ยาหยอดหู (Ear drops)
- โดย พรลภัส บุญสอน
- 29 มกราคม 2558
- Tweet
- ยาหยอดหูทางเภสัชกรรมหมายความว่าอย่างไร?
- ทางเภสัชกรรมแบ่งยาหยอดหูเป็นประเภทใดบ้าง?
- ยาหยอดหูอยู่ในรูปแบบใดบ้าง?
- ยาหยอดหูมีข้อบ่งใช้อย่างไร?
- มีข้อห้ามใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
- มีข้อควรระวังในการใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
- การใช้ยาหยอดหูในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยาหยอดหูในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยาหยอดหูในเด็กควรเป็นอย่างไร?
- มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
- คำแนะนำวิธีใช้ยาหยอดหู
- บรรณานุกรม
- ยารักษาโรค (Pharmaceutical drug)
- ข้อปฏิบัติพื้นฐานในการใช้ยาทุกชนิด
- หู: กายวิภาคหู (Ear anatomy) / สรีรวิทยาของหู (Ear physiology)
- โรคหูคอจมูก โรคทางหูคอจมูก โรคระบบหูคอจมูก (ENT disease)
- หูติดเชื้อ (Ear infection)
- ภาวะขี้หูอุดตัน (Impacted cerumen)
- หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง หูน้ำหนวก (Chronic otitis media)
- ยาใช้ภายนอก (External Use drug)
- แก้วหูทะลุ (Ruptured eardrum)
- ยาหยอดหูทางเภสัชกรรมหมายความว่าอย่างไร?
- ทางเภสัชกรรมแบ่งยาหยอดหูเป็นประเภทใดบ้าง?
- ยาหยอดหูอยู่ในรูปแบบใดบ้าง?
- ยาหยอดหูมีข้อบ่งใช้อย่างไร?
- มีข้อห้ามใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
- มีข้อควรระวังในการใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
- การใช้ยาหยอดหูในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยาหยอดหูในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?
- การใช้ยาหยอดหูในเด็กควรเป็นอย่างไร?
- มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
- คำแนะนำวิธีใช้ยาหยอดหู
- บรรณานุกรม
ยาหยอดหูทางเภสัชกรรมหมายความว่าอย่างไร?
ยาหยอดหู (Ear drop) ความหมายทางเภสัชกรรมคือ เป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในช่องหู, รักษาการอักเสบภายในหูชั้นนอกและหูชั้นกลาง (อ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง หู: กายวิภาคหูและสรีระวิทยาหู) และรวมทั้งรักษาการอุดตันของขี้หู
ทางเภสัชกรรมแบ่งยาหยอดหูเป็นประเภทใดบ้าง?
ทางเภสัชกรรมแบ่งยาหยอดหูเป็นประเภทต่างๆดังนี้เช่น
- ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย (Antibacterial drug) หรือยาปฏิชีวนะ (Antibiotic) เช่น คลอแรมเฟนิคอล (Chloramphenical), โพลีมิกซิน บี (Polymyxins B), นีโอมัยซิน (Neomycin), ไซโปรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin), โอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin) เป็นต้น
- ยาต้านเชื้อรา (Antifungal drugs) เช่น โคไตรมาโซล (Clotrimazole), ทิงเจอร์เมอร์ไทโอเลต (Tincture merthiolate), เจนเชียนไวโอเล็ต (Gention violet) เป็นต้น
- สารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น กรดอะซีติก (2% Acetic acid solution), กรดบอริก (Boric acid) ที่จะมีคุณสมบัติมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียและต้านเชื้อรา เนื่องจากเชื้อก่อโรคต่างๆ เหล่านี้ที่อยู่ในช่องหูมักเจิญเติบโตได้ดีในสภาวะที่เป็นด่าง
- ยาชาเฉพาะที่ (Otic anesthetics) เช่น ลิโดเคน (Lidocaine), เบนโซเคน (Benzo caine) ที่ใช้ช่วยลดอาการปวดหู
- ยาต้านอักเสบ (Corticosteroids) เช่น ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone), เด็กซาเมตาโซน (Dexamethasone), เพร็ดนิโซโลน (Prednisolone) เป็นต้น ที่ใช้ลดการอักเสบและลดบวม
- ยาละลายขี้หู (Ceruminolytic agent) เช่น ด็อกคูเสท โซเดียม (Docusate sodium), โซเดียมไบคาร์บอเนต (Sodium bicarbonate/NaHCO3), น้ำมันมะกอก ที่ใช้ในผู้ที่ขี้หูอุดตัน
ยาหยอดหูอยู่ในรูปแบบใดบ้าง?
ยาหยอดหูมีได้หลายรูปแบบเช่น
- ยาสารละลายชนิดหยอดหู (Otic Solutions) มีทั้งในรูปแบบยาเดี่ยวเช่น โอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin) และยาที่ใช้ผสมกันเช่น โพลีมิกซิน บี (Polymyxin B), นีโอมัยซิน Neomycin, ไฮโดรคอร์ติโซน (Hydrocortisone)
- ยาน้ำแขวนตะกอนชนิดหยอดหู (Otic Suspensions) เช่น ไซโปรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) ผสมกับ เด็กซาเมตาโซน (Dexamethasone)
ยาหยอดหูมีข้อบ่งใช้อย่างไร?
ยาหยอดหูมีข้อบ่งใช้ยาดังนี้เช่น
- หูชั้นนอกอักเสบแบบเฉียบพลันจากการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา (Acute otitis externa, Swimmer’s ear)
- หูชั้นนอกอักเสบแบบเรื้อรัง (Chronic external otitis) อนึ่งอ่านเพิ่มเติมในเว็บ haamor.com บทความเรื่อง หูติดเชื้อ
- หูชั้นกลางอักเสบแบบเฉียบพลัน (Acute otitis media)
- หูชั้นกลางอักเสบเรื้อรัง (Chronic otitis media)
- การติดเชื้อราของหู (Otomycosis)
- ขี้หูอุดตัน (Cerumen impaction)
มีข้อห้ามใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
มีข้อห้ามใช้ยาหยอดหูดังนี้เช่น
- ห้ามใช้ในผู้ที่แพ้ยาหยอดหูนั้นๆหรือมีโครงสร้างหลักของยาอยู่ในกลุ่มยาเดียวกัน
- ห้ามใช้ยาละลายขี้หูในผู้ที่แก้วหูทะลุหรือที่มีอาการอักเสบของหู
มีข้อควรระวังในการใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
มีข้อควรระวังในการใช้ยาหยอดหูดังนี้เช่น
- ไม่ควรใช้ยาที่ทำให้เกิดพิษ/มีผลข้างเคียงต่อหู (Ototoxicity) เช่น นีโอมัยซิน (Neomycin) ในคนไข้ที่แก้วหูทะลุ แต่ควรเลือกใช้ยาต้านแบคทีเรียชนิดที่ไม่มีพิษต่อหูแทนเช่น ไซโปรฟล็อกซาซิน (Ciprofloxacin) หรือ โอฟล็อกซาซิน (Ofloxacin)
- ไม่ควรใช้ยาหยอดหูที่มีส่วนผสมของยาต้านอักเสบชนิดสเตียรอยด์ (Corticosteroids) ในคนไข้ที่ติดเชื้อรา เชื้อวัณโรค หรืองูสวัด ในช่องหู
- ในคนไข้ที่แก้วหูทะลุ ควรระวังการใช้ยาที่มีคุณสมบัติเป็นกรดหรือมีแอลกอฮอล์ เพราะจะทำให้เกิดอาการปวดหรือระคายเคืองต่อหูได้ โดยอาจเปลี่ยนไปใช้ยาหยอดตาแทน (สามารถใช้ยาหยอดตาแทนยาหยอดหูได้ แต่ไม่สามารถใช้ยาหยอดหูแทนยาหยอดตาได้) เพื่อลดความระคายเคือง
การใช้ยาหยอดหูในหญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตรควรเป็นอย่างไร?
ไม่มีข้อห้ามใช้ยาหยอดหูใดๆในหญิงตั้งครรภ์หรือในหญิงให้นมบุตร เพราะเป็นยาใช้เฉพาะที่ที่อยู่ในกลุ่มยาประเภทยาใช้ภายนอก
การใช้ยาหยอดหูในผู้สูงอายุควรเป็นอย่างไร?
การใช้ยาหยอดหูในผู้สูงอายุเป็นดังนี้คือ
- ไม่มีข้อห้ามใช้ยาหยอดหูใดๆในผู้สูงอายุ
- อาการขี้หูอุดตันพบได้มากผู้สูงอายุจนอาจรบกวนการได้ยิน สามารถใช้ยาหยอดละลายขี้หูได้เพราะยาจะทำให้ขี้หูอ่อนตัว โดยหยอดยาทิ้งไว้ประมาณ 15 นาทีหลังจากนั้น 3 - 5 วันควรไปพบแพทย์/แพทย์หูคอจมูก เพื่อล้างขี้หูที่เหลือออกได้อย่างถูกวิธี
การใช้ยาหยอดหูในเด็กควรเป็นอย่างไร?
การใช้ยาหยอดหูในเด็กควรปรับขนาดยาให้เหมาะสมกับน้ำหนักตัวของเด็ก และควรมีคนช่วยหยอดยาให้เด็กเพื่อให้ยาเข้าไปในช่องหูได้ดี
มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดหูอย่างไร?
มีผลข้างเคียงจากการใช้ยาหยอดหูดังนี้เช่น
- ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย/ยาปฏิชีวนะ ในกลุ่มอะมิโนไกลโคไซด์ (Aminoglycoside) เช่น ยา Streptomycin, Kanamycin จะเป็นพิษต่อหู (Ototoxicity) อาจทำให้การได้ยินเสียงผิดปกติ หรือสูญเสียการได้ยินได้ แต่กรณีนี้พบได้น้อยมากจากการใช้ยาหยอดหู
- เกิดผื่นแพ้ที่ผิวหนัง (Contact dermatitis) ซึ่งพบได้บ่อยในการใช้ยานีโอมัยซิน (Neomycin)
- เกิดการติดเชื้อราแทรกซ้อนในช่องหูเนื่องจากใช้ยาต้านแบคทีเรียหยอดหูติดต่อกันเป็นเวลา นาน
- ระคายเคืองช่องหูชั้นนอกเมื่อใช้ยาละลายขี้หูติดต่อกันนานเกินไป
คำแนะนำวิธีใช้ยาหยอดหู
คำแนะนำวิธีใช้ยาหยอดหูมีดังนี้
- ควรทำความสะอาดหูก่อนหยอดยา โดยใช้ไม้พันสำลีเช็ดสิ่งสกปรกหรือหนองออกหรือใช้วิธีดูดออก (ทำโดยแพทย์เท่านั้น)
- นอนตะแคงให้หูข้างที่จะหยอดยาอยู่ด้านบน ดึงใบหูไปด้านหลังและดึงขึ้นข้างบน เพื่อให้ยาเข้าไปในช่องหูได้ดี
- หยอดยาเข้าไปในหูตามที่แพทย์กำหนด ระวังอย่าเอาหลอดหยดสอดเข้าไปในรูหู
- นอนตะแคงอยู่ในท่าเดิมประมาณ 3 - 5 นาที อาจเอาสำลีสะอาดใส่ไว้ในรูหูเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ยาไหลออกมา
- ถ้าหูชั้นนอกบวมมาก อาจใช้สำลีสอดเข้าไปในรูหูแล้วหยดยาผ่านสำลีแทน เพื่อให้ยาถูกดูดซึมเข้าช่องหูได้ดียิ่งขึ้น โดยเปลี่ยนสำลีทุกวัน ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูอาการและทำความสะอาดช่องหูทุกๆ 2 - 5 วันหรือตามแพทย์แนะนำจนกว่าหูชั้นนอกจะหายบวม
- ถ้าเป็นยาหยอดหูชนิดยาน้ำแขวนตะกอน ให้เขย่าขวดก่อนใช้ยา
- หากเก็บยาหยอดหูไว้ในตู้เย็น (ห้ามเก็บยาในช่องแช่แข็ง) ก่อนใช้ยาควรใช้มือกำขวดยาไว้สักครู่ เพื่อปรับอุณหภูมิของยาให้ใกล้เคียงกับอุณหภูมิร่างกาย เนื่องจากถ้าหยอดยาที่เย็นเกินไปในช่องหูอาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนได้
บรรณานุกรม
1. ปารยะ อาศนะเสน.(2551). ยาหยอดหู. คลินิก. 11: 1013-1018
2. จรัล กังสนารักษ์. การใช้ยาหยอดหู. http://www.med.cmu.ac.th/etc/princefund/file/12.doc [2015,Jan17]
3. หู (ear) pharm.kku.ac.th/thaiv/pharmpractice/eent/lesson/ears/ear-doc.pdf [2015,Jan17]
4. Sander R.(2001). Otitis Externa: A practical guide to treatment and prevention. American family physician. 63: 927-936