หัวใจโต (Cardiomegaly)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง พวงทอง ไกรพิบูลย์
- 24 มีนาคม 2562
- Tweet
- บทนำ
- หัวใจโตมีสาเหตุจากอะไร?
- ใครมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจโต?
- หัวใจโตมีอาการอย่างไร?
- แพทย์วินิจฉัยหัวใจโตได้อย่างไร?
- รักษาหัวใจโตอย่างไร?
- หัวใจโตรุนแรงไหม?
- มีผลข้างเคียงอย่างไร?
- ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
- ป้องกันหัวใจโตได้อย่างไร?
- บรรณานุกรม
- โรคหัวใจ: โรคหลอดเลือดหัวใจ (Coronary artery disease)
- เจ็บหน้าอก (Chest pain)
- โรคหัวใจ โรคหัวใจและหลอดเลือด (Heart disease หรือ Cardiovascular disease)
- โรคอัมพาต โรคอัมพฤกษ์ โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจวาย (Heart failure)
- เจ็บหน้าอกจากหัวใจขาดเลือด กล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือด อาการปวดเค้นหัวใจ (Angina Pectoris)
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- โรคไขมันในเลือดสูง (Dyslipidemia)
บทนำ
หัวใจโต (Enlarged heart หรือ Cardiomegaly) คือ ภาวะที่หัวใจมีขนาดโตเกินกว่าปกติ โดยอาจโตจาก 2 กรณี คือ
- กล้ามเนื้อหัวใจมีขนาดหนาขึ้น หรือ
- โตจากห้องหัวใจขยายใหญ่ขึ้น
ทั้งนี้ ผู้ป่วยหัวใจโต อาจมีอาการหรือไม่มีอาการก็ได้ ซึ่งการวินิจฉัยภาวะหัวใจโต มักวินิจฉัยได้ครั้งแรกจากการถ่ายภาพเอกซเรย์ปอด เพื่อการตรวจวินิจฉัยโรคของปอด และในการตรวจสุขภาพประจำปี
หัวใจโต หรือ ภาวะหัวใจโต ไม่ใช่โรค แต่เป็นภาวะที่เกิดขึ้นจากโรคต่างๆทั้งของหัวใจเอง, ของปอด, และ/หรือของหลอดเลือด
ดังได้กล่าวแล้ว การเกิดหัวใจโตพบได้ 2 ลักษณะ คือ
- หัวใจโตจากมีกล้ามเนื้อหรือผนังห้องหัวใจหนาผิดปกติ (Hypertrophy)
- หรือจากห้องต่างๆของหัวใจขยายขนาดโตขึ้นผิดปกติ (Dilatation)
หัวใจโต พบในทุกอายุ ตั้งแต่เด็กแรกเกิดไปจนถึงผู้สูงอายุ แต่พบได้สูงขึ้นในผู้สูงอายุจากการเสื่อมของเซลล์ต่างๆของหัวใจตามธรรมชาติ และโอกาสเกิดหัวใจโต ใกล้เคียงกันทั้งในผู้หญิงและในผู้ชาย
ทั้งนี้สถิติการเกิดที่แท้จริงของ หัวใจโต ยังไม่ทราบ แต่มีการศึกษาพบว่าในผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์ต่อเนื่องอย่างน้อย 10 ปี พบมีภาวะหัวใจโต ซึ่งวินิจฉัยได้จากภาพเอกซเรย์ปอดประมาณ 17% และอีกการศึกษาพบภาวะหัวใจโตในผู้สูงอายุทั้งเพศหญิงและเพศชายได้ 23% จากการถ่ายภาพเอกซเรย์ปอดประจำปี
หัวใจโตมีสาเหตุจากอะไร?
หัวใจโตเกิดได้จากหลายสาเหตุ ที่พบได้บ่อย คือ
- สูงอายุ: เพราะเซลล์หัวใจเสื่อมตามอายุ
- ผลข้างเคียงจากการมีโรคความดันโลหิตสูง: จึงส่งผลให้หัวใจต้องออกแรงสูบฉีดโลหิตเข้าหลอดเลือดเพิ่มขึ้น และเป็นปัจจัยเสี่ยงให้เกิดภาวะกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม (โรคกล้ามเนื้อหัวใจ โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม) จึงส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจโตได้
- ผลข้างเคียงจากโรคหลอดเลือดแดงแข็ง: จึงส่งผลให้เกิดหัวใจโตด้วยเหตุผลเดียวกับโรคความดันโลหิตสูง
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อม
- โรคลิ้นหัวใจ: ส่งผลให้มีเลือดคั่งในหัวใจเพิ่มขึ้น
- โรคของต่อมไทรอยด์ ทั้งชนิด ต่อมไทรอยด์ทำงานเกินปกติ (โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ/ ภาวะต่อมไทรอยด์ทำงานเกิน) และภาวะขาดไทรอยด์ฮอร์โมน
- ภาวะหัวใจเสียจังหวะ (Arrhythmia) คือ หัวใจเต้นผิดปกติ อาจเร็ว หรือ ช้า หรือ ไม่เป็นจังหวะ ซึ่งเกิดจากสัญญาณไฟฟ้าที่ควบคุมการเต้นของหัวใจผิดปกติ ภาวะนี้จึงส่งผลให้หัวใจต้องทำงานเพิ่มขึ้น และอาจมีเลือดคั่งในหัวใจเพิ่มขึ้น หัวใจจึงโตขึ้น
- โรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย: จึงส่งผลให้ผนังหัวใจยืดขยาย เกิดภาวะหัวใจโต
- โรคความดันโลหิตในปอดสูง/ความดันหลอดเลือดปอดสูง :จึงส่งผลให้หัวใจต้องเพิ่มแรงสูบฉีดเลือดเข้าปอด หัวใจจึงมีขนาดโตขึ้น
- ภาวะซีด/ โลหิตจาง: จะส่งผลให้หัวใจเต้นเร็วขึ้น เพราะอวัยวะต่างๆต้องการออกซิเจนจากเลือดอย่างเพียงพอ หัวใจจึงต้องทำงานเพิ่มขึ้น จึงส่งผลให้หัวใจโต
- ร่างกายได้รับสารพิษที่เป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ เช่น สาร ปรอท และสาร ตะกั่ว
- ติดสุรา จากพิษของสุราต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
- ยาเสพติด เช่น โคเคน เพราะเป็นพิษต่อกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคอ้วน เพราะจะมีไขมันไปจับที่รอบๆและในเนื้อเยื่อหัวใจ
- โรคออโตอิมมูน/โรคภูมิต้านตนเอง เพราะส่งผลให้เกิดการอักเสบของกล้ามเนื้อหัวใจ
- โรคหัวใจแต่กำเนิด
- โรคตับแข็ง เพราะส่งผลให้มีโปรตีนในเลือดต่ำ การไหลเวียนโลหิตไม่ดี หัวใจจึงทำงานเพิ่มขึ้น
- โรคไตเรื้อรัง เพราะมักร่วมกับการมีความดันโลหิตสูง และการมีน้ำคั่งในร่างกาย จึงเพิ่มการทำงานของหัวใจ
- ผลข้างเคียงจากยาบางชนิด: เช่น ยาไทรอยด์ฮอร์โมน ยาเคมีบำบัดรักษาโรคมะเร็งบางชนิด
- โรคอื่นๆที่พบได้น้อย: เช่น ภาวะมีโปรตีนผิดปกติจับในกล้ามเนื้อหัวใจ (Amyloido sis), ภาวะมีธาตุเหล็กจับในอวัยวะต่างๆทั่วร่างกายซึ่งรวมทั้งกล้ามเนื้อหัวใจ (Hemochromatosis), และภาวะกล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ
ใครมีปัจจัยเสี่ยงที่จะเกิดหัวใจโต?
ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดหัวใจโต คือ
- ผู้สูงอายุ
- สูบบุหรี่ หรือได้รับควันบุหรี่เรื้อรัง (สูบบุหรี่มือสอง/Secondary smoke)
- โรคอ้วน
- ติดสุรา ติดยาเสพติด
- กลุ่มโรคที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติในการใช้พลังงานของร่างกาย (Metabolic syndrome, กลุ่มอาการเมตาโบลิก) คือ โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง
- มีประวัติคนในครอบครัว โดยเฉพาะญาติสายตรง (พ่อ แม่ พี่ น้อง ท้องเดียวกัน) เป็นโรคหัวใจ โดยเฉพาะโรคหลอดเลือดหัวใจ
หัวใจโตมีอาการอย่างไร?
อาการของ หัวใจโตในระยะเริ่มแรก มักไม่มีอาการ มักเป็นการตรวจพบโดยบังเอิญจากการตรวจภาพเอกซเรย์ปอด แต่เมื่อหัวใจโตมากขึ้น หรือกล้ามเนื้อหัวใจเสื่อมมากขึ้น อาการที่พบบ่อย คือ
- เหนื่อยง่ายกว่าปกติ โดยเฉพาะเมื่อต้องออกแรง
- วิงเวียน คล้ายเป็นลม ง่าย
- หัวใจเต้นผิดปกติ อาจ เบา เร็ว ช้า หรือ ไม่สม่ำเสมอ
- อาจมีอาการไอผิดปกติโดยไม่รู้สาเหตุ
- หายใจลำบาก
- อาจบวม เท้า แขน ขา ใบหน้า
- อาจเจ็บหน้าอก
- อาจนอนราบไม่ได้ นอนราบแล้วจะหายใจลำบากที่มักเป็นอาการในระยะโรครุนแรง
แพทย์วินิจฉัยหัวใจโตได้อย่างไร?
เริ่มแรก แพทย์มักวินิจฉัยภาวะหัวใจโตได้จากการเห็นภาพหัวใจจากการถ่ายเอกซเรย์ปอด ทั้งนี้หัวใจปกติจะมีขนาดโต (ความกว้างของหัวใจ) ไม่เกิน ครึ่งหนึ่ง (50%) ของความกว้างของช่องอก
นอกจากนั้น การวินิจฉัยหาสาเหตุ จะได้จาก
- สัญญาณชีพ (ชีพจร ความดันโลหิต อัตราการหายใจ อุณหภูมิร่างกาย)
- อายุ
- ประวัติอาการ ประวัติการเจ็บป่วยทั้งในอดีตและในปัจจุบัน
- ประวัติการใช้ยาต่างๆ
- การใช้สารเสพติด
- การสูบบุหรี่
- การดื่มสุรา
- การตรวจเลือดดูโรคที่เป็นปัจจัยเสี่ยงต่างๆ เช่น โรคออโตอิมมูน โรคไขมันในเลือดสูง โรคไต
- การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ และ
- การตรวจสืบค้นอื่นๆเพิ่มเติม เพื่อหาสาเหตุ ตามดุลพินิจของแพทย์ เช่น อัลตราซาวด์หัวใจ เอกซเรย์คอมพิวเตอร์หัวใจ เป็นต้น
รักษาหัวใจโตอย่างไร?
แนวทางการรักษาภาวะหัวใจโต คือ การรักษาสาเหตุ และการรักษาประคับประคองตามอาการ
ก. การรักษาสาเหตุ ซึ่งจะแตกต่างกันไปในแต่ละสาเหตุ เช่น
- การใช้ยาต่างๆ และการปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตเมื่อสาเหตุเกิดจาก โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง โรคไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน
- หรือการผ่าตัด เมื่อสาเหตุเกิดจากโรคลิ้นหัวใจ
- หรือ การใส่เครื่องคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ (Pacemaker) เมื่อสาเหตุเกิดจากภาวะหัวใจเสียจังหวะ เป็นต้น
ข. การรักษาประคับประคองตามอาการ เช่น
- ใช้ยาขับน้ำ/ยาขับปัสสาวะเมื่อมีอาการบวม
- การให้ออกซิเจนเมื่อมีอาการทางการหายใจ
- การให้ยาบรรเทาอาการไอ/ยาแก้ไอ
- การพักผ่อน
- การปรับการทำงาน การออกแรง การเรียน การกีฬา เป็นต้น
หัวใจโตรุนแรงไหม? มีผลข้างเคียงอย่างไร?
ความรุนแรง/การพยากรณ์โรคของภาวะหัวใจโตขึ้นกับ
- สาเหตุ: เช่น สาเหตุเกิดจากโรคอ้วน ความรุนแรงน้อยกว่าเกิดจากโรคหลอดเลือดหัวใจ เป็นต้น
- การรักษา (ถ้าได้รับการรักษาแต่เนิ่นๆ โอกาสควบคุมโรคได้ก็สูงขึ้น)
- ระยะเวลาที่เกิดอาการ (ถ้าเป็นมานานเรื้อรัง ความรุนแรงของโรคก็สูงขึ้น)
- การลดปัจจัยเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงได้ เช่น เลิกบุหรี่ สุรา สารเสพติด
- และการปรับพฤติ กรรมการใช้ชีวิตที่เสี่ยงต่อสุขภาพ
ทั้งนี้ ผลข้างเคียงจากภาวะหัวใจโต ที่อาจพบได้ คือ
- ภาวะหัวใจล้มเหลว
- การเกิดลิ่มเลือดในหัวใจจากการมีเลือดคั่งในหัวใจจากภาวะหัวใจโต ซึ่งจะอัน ตรายมาก เพราะลิ่มเลือดอาจหลุดเป็นก้อนเล็กๆกระจายไปตามกระแสโลหิต แล้วไปก่อให้เกิดการอุดตันของหลอดเลือดต่างๆได้ทั่วร่างกาย และเป็นสาเหตุให้เสีย ชีวิตได้ เช่น อุดตันหลอดเลือดของสมอง/ โรคหลอดเลือดสมองเหตุหลอดเลือดสมองอุดตัน และ/หรืออุดตันหลอดเลือดของปอด/สิ่งหลุดอุดหลอดเลือดปอด
- ภาวะหัวใจเสียจังหวะ ซึ่งเป็นได้ทั้งสาเหตุ และผลข้างเคียงของหัวใจโต
- หัวใจหยุดเต้นทันที ซึ่งมักเสียชีวิต
ดูแลตนเองอย่างไร? ควรพบแพทย์เมื่อไร?พบแพทย์ก่อนนัดเมื่อไหร่?
เมื่อยังไม่เคยทราบว่าตนเองมีหัวใจโต การดูแลตนเองที่สำคัญที่สุด คือ เมื่อมีอาการผิดปกติต่างๆเกิดขึ้นและเมื่อดูแลตนเองแล้วอาการต่างๆไม่ดีขึ้น หรืออาการต่างๆเลวลง ควรรีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลเสมอ
ส่วนเมื่อได้รับการวินิจฉัยว่ามีภาวะหัวใจโต การดูแลตนเอง คือ
- ปฏิบัติตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
- กินยาต่างๆที่แพทย์แนะนำให้ ครบถ้วน ถูกต้อง ไม่ขาดยา
- ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงต่างๆ ที่สำคัญ คือ
- เลิกบุหรี่
- ค่อยๆปรับลดการดื่มแอลกอฮอล์ให้เหลือดื่มน้อยที่สุด และในที่สุดไม่ดื่มเลย
- กินอาหารป้องกันโรคหัวใจ (อาหารป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง)
- เคลื่อนไหวร่างกายเสมอ ออกกำลังกายตามแพทย์ พยาบาล แนะนำ
- รักษา ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุ และปัจจัยเสี่ยง ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อสาเหตุและหัวข้อปัจจัยเสี่ยง
- พักผ่อนให้เพียงพอ
- พบแพทย์/มาโรงพยาบาลตามแพทย์นัดเสมอ และ
- รีบพบแพทย์/มาโรงพยาบาลก่อนแพทย์นัดเมื่อ
- อาการต่างๆเลวลง หรือ
- มีอาการผิด ปกติไปจากเดิม หรือ
- มีผลข้างเคียงจากยาที่แพทย์สั่งจนกระทบต่อการใช้ชีวิตประวัน เช่น ปวดท้องมาก วิงเวียนศีรษะมาก
- เมื่อกังวลในอาการ
- ไปโรงพยาบาลฉุกเฉินเมื่อ
- เจ็บหน้าอกมาก
- นอนราบไม่ได้ หอบเหนื่อย หายใจลำบาก
- เป็นลม
- หมดสติ โคม่า
ป้องกันหัวใจโตได้อย่างไร?
การป้องกันภาวะหัวใจโต คือการป้องกันสาเหตุและปัจจัยเสี่ยงที่ป้องกันได้ ดังได้กล่าวแล้วในหัวข้อ สาเหตุและหัวข้อปัจจัยเสี่ยง ซึ่งที่สำคัญที่สุด คือ
- การปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิต โดยเฉพาะการสูบบุหรี่ และหลีกเลี่ยงการสูบุหรี่มือสอง ที่เป็นสาเหตุสำคัญของ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดแดงแข็ง และโรคหลอดเลือดสมอง
- และการกินอาหารมีประโยชน์ (แนะนำอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความ เรื่อง ‘อาหารป้องกันโรคหัวใจ’ และเรื่อง ‘อาหารป้องกันโรคหลอดเลือดแดงแข็ง’ )
- ร่วมกับการออกกำลังกายสม่ำเสมอทุกวันตามควรกับสุขภาพ
- และการควบคุมอาหารเพื่อป้องกันการเกิดโรคอ้วนและน้ำหนักตัวเกิน
นอกจากนั้น คือ
- ป้องกัน รักษา ควบคุมโรคที่เป็นสาเหตุและปัจจัยเสี่ยง ที่สำคัญคือ โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคหลอดเลือดแดงแข็ง โรคความดันโลหิตสูง โรคเบาหวาน และโรคไขมันในเลือดสูง
- เมื่อมีประวัติคนในครอบครัวเป็นโรคหัวใจ ควรมีการตรวจหัวใจประจำปีสม่ำเสมอ เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 15-18 ปี
- มีการตรวจสุขภาพประจำปีสม่ำเสมอ เริ่มได้ตั้งแต่อายุ 15-18 ปี
- จำกัดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด โดยในแต่ละวัน
- ผู้ชายไม่ควรดื่มเบียร์เกิน 350 มิลลิลิตร (มล.), ไวน์ไม่เกิน 150 มล. , และสุรา ไม่เกิน 50 มล.
- ในผู้หญิงลด ลงเหลือเพียงครึ่งหนึ่งของผู้ชาย เพราะมีรูปร่างและน้ำหนักตัวน้อยกว่าผู้ชาย
บรรณานุกรม
- Frishman, W. et al. (1992). Cardiomegaly on chest x-ray: prognostic implications from a ten-year cohort study of elderly subjects: a report from the Bronx Longitudinal Aging Study.Am Heart J.124, 1026-1030. [Pubmed].
- Kino,M. et al. (1981).Cardiovascular status in asymptomatic alcoholics, with reference to the level of ethanol consumption. Br Heart J. 46. 545-551. [PubMed].
- Kushi,L. et al. (2012). American Cancer Society Guidelines on Nutrition and Physical Activity for Cancer Prevention. CA Cancer J Clin. 62, 30-67.
- https://en.wikipedia.org/wiki/Cardiomegaly [2019,March2]
- https://www.betterhealth.vic.gov.au/health/ConditionsAndTreatments/heart-disease-enlarged-heart [2019,March2]