สาระน่ารู้จากหมอตาตอน แผ่นวัดสายตา Snellen (Snellen chart)
- โดย ศาสตราจารย์เกียรติคุณ แพทย์หญิง สกาวรัตน์ คุณาวิศรุต
- 25 กุมภาพันธ์ 2559
- Tweet
การวัดความสามารถของตาแต่ละคนที่สำคัญอันหนึ่งก็คือ การวัดความคมชัดของการมองเห็นที่ฝรั่งเรียกกันว่า visual acuity ไม่ใช่เพียงแต่ว่าเห็นหรือรับรู้ว่ามีภาพ จะต้องแยกแยะภาพที่เห็นจากภาพใกล้เคียง หากจะคิดอย่างง่ายๆ ว่าใครเห็นวัตถุหรือภาพที่ไกลกว่าได้ แสดงว่าน่าจะมีสายตาที่ดีกว่า เช่น เห็นเครื่องบินที่อยู่สูงมากกว่าได้ก็แสดงว่าสายตาดีกว่า หรือมองมด แมลงตัวเล็กๆ เห็นก็แสดงว่าสายตาดีกว่า การทดสอบแบบนี้ไม่เป็นรูปธรรมในทางการแพทย์ที่ใช้วัดความคมชัดของสายตาที่ใช้กัน คือ วัดด้วยการใช้แผ่นภาพวัดสายตาของ Snellen
แผ่นภาพ Snellen เริ่มมีใช้ตั้งแต่ ค.ศ. 1862 ซึ่งผลิตโดยจักษุแพทย์ชาวฮอลันดาชื่อ Herman Snellen (1834 – 1908) เป็นแผ่นภาพ (หรืออาจเป็น projector) ประกอบด้วยอักษร 8 – 11 แถว อักษรแต่ละตัวมีขนาด 5 x 5 หน่วย ความหนาของอักษรเป็น 1 หน่วย แถวบนสุดใน version แรกมีอักษรตัวเดียวขนาด 5 x 5 หน่วย ซึ่งใช้ตามมุมที่เกิดขึ้น 5 minute ที่จอตาของภาพที่เกิดขึ้น แถวที่ 2, 3, 4 ...... มีขนาดลดหลั่นกันลงมา แต่เดิมนิยมใช้อักษร C D E F L N O P T Z สลับกัน มาระยะหลังนิยมใช้อักษร C D E F H K N P R U V Z เพื่อให้มีความยากง่ายใกล้เคียงกัน
E chart เป็นแผ่นภาพทำขนาด 5 x 5 หน่วย ความหนาเป็น 1 หน่วย ใช้สำหรับคนอ่านหนังสือไม่มากหรือเด็ก โดยให้ผู้ถูกทดสอบบอกว่า E หัวตั้ง หัวกลับ ชี้ไปทางซ้าย ทางขวา เริ่มใช้โดย Hugh Tayler เรียกกันว่า Tumbling E
Landolt C เป็นแผ่นภาพตัว C ที่เป็นวงแหวนที่ไม่ครบวงรอบ ที่ขาดหายมีขนาด 1 หน่วย เป็นแผ่นภาพที่คิดโดยจักษุแพทย์ชาวสวิส Edmund Landolt แปลผลคล้ายๆ E chart ที่ว่ารอยขาดอยู่ทิศทางใด
ในปัจจุบัน อาจทำเป็นภาพใช้วัดสายตาเด็ก โดยใช้ภาพที่เป็นที่รู้จักของเด็ก เช่น เด็ก บ้าน รูปสัตว์ ขนาดต่างๆ การแปลผล ในแผ่นภาพต่างๆ จะมีตัวเลขกำกับไว้ด้านขวามือ เช่น แถวบนสุดกำกับไว้ว่า 6/60 (ระบบเมตตริก) หรือ 20/200 (ระบบอังกฤษ) แถวที่ 2 เป็น 6/36 หรือ 20/100 เรื่อยมาจนถึงแถวที่ 7 เป็น 6/6 หรือ 20/20
การทดสอบต้องทดสอบกับตาทีละข้าง โดยให้ตาขวาก่อนเสมอ ถ้าตาขวาอ่านได้ 2 แถว ซึ่งมีตัวเลขบ่งได้ว่า 6/36 หรือ 20/100 สามารถแปลผลได้ว่าภาพขนาดนั้นคนปกติสามารถอ่านได้หรือมองเห็นเมื่อยืนที่ 36 เมตร หรือ100 ฟุต ในขณะที่ผู้ป่วยต้องอ่านที่ 6 เมตรหรือ 20 ฟุต ซึ่งแสดงว่าสายตาผู้นั้นน้อยกว่าคนปกติมาก ถ้าอ่านด้วยตาขวามาถึงแถวที่ 7 ซึ่งระบุว่า 6/6 หรือ 20/20 แสดงว่าคนปกติอ่านได้ที่ระยะ 6 เมตร ผู้ถูกตรวจก็อ่านได้ที่ระยะ 6 เมตร เช่นกัน นั่นคือ มีสายตาปกตินั่นเอง
ปัจจุบันในการตรวจตาทั่วๆ ไป นิยมใช้แผ่นภาพ Snellen chart วัดว่าสายตาเท่าคนปกติหรือไม่ เทียบหลังการรักษากับก่อนการรักษาได้ดี แต่ในทางวิทยาศาสตร์การเทียบความแตกต่าง การหาค่าสถิติต่างๆ ทำได้ไม่ดีนัก ไม่แม่นยำ เนื่องจากแผ่นภาพ Snellen มีข้อเสียตรงที่
- ความยากง่ายของอักษรแต่ละแถวไม่สม่ำเสมอ บางแถวอาจมีตัวอักษรที่ง่ายมากกว่า บางแถวยากกว่า
- แต่ละแถวอักษรมีจำนวนไม่เท่ากัน
- ขนาดอักษรที่ลดหลั่นกันลงมาไม่สม่ำเสมอ ไม่เป็นแบบเรขาคณิต
- ช่องว่างระหว่างอักษรในแถวเดียวกัน และช่องว่างแถวไม่เท่ากัน
- ไม่สามารถให้คะแนนชัดเจน ไม่ได้เอาความสามารถที่อ่านเพิ่มได้อีก 1 หรือ 2 ตัวมาคำนวณ เช่น อ่านได้แถว 2 ถูกหมด แล้วอ่านแถว 3 ได้อีก 1 ตัว ซึ่งจะระบุไว้ว่าเป็น 6/36 +1 เวลานำตัวเลขมาคำนวณค่า +1 จะถูกตัดออกไป ทำให้ผู้อ่านได้ 3/36 และ 6/36 +1 หรือ 6/36 +2 มีค่าเท่ากันซึ่งไม่ถูกต้อง
ด้วยข้อไม่ดีดังกล่าว National Visual research institute ของออสเตรเลีย หันมาใช้ที่เรียกว่า Log MAR chart ที่คิดโดย Ian Bailey & Jan E Lovie – Kitchen ดังเช่นการศึกษาของ ETDRS study จะใช้ Log MAR chart ที่มีขนาดอักษรเท่ากันทุกบรรทัด ลดหลั่นกันแบบเรขาคณิต มีความยากง่ายพอๆ กัน ตลอดจนคิดค่า + ที่เพิ่มขึ้นเข้ามาด้วย