หมอสมศักดิ์ชวนคุย ตอน เดินไม่ตรงทาง เพราะน้ำในหูไม่เท่ากัน จริงเหรอ ?

หมอสมศักดิ์ชวนคุย-36


หมอสมศักดิ์ชวนคุย ตอน เดินไม่ตรงทาง เพราะน้ำในหูไม่เท่ากัน จริงเหรอ ?

ปัญหาการเจ็บป่วยที่พบบ่อยและเป็นอาการที่น่ากังวล น่าตกใจของผู้ป่วยมากอาการหนึ่ง คือ อาการวิงเวียนศีรษะ บ้านหมุน เดินเซ เดินไม่ตรงทาง เพราะขณะที่มีอาการเกิดขึ้นนั้น บางครั้งผู้ป่วยจะมีอาการบ้านหมุน อาเจียน เหงื่อแตก ใจสั่นเต้นเร็ว แบบที่เรียกว่า กลัวงว่าจะตายเลยทีเดียว มันน่ากลัวจริง ๆ ครับ เมื่ออาการทุเลาลง ก็จะรีบไปหาหมอที่คลินิก สาเหตุของอาการวิงเวียนศีรษะ เดินเซ เดินไม่ตรงทาง ก็มีหลากหลายสาเหตุ ได้แก่ โรคทางระบบประสาท โรคทางช่องหู หรือโรคของเส้นประสาทส่วนปลาย โรคทางสายตาก็เป็นได้ แต่โรคที่คนส่วนใหญ่รู้จัก คือ โรคน้ำในหูไม่เท่ากัน

จริงแล้วสาเหตุของอาการผิดปกติดังกล่าวนั้น แบ่งเป็น 2 กลุ่มหลัก คือ โรคทางระบบประสาท และโรคในช่องหู (ชั้นกลาง และชั้นใน) ประเด็นสำคัญ คือ เราจะต้องมีความรู้ในระดับหนึ่งเพื่อการดูแลสุขภาพตนเองว่าสาเหตุของอาการผิดปกติ เมื่อมีอาการวิงเวียนว่ามีสาเหตุจากกลุ่มโรคไหน เพราะกลุ่มโรคระบบประสาทนั้นมีความรีบเร่งในการรักษา และมีอันตรายมากกว่าโรคในช่องหู ถ้าเรามาหาหมอล่าช้า หรือไปผิดสถานที่ เข้าตรวจผิดแผนก ก็อาจทำให้เกิดผลเสียได้ วันนี้ผมมาชวนเราคุยเกี่ยวกับอาการเดินเซ วิงเวียนศีรษะ เพื่อให้มีความรู้ไว้ดูแลสุขภาพเบื้องต้น ดังนี้

1. อาการวิงเวียนศีรษะ เดินเซที่เกิดจากโรคในสมองนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการดังกล่าวร่วมกับอาการพูดไม่ชัด ชาหน้า แขน ขาอ่อนแรง กลืนอาหารลำบาก การได้ยินลดลง อาการนั้นเป็นตลอดเวลา ไม่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทาง ถ้ามีสาเหตุจากโรคหลอดเลือดสมอง ก็จะมีอาการเป็นขึ้นมาทันทีทันใด ถ้าเป็นเนื้องอกในสมองก็จะค่อย ๆ มีอาการรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ มักมีอาการปวดศีรษะร่วมด้วย

2. อาการวิงเวียนศีรษะ เดินเซที่เกิดจากโรคในช่องหูนั้น ผู้ป่วยจะมีอาการดังกล่าวร่วมกับการได้ยินผิดปกติไป เช่น หูอื้อ เสียงดังในหู การได้ยินลดลง หรือไม่ได้ยิน และมักจะมีอาการวิงเวียนที่สัมพันธ์กับการเปลี่ยนท่าทาง เช่น วิงเวียนเวลาเปลี่ยนจากท่านั่งไปยืน หรือนอนมานั่ง หรือเวลาไหว้พระ ก้มหน้า หันซ้าย ขวา เป็นต้น อาการมักเป็น ๆ หาย ๆ จะไม่มีอาการแขน ขาอ่อนแรง พูดไม่ชัด กลืนอาหารลำบาก สำลักอาหาร หรือชาบริเวณใบหน้า

ดังนั้นถ้าท่านมีอาการวิงเวียนศีรษะ เดินเซ ลองสำรวจตนเองว่ามีอาการผิดปกติอื่น ๆ ร่วมด้วยหรือไม่ แล้วไตร่ตรองว่าท่านน่าจะมีรอยโรคหรือความผิดปกติที่อวัยวะส่วนใด ถ้าคิดว่าน่าจะเป็นจากโรคในสมอง ผมแนะนำว่าควรรีบไปพบแพทย์ให้เร็วที่สุด แต่ถ้าเป็นปัญหาในช่องหู อาการไม่ได้รุนแรงมาก ก็อาจลองสังเกตอาการ ดูแลตนเองได้ แต่ถ้ารุนแรง สังเกตอาการตนเองแล้วไม่ดีขึ้น ก็ควรพบแพทย์ดีกว่าครับ แต่ถ้าไม่มั่นใจว่าตนเองเป็นอะไรกันแน่ ก็ควรพบแพทย์ทันที เพื่อให้ได้รับการตรวจประเมินที่เหมาะสมต่อไป อย่าลืมว่าสุขภาพเป็นเรื่องของเราทุกคน ไม่ใช่หน้าที่ของหมออย่างเดียวนะครับ