หนูตัวเล็กแต่ก่อเหตุใหญ่ (ตอนที่ 5)
- โดย วันทนีย์ โลหะประกิตกุล
- 19 ธันวาคม 2559
- Tweet
โรคไข้หนูกัด รักษาได้ด้วยการให้ยาปฏิชีวนะ เช่น ยา Penicillin ซึ่งเป็นยาที่ใช้กันมาก แต่ถ้าไม่รักษาอาจทำให้อาการรุนแรงจึงถึงเสียชีวิตได้ในกรณีดังต่อไปนี้
- ติดเชื้อที่หัวใจ เช่น เยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis) กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ (Myocarditis) หรือ เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ (Pericarditis)
- ติดเชื้อที่สมอง เช่น เยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis)
- ติดเชื้อที่ปอด เช่น ปอดอักเสบ (Pneumonia)
- เป็นฝีที่อวัยวะภายใน
การป้องกัน RBF ทำได้โดย
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับหนูหรือสถานที่มีหนู
- ดื่มนมหรือน้ำที่มาจากแหล่งที่ปลอดภัย
โรคพยาธิตืดหนู (Hymenolepiasis diminuta / Rat Tapeworm) เป็นโรคที่ไม่ค่อยพบในคนแต่พบมากในหนู พยาธิตัวตืดเป็นพยาธิที่พบได้ทั่วโลก
พยาธิเหล่านี้จะอาศัยอยู่ในลำไส้ของหนู โดยไข่พยาธิจะปนออกมากับอุจจาระ เมื่อหมัดหนูหรือแมลงปีกแข็ง (โดยเฉพาะมอดแป้งหรือที่เรียกว่า Tribolium beetles) กินไข่พยาธิเข้าไป ตัวอ่อน (Oncospheres) จะเจริญอยู่ในตัวหมัด
เมื่อหนูหรือคนกินหมัดเข้าไป (หมัดหนูร่วงลงในอาหาร คนกินอาหารนั้นเข้าไป) ใช้เวลาประมาณ 20 วัน ตัวอ่อนจะเจริญเป็นตัวเต็มวัยอยู่ในลำไส้ของหนูและคน โดยลำตัวยาวตั้งแต่ 20-60 เซนติเมตร แต่เฉลี่ยอยู่ที่ 30 เซนติเมตร โดยใช้ส่วนหัวเกาะผนังลำไส้เล็ก และสามารถมีชีวิตอยู่ได้ถึง 10 ปี
หากมีจำนวนพยาธิในร่างกายไม่มากก็จะไม่ปรากฏอาการอะไร แต่ถ้ามีพยาธิมาก ก็จะมีอาการ
- ปวดศีรษะ
- ปวดท้อง
- อาเจียน
- ไม่รู้สึกหิว น้ำหนักตัวลด
- ไม่มีกำลัง
- มีอาการทางประสาทคล้ายลมบ้าหมู
- นอนไม่หลับ ไม่มีชีวิตชีวา
- คันบริเวณจมูกและทวารหนัก
บรรณานุกรม
1. Rat-bite Fever (RBF). http://www.cdc.gov/rat-bite-fever/index.html [2016, December 18].
2. Hymenolepis diminuta. http://eol.org/pages/2923808/details [2016, December 18].