สไปโรโนแลคโตน (Spironolactone)
- โดย เภสัชกร อภัย ราษฎรวิจิตร
- 29 กุมภาพันธ์ 2563
- Tweet
- บทนำ
- ยาสไปโรโนแลคโตนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
- ยาสไปโรโนแลคโตนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
- ยาสไปโรโนแลคโตนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
- ยาสไปโรโนแลคโตนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
- เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
- หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
- ยาสไปโรโนแลคโตนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
- มีข้อควรระวังการใช้ยาสไปโรโนแลคโตนอย่างไร?
- ยาสไปโรโนแลคโตนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
- ควรเก็บรักษายาสไปโรโนแลคโตนอย่างไร?
- ยาสไปโรโนแลคโตนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- ความดันโลหิตสูง (Hypertension)
- ภาวะหัวใจล้มเหลว ภาวะหัวใจวาย (Heart failure)
- ยาขับปัสสาวะ (Diuretics Drugs)
- โรคตับอักเสบ โรคพิษต่อตับ (Toxic hepatitis หรือ Hepatotoxicity)
- ประจำเดือนผิดปกติ (Menstrual disorder)
บทนำ
สไปโรโนแลคโตน (Spironolactone) เป็นสารสังเคราะห์ที่อยู่ในกลุ่มสเตียรอยดอล แอนไทมินเนอราโลคอร์ติคอยด์ (Steroidal antimineralocorticoid, สารต้านการออกฤทธิ์ของกลุ่มฮอร์โมนที่เกี่ยวข้องกับการควบคุมน้ำและเกลือแร่ของร่างกาย/ฮอร์โมน Mineralocorticoid ที่สร้างจากต่อมหมวกไต) ถูกนำมาใช้เป็นยาขับปัสสาวะและลดความดันโลหิตสูง นอกจากนี้ยังมีฤทธิ์ต่อต้านแอนโดรเจนฮอร์โมน (Androgen hormone, ฮอร์โมนเพศชาย)
จากการศึกษาเรื่องเภสัชจลนศาสตร์ (Pharmacokinetic, การศึกษาความเป็นไปของยา เมื่อยาเข้าสู่ร่างกาย) ของยาตัวนี้พบว่า หลังรับประทาน ยานี้จะถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือดและจับกับพลาสมาโปรตีนถึงประมาณ 90% ตับจะเปลี่ยนโครงสร้างทางเคมีของยา และร่างกายต้องใช้เวลา 1.3 - 2 ชั่วโมงในการกำจัดยาออก 50% โดยผ่านไปกับน้ำปัสสาวะและอุจจาระ
องค์การอนามัยโลกจัดให้สไปโรโนแลคโตนเป็นยาจำเป็นสำหรับสาธารณสุขขั้นมูลฐานของชุมชน คณะกรรมการอาหารและยาของประเทศไทยได้บรรจุยาสไปโรโนแลคโตนอยู่ในบัญชียาหลักแห่งชาติ หมวดยาอันตราย ดังนั้นการใช้ยาที่ถูกต้อง ปลอดภัย จึงต้องอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์เท่านั้น
ยาสไปโรโนแลคโตนมีสรรพคุณ (คุณสมบัติ) อย่างไร?
ยาสไปโรโนแลคโตนมีสรรพคุณ/ข้อบ่งใช้ เช่น
- ลดอาการบวมน้ำของร่างกาย
- รักษาโรคความดันโลหิตสูง
- รักษาภาวะหัวใจล้มเหลวขั้นรุนแรง
- รักษาภาวะบวมน้ำจากโรคตับอักเสบ
- เป็นยาขับปัสสาวะสำหรับผู้ที่มีระดับโพแทสเซียมในร่างกายต่ำ
- รักษาภาวะขนดกเกิน
- ต้านฤทธิ์ ฮอร์โมนแอลโดสเตอโรน(Aldosterone, ฮอร์โมนในกลุ่มฮอร์โมน Mineralo corticoid สร้างจากต่อมหมวกไต มีหน้าที่ควบคุมสมดุลของน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย)
ยาสไปโรโนแลคโตนมีกลไกการออกฤทธิ์อย่างไร?
ยาสไปโรโนแลคโตนมีกลไกการออกฤทธิ์ที่ไต และมีกลไกแข่งขันกับฮอร์โมนแอลโดสเตอโรน (Competitive antagonist of aldosterone) ทำให้เพิ่มการขับออกจากไตของโซเดียม และน้ำ แต่มีการเก็บกลับของเกลือโพแทสเซียมคืนสู่ร่างกาย จากเหตุผลดังกล่าวจึงทำให้ยามีฤทธิ์รักษาตามสรรพคุณ
ยาสไปโรโนแลคโตนมีรูปแบบการจัดจำหน่ายอย่างไร?
ยาสไปโรโนแลคโตนมีรูปแบบการจัดจำหน่าย เช่น
- ยาเม็ดขนาด 25, 100 มิลลิกรัม/เม็ด
ยาสไปโรโนแลคโตนมีขนาดรับประทานอย่างไร?
ยาสไปโรโนแลคโตนมีขนาดรับประทาน เช่น
ก. สำหรับลดอาการบวมน้ำ (Edema): เช่น- ผู้ใหญ่: รับประทานเริ่มต้น 100 มิลลิกรัม/วัน จากนั้นปรับเป็น 400 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กทารก: รับประทาน 1 - 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1 เดือน - 12 ปี: รับประทาน 1 - 3 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- เด็กอายุ 12 - 18 ปี: รับประทาน 50 - 100 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน 1 - 2 ครั้งต่อวัน
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 25 - 50 มิลลิกรัม/วัน หากจำเป็นสามารถเพิ่มเป็น 100 มิลลิกรัม/วัน
- เด็ก: ไม่มีขนาดรับประทานที่เป็นมาตรฐาน การใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
- ผู้ใหญ่: สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับยากลุ่ม ACE inhibitor และยาขับปัสสาวะ (Loop diuretic) รวมถึงได้รับหรือไม่ได้รับยากลุ่มคาร์ดิแอคกลัยโคซายด์ (Cardiac glycoside, ยารักษาโรคหัวใจกลุ่มหนึ่ง) ร่วมด้วย ขนาดรับประทานเริ่มต้นที่12.5 - 25มิลลิกรัม/วัน อาจเพิ่มเป็น 50 มิลลิกรัม/วัน หลังจากการรักษาในช่วงแรกไปแล้ว 8 สัปดาห์
- เด็กทารก: รับประทาน 1 - 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1 เดือน - 12 ปี: รับประทาน 1 - 3 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- เด็กอายุ 12 - 18 ปี: รับประทาน 50 - 100 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน 1 - 2 ครั้ง ต่อวัน
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 25 - 100 มิลลิกรัม/วัน
- เด็กทารก: รับประทาน 1 - 2 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- เด็กอายุ 1 เดือน - 12 ปี: รับประทาน 1 - 3 มิลลิกรัม/น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม/วัน
- เด็กอายุ 12 - 18 ปี: รับประทาน 50 - 100 มิลลิกรัม/วัน โดยแบ่งรับประทาน 1 - 2 ครั้งต่อวัน
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 400 มิลลิกรัม เป็นเวลา 3 - 4 สัปดาห์
- เด็ก: ไม่มีขนาดรับประทานที่เป็นมาตรฐาน การใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
- ผู้ใหญ่: รับประทาน 50 - 200 มิลลิกรัม/วัน
- เด็ก: ไม่มีขนาดรับประทานที่เป็นมาตรฐาน การใช้ยานี้ในเด็กจึงอยู่ในดุลพินิจของแพทย์
อนึ่ง:
- สามารถรับประทานยานี้ พร้อมอาหาร หรือ ก่อนอาหารก็ได้
- แต่ที่สำคัญ คือ ควรต้องรับประทานในเวลาใกล้เคียงกันของทุกวัน
*****หมายเหตุ: ขนาดยา และระยะเวลาในการใช้ยาที่ระบุในบทความนี้ เป็นเพียงตัวอย่างหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถใช้ทดแทนคำสั่งใช้ยาของแพทย์ผู้รักษาได้ การใช้ยาที่เหมาะสม ควรต้องปรึกษา แพทย์ หรือเภสัชกร ก่อนเสมอ
เมื่อมีการสั่งยาควรแจ้งแพทย์/พยาบาลและเภสัชกรอย่างไร?
เมื่อมีการสั่งยาทุกชนิดที่รวมถึงยาสไปโรโนแลคโตน ผู้ป่วยควรแจ้ง แพทย์ พยาบาล และ เภสัชกร เช่น
- ประวัติแพ้ยาทุกชนิด เช่น กินยาแล้ว คลื่นไส้มาก ขึ้นผื่น หรือแน่นหายใจติดขัด/หายใจ ลำบาก
- มีโรคประจำตัวต่างๆรวมทั้งกำลังกินยาอะไรอยู่ เพราะยาสไปโรโนแลคโตนอาจส่งผลให้อาการของโรคเหล่านั้นรุนแรงขึ้น หรือเกิดปฏิกิริยาระหว่างยากับยาอื่นๆที่กินอยู่ก่อน
- หากเป็นสุภาพสตรีควรแจ้งว่าอยู่ในภาวะตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร เพราะยาหลายประเภทสามารถผ่านทางน้ำนมหรือรกและเข้าสู่ทารก จนก่อให้เกิดผลข้างเคียงได้
หากลืมรับประทานยาควรทำอย่างไร?
หากลืมรับประทานยาสไปโรโนแลคโตน สามารถรับประทานเมื่อนึกขึ้นได้ ถ้าเวลาใกล้เคียงกับการรับประทานยาในมื้อถัดไป ไม่จำเป็นต้องเพิ่มปริมาณยาเป็น 2 เท่า
ยาสไปโรโนแลคโตนมีผลไม่พึงประสงค์อย่างไร?
ยาสไปโรโนแลคโตนสามารถก่อให้เกิดผล/อาการไม่พึงประสงค์จากการใช้ยา (ผลข้างเคียง/อาการข้างเคียง) เช่น
- เสียสมดุลของน้ำและเกลือแร่ (อิเล็กโทรไลต์/Electrolyte) ของร่างกาย
- มีภาวะเต้านมโต
- ง่วงนอน
- ปวดหัว
- ระคายเคืองในระบบทางเดินอาหาร
- มีภาวะเกลือโซเดียมในเลือดต่ำ (อาการ เช่น วิงเวียน หน้ามืด ความดันโลหิตต่ำ)
- หัวใจเต้นผิดจังหวะ
- ความดันโลหิตต่ำ
- มีภาวะเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูง (อาการเช่น อ่อนเพลีย กล้ามเนื้ออ่อนแรง)
- อ่อนเพลีย
- สับสน
- ประจำเดือนผิดปกติ
- และ ภาวะขนดก
มีข้อควรระวังการใช้ยาสไปโรโนแลคโตนอย่างไร?
มีข้อควรระวังการใช้ยาสไปโรโนแลคโตน เช่น
- ห้ามใช้กับผู้แพ้ยานี้
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีปัญหาการขับถ่ายปัสสาวะ เช่น ปัสสาวะไม่ออก หรือมีปัสสาวะน้อยเกินไป
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะไตวายเฉียบพลันหรือไตวายเข้าขั้นลุกลาม
- ห้ามใช้ยานี้กับผู้ป่วย โรคแอดดิสัน / Addison disease (โรคชนิดหนึ่งของต่อมหมวกไตที่ส่งผลให้ต่อมหมวกไตสร้างฮอร์โมนได้ต่ำกว่าปกติ)
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้มีแนวโน้มป่วยด้วยภาวะเกลือโพแทสเซียมในเลือดสูงเกินมาตร ฐาน หรือผู้ที่มีสภาวะกรดในร่างกายสูง/ภาวะเลือดเป็นกรด
- ระวังการใช้ยานี้ในผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร และผู้ป่วยเบาหวาน
- ระวังการใช้ยานี้กับผู้ที่มีภาวะตับ - ไต ทำงานผิดปกติ
- ห้ามใช้ยาหมดอายุ
- ห้ามแบ่งยาให้ผู้อื่นใช้
- ห้ามเก็บยาหมดอายุ
***** อนึ่ง ทุกคนต้องตระหนักถึงความปลอดภัยจากการใช้ ”ยา” ที่รวมถึงยาแผนปัจจุ บันทุกชนิด (รวมยาสไปโรโนแลคโตนด้วย) ยาแผนโบราณทุกชนิด อาหารเสริม ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร และสมุนไพรต่างๆเสมอ เพราะยามีทั้งให้คุณและให้โทษ ดังนั้นเมื่อมีการใช้ยาทุกครั้งควรต้องปฏิบัติตามข้อปฏิบัติพื้น ฐานในการใช้ยาทุกชนิดเสมอ (อ่านเพิ่มเติมได้ในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด) รวมทั้งควรต้องปรึกษาเภสัชกรประจำร้านขายยาก่อนซื้อยาใช้เองเสมอด้วยเช่นกัน
ยาสไปโรโนแลคโตนมีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่นอย่างไร?
ยาสไปโรโนแลคโตน มีปฏิกิริยาระหว่างยากับยาตัวอื่น เช่น
- การรับประทานยาสไปโรโนแลคโตนร่วมกับยาแก้ปวด เช่นยา Aspirin สามารถทำให้ฤทธิ์การขับเกลือโซเดียมออกจากร่างกายลดลง และส่งผลให้เกิดความดันโลหิตสูงตามมา จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน หรือต้องปรับขนาดการรับประทานให้เหมาะสม
- การรับประทานยาสไปโรโนแลคโตนร่วมกับยากลุ่มเอ็นเสด (NSAIDs) ทำให้เกิดความเป็นพิษกับไต จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน
- การรับประทานยาสไปโรโนแลคโตนร่วมกับยาหรืออาหารเสริมที่มีเกลือโพแทสเซียมเป็นองค์ประกอบหลัก อาจทำให้เกิดภาวะเกลือโพแทสเซียมเกินในร่างกาย/โพแทสเซียมในเลือดสูง ควรต้องหลีกเลี่ยงการใช้ยาร่วมกัน หรือแพทย์ปรับขนาดการรับประทานให้เหมาะสมในผู้ป่วยเป็นรายบุคคลไป
ควรเก็บรักษายาสไปโรโนแลคโตนอย่างไร?
ควรเก็บยาสไปโรโนแลคโตน เช่น
- เก็บยาที่อุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส (Celsius)
- เก็บยาในภาชนะที่ปิดมิดชิด พ้นแสง/แสงแดดและความชื้น
- เก็บยาให้พ้นมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
- และไม่ควรเก็บยาในห้องน้ำ
ยาสไปโรโนแลคโตนมีชื่ออื่นอีกไหม? ผลิตจากบริษัทอะไรบ้าง?
ยาสไปโรโนแลคโตน มียาชื่อการค้าอื่น และบริษัทผู้ผลิต เช่น
ชื่อการค้า | บริษัทผู้ผลิต |
---|---|
Aldactone (แอลแดคโตน) | Pfizer |
Altone (แอลโตน) | Pharmaasant Lab |
Hyles (ไฮเลส) | Berlin Pharm |
Pondactone (พอนแดคโตน) | Pond’s Chemical |
Spironex (สไปโรเน็กซ์) | P P Lab |
บรรณานุกรม
1 http://en.wikipedia.org/wiki/Spironolactone [2020,Feb22]
2 http://www.mims.com/USA/drug/info/spironolactone/ [2020,Feb22]
3 http://www.mims.com/Thailand/drug/search/?q=spironolactone [2020,Feb22]
4 http://www.medicinenet.com/spironolactone/article.htm[2020,Feb22]