อะซีโนคูมารอล (Acenocoumarol)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 17 มิถุนายน 2559
- Tweet
- บทนำ
- อะซีโนคูมารอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- อะซีโนคูมารอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- อะซีโนคูมารอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- อะซีโนคูมารอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- อะซีโนคูมารอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้อะซีโนคูมารอลอย่างไร?
- อะซีโนคูมารอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษาอะซีโนคูมารอลอย่างไร?
- อะซีโนคูมารอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- Coumarin
- วาร์ฟาริน (Warfarin) หรือ คูมาดิน (Coumadin)
- วิตามินเค (Vitamin K)
- ยาต้านการแข็งตัวของเลือด: ยากันเลือดแข็งตัว (Anticoagulants)
- ยาสลายลิ่มเลือด หรือยาละลายลิ่มเลือด (Fibrinolytic drugs or Thrombolytic drugs)
บทนำ
ยาอะซีโนคูมารอล (Acenocoumarol) เป็นสารอนุพันธุ์ของยาคูมาริน (Coumarin) ที่สามารถต้านการแข็งตัวของเลือด (Anticoagulant) หรือจะกล่าวว่ามีฤทธิ์ต่อต้านการทำงานของวิตามินเค (Vitamin K antagonist) เหมือนกับยาวาร์ฟาริน (Warfarin) ยาอะซีโนคูมารอลถูกวางจำหน่ายอยู่ในหลายประเทศทั่วโลก ทางคลินิกใช้ยานี้เพื่อป้องกันภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ แต่ไม่สามารถใช้เป็นยาละลายลิ่มเลือดได้ รูปแบบผลิตภัณฑ์ของยานี้จะเป็นยาชนิดรับประทาน และหลังการดูดซึมจากระบบทางเดินอาหาร ร่างกายต้องใช้เวลาประมาณ 8 - 11 ชั่วโมงเพื่อกำจัดยานี้ออกจากกระแสเลือดโดยผ่านทางปัสสาวะ
อาจระบุเงื่อนไขหรือความเหมาะสมของการใช้ยาอะซีโนคูมารอลได้ดังนี้เช่น
- หลีกเลี่ยงการใช้กับผู้ที่มีประวัติแพ้ยานี้
- ห้ามใช้กับสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ผู้ที่ดื่มสุราเป็นประจำจัดเป็นกลุ่มเสี่ยงที่จะได้รับผลกระทบ (ผลข้างเคียง) รุนแรงจากยานี้
- หลีกเลี่ยง/ห้ามใช้กับผู้ป่วยที่มีสภาพจิตใจผิดปกติรวมถึงผู้ที่ป่วยด้วยโรคความจำเสื่อม
- ผู้ป่วยที่เพิ่งได้รับการผ่าตัดไขสันหลัง สมอง ตา หรือการผ่าตัดอื่นๆ จะสุ่มเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกตามรอยแผลผ่าตัดได้ง่ายและถือเป็นข้อห้ามใช้ยาอะซีโนคูมารอลกับผู้ป่วยเหล่านี้
- ผู้ที่กำลังป่วยด้วยแผลในกระเพาะอาหารและในลำไส้จะได้รับผลกระทบจากยาชนิดนี้อย่างมากโดยยานี้จะกระตุ้นให้เกิดเลือดออกในระบบทางเดินอาหารได้ง่าย
- ผู้ป่วยด้วยภาวะเยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ หรือติดเชื้อในบริเวณเยื่อหุ้มหัวใจ หรือมีความรู้สึกเจ็บหน้าอก/แน่นหน้าอก เป็นอีกหนึ่งกลุ่มที่ห้ามใช้ยานี้
- สารสกัดจากน้ำผลไม้บางประเภทอย่างน้ำแครนเบอร์รี่ (Cranberry juice) ถือเป็นข้อห้ามนำมาดื่มร่วมกับยาอะซีโนคูมารอลด้วยมีผลรบกวนการออกฤทธิ์ของยานี้โดยอาจเพิ่มหรือลดฤทธิ์ของยานี้ได้
นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยบางกลุ่มที่ต้องเพิ่มความระมัดระวังเป็นอย่างมากหากประสงค์จะใช้ยาอะซีโนคูมารอลอย่างเช่น ผู้ป่วยด้วยโรคมะเร็ง ผู้ที่มีการติดเชื้อหรือมีแผลอักเสบ ผู้ป่วยด้วยโรคหัวใจล้มเหลวที่มีอาการบวมของร่างกายและมีภาวะหายใจติดขัด/หายใจลำบาก ผู้ป่วยด้วยโรคตับโรคไต ผู้ป่วยต่อมไทรอยด์เป็นพิษ ผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย ผู้สูงอายุ เป็นต้น
สำหรับผู้ที่ได้รับยานี้ควรหลีกเลี่ยงการถูกของมีคม การบาดเจ็บที่ทำให้เกิดแผล รวมถึงการฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อ หรือการทำหัตถการทางการแพทย์ต่างๆอย่างเช่น การถอนฟัน การฉีดยาเข้าไขกระดูก การผ่าตัดต่างๆ เพราะจะทำให้มีเลือดออกตามรอยบาดแผลได้ง่าย
นอกจากนี้ผู้ที่ได้รับยาแผนปัจจุบันชนิดต่างๆก็สามารถเกิดผลกระทบเมื่อมีการใช้ยาเหล่านั้น ร่วมกันกับยาอะซีโนคูมารอลอย่างเช่น
- ยาลดไข้อย่าง Paracetamol, ยากลุ่ม NSAIDs เช่น Aspirin, Ibuprofen, Celecoxib รวม ถึง Tramadol
- ยาปฏิชีวนะอย่าง Rifampicin, Amoxicillin และ Metronidazole
- ยากลุ่มซัลโฟนาไมด์ (Sulfonamide) เช่น Co-trimoxazole
- ยากลุ่มซัลโฟนิลยูเรีย (Sulfonylurea) อย่าง Tolbutamide, Chlorpropamide และ Glibenclamide
- กลุ่มยารักษาโรคเบาหวานเช่น Glucagon
- ยาโรคไทรอยด์เช่น Levothyroxine
- ยารักษาโรคเกาต์อย่างเช่น Allopurinol หรือ Sulfinpyrazone
- ยารักษาหัวใจเต้นผิดจังหวะเช่น Amiodarone และ Quinidine
- ยากันชัก/ยาต้านชักเช่น Carbamazepine หรือ Phenytoin
- ยากลุ่ม H2-antagonists เช่น Cimetidine หรือ Ranitidine
- ยากลุ่มสแตติน (Statin) เช่น Fenofibrate, Simvastatin หรือ Colestyramine
- ยาต้านเชื้อราอย่างเช่น Econazole, Ketoconazole และ Griseofulvin
- ยารักษามะเร็งเต้านมเช่น Tamoxifen
- และยังมียากลุ่มอื่นๆอีกหลายชนิดที่ไม่สามารถนำมาระบุในบทความนี้ได้หมด
ดังนั้นจึงอาจกล่าวโดยสรุปได้ว่ายาอะซีโนคูมารอลเป็นยาที่มีความจำเพาะเจาะจงสูงในการใช้รักษาโรค การใช้ยานี้อย่างเหมาะสมและปลอดภัยต้องอาศัยการตรวจคัดกรองจากแพทย์ผู้รักษาเท่านั้น และห้ามผู้ป่วยไปซื้อยานี้มารับประทานเอง
อะซีโนคูมารอลมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาอะซีโนคูมารอลมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้เพื่อบำบัดรักษาและป้องกันการจับตัวของเกล็ดเลือด จนเกิดลิ่มเลือด
อะซีโนคูมารอลมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
กลไกการออกฤทธิ์ของยาอะซีโนคูมารอลคือ ตัวยาจะยับยั้งการสังเคราะห์สารที่เป็นปัจจัยในการแข็งตัวของเลือดซึ่งมีวิตามินเคเป็นองค์ประกอบสำคัญอย่างเช่น สารโคแอกกูเลชั่น แฟกเตอร์ (Coagulation factor) 7, 9, และ 10 รวมถึงสารโปรตีน ซี (Protein C) ซึ่งถือเป็นปัจจัยต่อการแข็ง ตัวของเลือดทั้งสิ้น จากกลไกที่กล่าวมาจึงก่อให้เกิดฤทธิ์ของการรักษาตามสรรพคุณ
อะซีโนคูมารอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาอะซีโนคูมารอลมีรูปแบบการจัดจำหน่ายเป็นยาเม็ดชนิดรับประทานขนาด 1 และ 4 มิลลิ กรัม/เม็ด
อะซีโนคูมารอลมีขนาดรับประทานอย่างไร?
โดยทั่วไปยาอะซีโนคูมารอลแพทย์จะกำหนดการรับประทานเพียงวันละครั้งและผู้ป่วยควร รับประทานยาในเวลาเดียวกันของแต่ละวันตัวอย่างเช่น
- ผู้ใหญ่: วันแรกรับประทาน 4 - 12 มิลลิกรัม/วัน, วันที่สองรับประทาน 4 - 8 มิลลิกรัม/วัน, วันถัดมาให้รับประทานตามคำแนะนำของแพทย์ โดยขนาดรับประทานที่ใช้คงระดับของการรักษาอยู่ที่ 1 - 8 มิลลิกรัม/วัน
*อนึ่ง: ระวังการใช้ยานี้กับผู้สูงอายุ
- เด็ก: ห้ามใช้ยานี้กับเด็ก
*****หมายเหตุ: ขนาดและระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้นไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ได้ การใช้ยาที่เหมาะสมควรต้องปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดรวมยาอะซีโนคูมารอล ผู้ป่วยควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรดังนี้
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิดเช่น กินยา/ใช้ยาแล้วคลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยา/ใช้ยาอะไรอยู่ เพราะยาอะซีโนคูมารอลอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรืออาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารกจนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาอะซีโนคูมารอลสามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มขนาดรับประทานเป็น 2 เท่า
อย่างไรก็ตามเพื่อประสิทธิผลของการรักษาควรรับประทานยาอะซีโนคูมารอลตรงเวลา
อะซีโนคูมารอลมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาอะซีโนคูมารอลสามารถก่อให้เกิดผลไม่พึงประสงค์ (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) ต่อระบบอวัยวะต่างๆของร่างกายดังนี้เช่น
- ผลต่อระบบเลือด: เช่น อาจพบมีเลือดออกตามเหงือก เกิดเลือดกำเดาไหล ประจำเดือนมามากผิดปกติ กรณีเกิดแผลจะมีเลือดออกมากและใช้เวลานานกว่าปกติเพื่อให้เลือดหยุด
- ผลต่อระบบทางเดินอาหาร: เช่น ปวดท้อง ไอเป็นเลือด คลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย อุจจาระเป็นเลือด
- ผลต่อระบบกล้ามเนื้อและกระดูก: เช่น ปวดหลัง ปวดข้อกระดูก
- ผลต่อระบบทางเดินปัสสาวะ: เช่น ปัสสาวะมีเลือดปน/ปัสสาวะเป็นเลือด
- ผลต่อระบบประสาท: เช่น วิงเวียน ปวดศีรษะรุนแรง
- ผลต่อระบบเผาผลาญพลังงานของร่างกาย: เช่น ทำให้เบื่ออาหาร
- ผลต่อผิวหนัง: เช่น มีอาการผื่นคัน ผมร่วง ผิวหนังเป็นจ้ำแดง
- ผลต่อหลอดเลือด: เช่น เกิดอาการหลอดเลือดอักเสบ
- ผลต่ออวัยวะตับ: ตับทำงานผิดปกติ/ตับอักเสบ มีอาการตัวเหลือง ตาเหลือง
- อื่นๆ: เช่น มีไข้
มีข้อควรระวังการใช้อะซีโนคูมารอลอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาอะซีโนคูมารอลเช่น
- ห้ามใช้กับผู้ที่แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะเลือดออกง่าย ผู้ป่วยที่มีโรคความดันโลหิตสูง ผู้ที่ได้รับการผ่าตัด มาใหม่ๆ
- ห้ามใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์และสตรีที่อยู่ในภาวะให้นมบุตร
- ห้ามรับประทานยานี้ร่วมกับสุรา
- ห้ามปรับขนาดรับประทานด้วยตนเอง
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้สูงอายุ ผู้ที่ป่วยด้วยโรคกระเพาะอาหาร-ลำไส้/แผลเปบติค ผู้ที่มีบาด แผลตามร่างกาย ผู้ป่วยติดเชื้อที่เยื่อหุ้มหัวใจ/เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ ผู้ป่วยโรคตับโรคไต
- หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่จะทำให้เกิดบาดแผลตามร่างกาย
- ปฏิบัติตัวตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดและมาพบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามนัดทุกครั้ง
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง: ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุบัน ทุกชนิด (รวมยาอะซีโนคูมารอลด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิดและสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้ง ให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกชนิดควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
อะซีโนคูมารอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาอะซีโนคูมารอลมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นเช่น
- การใช้ยาอะซีโนคูมารอลร่วมกับยาบางกลุ่มอย่างเช่น NSAIDs, Amiodarone, Co-trimoxa zole, Cephalosporins, Erythromycin อาจทำให้ผู้ป่วยได้รับผลกระทบ (ผลข้างเคียง) จากอะซีโนคูมารอลได้มากขึ้นเช่น มีภาวะเลือดออกง่ายมากขึ้น ดังนั้นหากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยง การใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาอะซีโนคูมารอลร่วมกับยา Levofloxacin อาจทำให้ไตของผู้ป่วยทำงานผิดปกติ หากไม่มีความจำเป็นใดๆควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การใช้ยาอะซีโนคูมารอลร่วมกับยา Carbamazepine สามารถทำให้ความเข้มข้นของยาอะซีโนคูมารอลในเลือดลดลงจนส่งผลต่อการรักษา กรณีจำเป็นต้องใช้ยาร่วมกันแพทย์จะปรับขนาดรับประทานให้เหมาะสมเป็นรายบุคคลไป
ควรเก็บรักษาอะซีโนคูมารอลอย่างไร?
ควรเก็บยาอะซีโนคูมารอลในช่วงอุณหภูมิ 20 - 25 องศาเซลเซียส (Celsius) ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็งตู้เย็น เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสงแดด ความร้อนและความชื้น และไม่เก็บยาในห้องน้ำหรือในรถยนต์
อะซีโนคูมารอลมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาอะซีโนคูมารอลที่จำหน่ายในประเทสไทย มียาชื่อการค้าและบริษัทผู้ผลิต/ผู้จำหน่ายเช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
SINTHROME (ซินโทรม) | Novartis |
อนึ่งยาชื่อการค้าของยาอะซีโนคูมารอลที่จำหน่ายในยุโรปเช่น Sintrom, Sintrom mitis, และจากประเทศอินเดียเช่น Acitrom
บรรณานุกรม
- https://en.wikipedia.org/wiki/Acenocoumarol [2016,May28]
- http://www.drugs.com/uk/acenocoumarol-1mg-tablets-leaflet.html [2016,May28]
- http://www.drugs.com/uk/pdf/leaflet/630774.pdf [2016,May28]
- http://patient.info/medicine/acenocoumarol-an-anticoagulant-sinthrome [2016,May28]
- http://www.mims.com/thailand/drug/info/acenocoumarol/?type=brief&mtype=generic [2016,May28]
- http://www.medbroadcast.com/Drug/GetDrug/Sintrom [2016,May28]
- http://www.renalandurologynews.com/nephrology/worrisome-drug-interaction-for-acenocoumarol-levofloxacin/article/459587/ [2016,May28]
- http://www.drugbank.ca/drugs/DB01418 [2016,May28]