอด (Pulmonary disease)
- โรคติดเชื้อ ภาวะติดเชื้อ (Infectious disease)
บทนำ
ยาอีทิโอนาไมด์ (Ethionamide) หรือยาชื่อการค้าในต่างประเทศคือ ยา Trecator เป็นยาปฏิชีวนะตัวหนึ่งที่นำมาใช้รักษาวัณโรคชนิดที่ดื้อต่อยาปฏิชีวนะตัวอื่น (Multi-drug-resistant tuberculosis) อย่างเช่น Isoniazid, Rifampin เป็นต้น ยาอีทิโอนาไมด์ถูกนำไปใช้รักษาวัณโรคในประเทศแอฟริกาใต้ซึ่งขณะนั้นมีการแพร่ระบาด โดยมีการดื้อยาของเชื้อวัณโรคร่วมด้วย ทางคลินิกจึงใช้ยาอีทิโอนาไมด์ร่วมกับยา Gatifloxacin ในการบำบัดรักษา
รูปแบบยาแผนปัจจุบันของยาอีทิโอนาไมด์จะมีแต่เพียงยาชนิดรับประทาน ยานี้มีการดูดซึมได้ดีจากระบบทางเดินอาหารของมนุษย์ เมื่อเข้าสู่กระแสเลือด ตัวยาสามารถกระจายเข้าสู่ของเหลวและเนื้อเยื่อต่างๆของร่างกายได้เป็นอย่างดีรวมถึงน้ำไขสันหลังและรกของมารดา ประมาณ 30%ของยาในกระแสเลือดจะเข้าจับตัวกับพลาสมาโปรตีน การเปลี่ยนแปลงโครงสร้างของยาอีทิโอนาไมด์เกิดที่อวัยวะตับ และจะได้ตัวยาที่ออกฤทธิ์และไม่ออกฤทธิ์มาพร้อมกัน ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 2 – 3 ชั่วโมงในการกำจัดปริมาณยา 50% ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านทิ้งไปกับปัสสาวะ
มีเงื่อนไขบางประการที่แพทย์มักจะใช้พิจารณาก่อนสั่งจ่ายยาอีทิโอนาไมด์เช่น
- ผู้ป่วยต้องไม่เคยมีประวัติแพ้ยาชนิดนี้มาก่อน
- ต้องไม่ป่วยเป็นโรคตับขั้นรุนแรงด้วยตัวยาจะออกฤทธิ์ฆ่าเชื้อวัณโรคได้จะต้องให้ตับเปลี่ยนแปลงโครงสร้างทางเคมีก่อนเท่านั้น
- หากผู้ป่วยมีโรคประจำตัวอื่นๆเช่น เบาหวาน โรคตับ มีปัญหาทางสายตา การใช้ยาอีทิโอนาไมด์อาจต้องปรับเปลี่ยนขนาดรับประทานให้เหมาะสมกับผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
- สำหรับผู้ป่วยเด็กได้ถูกพิจารณาด้านความปลอดภัยว่าสามารถใช้ยานี้ได้ตั้งแต่อายุ 12 ปีขึ้นไป
- หากเป็นสตรีอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรืออยู่ในภาวะให้นมบุตรแพทย์ต้องพิจารณารายละเอียดเป็นพิเศษด้วยตัวยาสามารถซึมผ่านรกตลอดจนอาจส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกได้
องค์การอนามัยโลกได้กำหนดให้อีทิโอนาไมด์เป็นยาจำเป็นขั้นพื้นฐานสำหรับสถานพยาบาลที่สมควรมีไว้เพื่อสำรองใช้รักษาประชาชน คณะกรรมการอาหารและยาของไทยก็ได้บรรจุยานี้ลงในบัญชียาหลักแห่งชาติและจัดอยู่ในหมวดยาอันตราย ผู้ป่วยที่ได้รับการสั่งจ่ายยานี้จะต้องรับประทานยานี้ตามคำสั่งแพทย์อย่างเคร่งครัด ห้ามหยุดการใช้ยาหรือปรับเปลี่ยนขนาดรับประทานด้วยตนเองโดยมิได้มีคำสั่งจากแพทย์โดยเด็ดขาด
อีทิโอนาไมด์มีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาอีทิโอนาไมด์มีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เพื่อใช้รักษาวัณโรคชนิดที่ดื้อต่อยาต้านวัณโรคชนิดอื่น
อีทิโอนาไมด์มีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาอีทิโอนาไมด์คือ ตัวยาจะออกฤทธิ์ต่อเชื้อแบคทีเรียชนิด Mycobac teria เช่น M.tuberculosis, M.kansasi, M.avium complex และ M.leprac โดยตัวยาจะยับยั้งการสร้างสารประกอบประเภทเปปไทด์ (Peptide) ของแบคทีเรียนี้ที่ทำให้เชื้อวัณโรค/แบคทีเรียนี้ไม่สามารถเจริญเติบโต จึงหยุดการแพร่พันธุ์และตายลงในที่สุด
อีทิโอนาไมด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาอีทิโอนาไมด์มีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาเม็ดชนิดรับประทาน ขนาด 250 มิลลิกรัม
อีทิโอนาไมด์มีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาอีทิโอนาไมด์มีขนาดรับประทานเช่น
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 500 มิลลิกรัม - 1 กรัม/วัน สามารถรับประทานเพียงวันละครั้งหรือจะแบ่งรับประทานก็ได้โดยต้องเป็นไปตามคำสั่งแพทย์ และขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 1 กรัม/วัน
- เด็กอายุ 12 ปีขึ้นไป: รับประทานครั้งละ 10 - 20 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมโดยแบ่งรับประทาน 2 - 3 ครั้ง/วัน หรือรับประทาน 15 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมวันละครั้งหลังอาหาร และขนาดรับประทานสูงสุดไม่เกิน 1 กรัม/วัน
- เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี: ยังไม่มีการศึกษาแน่ชัดถึงผลข้างเคียงของยานี้ในเด็กกลุ่มวัยนี้ การใช้ยาในเด็กกลุ่มนี้จึงอยู่ในดุลพนิจของแพทย์ผู้รักษาเป็นกรณีๆไป
*อนึ่ง:
- สามารถรับประทานยานี้ก่อนหรือพร้อมอาหารก็ได้
- ผู้ป่วยโรคไตที่มีค่าการทำงานของไต (ครีเอตินินเคลียแรนซ์/CrCl/Creatinine clearance) น้อยกว่า 30 มิลลิลิตร/นาที แพทย์อาจปรับลดขนาดรับประทานเช่น รับประทานยาที่ 250 - 500 มิลลิกรัม/วัน
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับขั้นรุนแรงด้วยจะไม่เกิดประโยชน์และยังเสี่ยงต่อการได้รับผลข้างเคียงต่างๆของยานี้ตามมา
*****หมายเหตุ:
- ขนาดยาและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมถึงยาอีทิโอนาไมด์ ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกร ดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยาแล้วคลื่นไส้มาก ขันผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาอีทิโอนาไมด์อาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารกจนเกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาอีทิโอนาไมด์สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิผลของการรักษาควรรับประทานยาอีทิโอนาไมด์ให้ตรงเวลา
อีทิโอนาไมด์มีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
การใช้ยาอีทิโอนาไมด์กับผู้ป่วยวัณโรคอาจแสดงผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ได้มากน้อยในผู้ป่วยแต่ละรายแตกต่างกัน ผู้ป่วยบางรายอาจไม่ได้รับผลข้างเคียงเลยก็เป็นได้
สำหรับอาการข้างเคียงของยานี้ที่พบได้บ่อยเช่น วิงเวียน เบื่ออาหาร ท้องเสีย ปวดศีรษะ ปวดท้อง การรับรสชาติของลิ้นเปลี่ยนไป คลื่นไส้หรืออาเจียน เกิดแผลในปาก ง่วงนอน กระสับกระส่าย
ส่วนอาการข้างเคียงที่พบได้น้อยของยานี้เช่น เกิดภาวะเต้านมโต
อนึ่งปกติการเกิดอาการข้างเคียงของยานี้ไม่จำเป็นต้องใช้ยารักษา ร่างกายมักจะปรับตัวและทำให้อาการข้างเคียงค่อยๆหายไปในที่สุด
อย่างไรก็ตามหากพบอาการข้างเคียงของยานี้ที่รบกวนการดำเนินชีวิตประจำวัน ควรต้องกลับไปปรึกษาแพทย์/ไปโรงพยาบาลก่อนนัด เพื่อแพทย์พิจารณาปรับแนวทางการรักษา
มีข้อควรระวังการใช้อีทิโอนาไมด์อย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้อีทิโอนาไมด์เช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วยโรคตับขั้นรุนแรง
- ห้ามใช้ยานี้กับเด็กที่มีอายุต่ำกว่า 12 ปี สตรีตั้งครรภ์ สตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร โดยไม่มีคำสั่งจากแพทย์ผู้ทำการรักษา
- ห้ามปรับเปลี่ยนขนาดรับประทานหรือหยุดการใช้ยานี้เองโดยมิได้ปรึกษาแพทย์
- ห้ามใช้ยาที่มีสภาพเปลี่ยนแปลงไปจากเดิม
- การรับประทานยานี้พร้อมสุราหรือเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์เป็นส่วนประกอบอาจทำให้ผู้ป่วยมีอาการทางจิตประสาท
- การใช้ยานี้กับผู้ป่วยเบาหวานต้องควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดตามแพทย์แนะนำ ด้วยยานี้สามารถทำให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำได้
- การใช้ยานี้กับผู้ป่วยภาวะไทรอยด์ฮอร์โมนต่ำ/ภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมนควรต้องหมั่นตรวจสอบการทำงานของต่อมไทรอยด์ว่ายังเป็นปกติดีหรือไม่ตามแพทย์แนะนำ
- ผู้ป่วยที่ได้รับยาอีทิโอนาไมด์อาจต้องได้รับยากลุ่มวิตามินเสริมด้วยเช่น วิตามินบี 12 และกรดโฟลิก เป็นต้น ทั้งนี้ขึ้นกับดุลพินิจของแพทย์ผู้รักษา
- ระหว่างที่ใช้ยานี้ต้องควบคุมและตรวจสอบระบบการทำงานของเลือดควบคู่กันไปตามแพทย์แนะนำด้วยอาจเกิดภาวะโลหิตจางชนิด Megaloblastic anemia และชนิด Sideroblastic anemia ติดตามมา
- หากพบอาการแพ้ยานี้เช่น อึดอัดหายใจไม่ออก/หายใจลำบาก ตัวบวม มีลมพิษ ผด ผื่น ขึ้นเต็มตัว ให้หยุดใช้ยานี้แล้วรีบกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลทันที/ฉุกเฉิน
- มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง:
ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบันทุกชนิด (รวมยาอีทิโอนาไมด์ด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ(อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
อีทิโอนาไมด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาอีทิโอนาไมด์มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นเช่น
- การใช้ยาอีทิโอนาไมด์ร่วมกับยา Rifampin อาจเพิ่มความเสี่ยงก่อให้เกิดภาวะตับทำงานผิดปกติ หากมีอาการไข้ ปวดข้อหรือมีอาการข้อบวม มีภาวะเลือดออกง่าย ผื่นคันขึ้นตามผิวหนัง เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย คลื่นไส้ อาเจียน ปัสสาวะมีสีคล้ำ อุจจาระมีสีซีดจาง ตัวเหลืองตาเหลือง ซึ่งเป็นอาการที่ตับถูกทำลาย ต้องรีบนำตัวผู้ป่วยกลับมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลโดยทันที/ฉุกเฉิน
- การใช้ยาอีทิโอนาไมด์ร่วมกับยา Isoniazid อาจทำให้เพิ่มความเสี่ยงของเส้นประสาทถูกทำลาย เพื่อลดภาวะเสี่ยงดังกล่าวแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
- ห้ามใช้ยาอีทิโอนาไมด์ร่วมกับวัคชีน BCG vaccine ด้วยจะทำให้การกระตุ้นภูมิคุ้มกันต้าน ทานโรคของ BCG vaccine ด้อยประสิทธิภาพลงไป
- การใช้ยาอีทิโอนาไมด์ร่วมกับยา Disulfiram (ยารักษาโรคพิษสุรา), Chloroquine, Lovastatin, Levodopa อาจเพิ่มความเสี่ยงของเส้นประสาทในร่างกายถูกทำลาย หากจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดการใช้ยาให้เหมาะสมเป็นกรณีไป
ควรเก็บรักษาอีทิโอนาไมด์อย่างไร?
ควรเก็บยาอีทิโอนาไมด์ในช่วงอุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส (Celsius) ไม่เก็บยาในช่องแช่แข็งของตู้เย็น เก็บในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
อีทิโอนาไมด์มีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาอีทิโอนาไมด์ที่จำหน่ายในประเทศไทย มียาชื่อการค้าอื่นและบริษัทผู้ผลิตเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Ethionamide Medopharm (อีทิโอนาไมด์ เมโดฟาร์ม) | Medopharm |
Eton-250 (อีตอน-250) | Pond’s Chemical |
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Ethionamide [2015,Nov7]
- http://www.drugs.com/dosage/ethionamide.html#Usual_Adult_Dose_for_Tuberculosis___Active [2015,Nov7]
- https://www.mims.com/Thailand/drug/info/Ethionamide%20Medopharm/ [2015,Nov7]
- http://www.mims.com/THAILAND/Home/GatewaySubscription/?generic=Ethionamide [2015,Nov7]
- http://drug.fda.moph.go.th:81/nlem.in.th/medicine/essential/list/92#item-8637 [2015,Nov7]
- http://www.drugs.com/sfx/ethionamide-side-effects.html [2015,Nov7]
- http://www.drugs.com/cdi/ethionamide.html [2015,Nov7]
- http://www.drugs.com/drug-interactions/ethionamide-index.html?filter=3&generic_only= [2015,Nov7]